1.วิชาภาษาอังกฤษ
วิชาภาษาอังกฤษ
-วิชาภาษาอังกฤษในหน้าที่ 1 นี้ใช้เป็นบทเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นปริญญาเอก
-การเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์แบบจะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญ 13 ประการ คือ:-
1.ไวยกรณ์อังกฤษ
2.บทสนทนาในภาษาอังกฤษ
3.นิทานภาษาอังกฤษ
4.วิธีจำคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ
5.แปลภาษาอังกฤษเป็นไทยและแปลไทยเป็นอังกฤษ
6.Essay Writing =การเขียนเรียงความ
7.Letter Writing =การเขียนจดหมาย
8.Report Writing =การเขียนรายงาน
9.Speech Writing =การเขียนสุนทรพจน์
10.News Writng =การเขียนข่าว
11.Article Writing =การเขียนบทความ
12.English Literature =วรรณคดีอังกฤษ 13.Poetry =บทกวี, กวีนิพนธ์
ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ
-ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษมีส่วนประกอบที่สำคัญ 4 อย่าง คือ:-
1.พยัญชนะในภาษาอังกฤษ
2.สระในภาษาอังกฤษ
3.สัญญาลักษณ์และเครื่องหมายที่นำมาใช้ในภาษาอังกฤษ
4.คำที่นำมาใช้ในภาษาอังกฤษ
พยัญชนะในภาษาอังกฤษ
-พยัญชนะในภาษาอังกฤษมี 26 ตัว แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ:-
1.ตัวพิมพ์ใหญ่
2.ตัวพิมพ์เล็ก
3.ตัวเขียนใหญ่
4.ตัวเขียนเล็ก
ตัวพิมพ์ใหญ่
- A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
ตัวพิมพ์เล็ก
-a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z

ตัวเขียนใหญ่
ตัวเขียนเล็ก
http://ieng4u-grammar.blogspot.com/2011/12/blog-post_27.html
http://www.engisfun.com/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9/
http://www.nithandek.com/english_practice_a-z/english_practice_a-z_1.html
วิธีเปิด
ต้องใช้ browser Google Chrome, Mozilla Firefox หรือ Internet Explorer จึงจะเปฺิดได้ เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายจงพยายามฝึกหัดเขียนและอ่านให้ คล่อง ถ้าไม่คล่องห้ามผ่านไปโดยเด็ดขาดและในลิ้งค์นี้ยังมีหมวดคำศัพท์ให้ฝึกฝนอีก มากมายขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายจงนำคำศัพท์ขึ้นมาเรียนและจดจำให้หมด
สระในภาษาอังกฤษ
-ในภาษาอังกฤษมีสระอยู่ 5 ตัว คือ:-
A E I O U
- Y เป็นได้ทั้งสระและพยัญชนะ
การเทียบพยัญชนะไทยเป็นพยัญชนะอังกฤษ
https://socyber.wikispaces.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5
http://www.tonamorn.com/english/alphabet/
ก ใช้ g แต่บางคนก็ใช้ k
ข ,, kh ,, ,, k
ค ,, k ,, ,, kh, g
ฆ ,, k
ง ,, ng ,, ,, nk
จ ,, j ,, ,, ch
ฉ ,, ch
ช ,, sh ,, ,, ch
ซ ,, s
ฌ ,, sh ,, ,, ch
ญ ,, y
ด ,, d ,, ,, th
ต ,, t
ถ ,, th ,, ,, t
ธ ,, th ,, ,, t, dh
ท ,, t ,, ,, th,dh
น ,, n
บ ,, b
ป ,, p
ผ ,, ph
ฝ ,, fh ,, ,, ph
พ ,, p ,, ,, b,bh
ฟ ,, f ,, ,, ph
ภ ,, p ,, ,, b,bh
ม ,, m
ย ,, y
ร ,, r
ล ,, l
ว ,, w ,, ,, v
ศ,ษ,ส ,, s
ห ,, h ,, ,, Hh
ฮ ,, h
การเทียบสระไทยเป็นสระอังกฤษ
http://learneng-1.blogspot.com/2013/06/3.html
อะ, อา ใช้ a
อิ ,, i
อี ,, ee บางคนใช้ i
อึ ,, u
อือ ,, ue
อุ ,, u บางคนใช้ oo
อู ,, oo ,, ,, u, ue
เอะ, เอ ,, e ,, ,, a
แอะ, แอ ,, ae ,, ,, a
โอะ, โอ ,, o
เอาะ, ออ ,, o
อัวะ, อัว ,, ua ,, ,, ue
เอียะ, เอีย ,, ea ,, ,, ia, ie
เอือะ, เอือ ,, ua ,, ,, ue
อำ, อัม ,, am ,, ,, um
เอา, อาว ,, ao
ไอ, ใอ, อัย ,, ai ,, ,, i
การเทียบสระไทยเป็นสระอังกฤษชนิดพิเศษ
-ay, ai ออกเสียงเป็น เอ เช่น:-
-lay (เลย์) v. =วาง
-laid (เลด) adj. ได้ปล่อยแล้ว
-ow, ou ออกเสียงเป็น เอา เช่น:-
-how (ฮาว) adv., pro.=อย่างไร, ประการใด
-house (เฮา) n. = บ้าน, เรือน
-oy, oi ออกเสียงเป็น ออย เช่น:-
-boy (บอย) n. =เด็กชาย
-oil (ออยล์) n. =น้ำมัน
-oo, ew, ue ออกเสียงเป็น อู เช่น:-
-Boonchoo (บุญชู) n. = ชื่อคน
-new (นยู, นิว) n. =ข่าว
-few (ฟยู, ฟิว) adj. =เล็กน้อย
-gewgaw (กยูกอ) n. =ของไม่มีค่า
-buenmar (บุญมา) n. =บุญมา ชื่อคน
-sued (ซูด) v. = ฟ้อง, ฟ้องร้อง
-er, ir, ur ออกเสียงเป็น เออร์ เช่น:-
-computer (คอมพิวเตอร์) n. =เครื่องคำนวณ, สมองกล
-first (เฟิร์สท์) n., adj., adv. =แรก, ก่อน, ที่หนึ่ง, ครั้งแรก, เที่ยวแรก
-furniture (เฟอร์นิเจอร์) n. =เครื่องเรือน, เครื่องตกแต่งบ้าน
-aw, au ออกเสียงเป็น ออ เช่น:-
- awful (ออฟุุล) adj. =น่ากลัว
-dawdle (ดอว์เดิล, ดอว์โด) v. =ชักช้า, โอ้เอ้, อู้
-daughter (ดอเทอร์) n. =ลูกสาว
-ow, oa ออกเสียงเป็น โอ เช่น:-
-own (โอน) v., adj. =ยอมรับ, เชื่อฟัง, มี, เป็นเจ้าของ, ของตนเอง
-oats (โอทซฺ) n. =ข้าวโอ๊ต
-road (โรด) n. =ถนน
-ee, ey ออกเสียงเป็น อี เช่น:-
-meet (มีท) v. =พบ เห็น เจอ
-ceylon (ซีลอน) n. =ประเทศศรีลังกา
-ue ออกเสียงเป็น เอ เช่น:-
-question (เควซชั่น) n. =คำถาม
-อ่านออกเสียงเป็น (อู) เช่น tuesday (ทูสะเด)
-ai ออกเสียงเป็น เอ เช่น:-
-grain (เกรน) n. =เมล็ดข้าว, เมล็ดพืช
-again (อะเกน) adv. =อีก, อีกที, ใหม่, อีกครั้ง, อนึ่ง
-against (อะเกนซฺทฺ) prep. =ต่อต้าน, ต้าน, สู้
-air ออกเสียงเป็น แอร์ เช่น:-
-airbus (แอร์บัส) n. =เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่
-airman (แอร์แมน) n. =นักขับเครื่องบิน, ทหารอากาศ
-airmail (แอร์เมล) n. =การขนส่งทางอากาศ
-air castle (แอร์ คาสเซิล) n. =วิมานในอากาศ (castle n. =ปราสาท, ราชวัง, คฤหาสน์, ป้อมปราการ)
-ay ออกเสียงเป็น เอ เช่น:-
-day (เด) n. =วัน
-mayor (เม เออะ) n. =นายกเทศมนตรี
-maybe (เมบิ) adv. =อาจจะ, บางที, ชะรอย
-ey ออกเสียงเป็น อี เช่น:-
-money (มันนี่) n. =เงิน
-eyrie (อิ เออะริ, เอริ) n. =รังนกอินทรีย์, บ้านบนที่สูง
การผสมสระพิเศษ
A
ae (แอะ, แอ) เช่น aeroplane
ea (อี, เอียะ, เอีย) เช่น teach
ai (ไอ) เช่น Thai
ia (เอีย) เช่น Asia
ao (เอา, อาว, แอ) เช่น gaol (แจว) n. =เรือนจำ
oa (โอ) เช่น road
au (ออ, เอือะ, เอือ) เช่น:-
-cauliflower (คอลิเฟลาเออะ) n. =กะหล่ำดอก
-caurter (คอร์เทอร์) n. =ตำบล, สิบห้านาที, หนึ่งในสี่, เสี่ยวหนึ่ง
ua (เอือะ, เอือ, อัวะ, อัว, ออ, แอ) เช่น:-
-quad (ควอด) n. =รูปสี่เหลี่ยม, คุก
-quack (แควค) n. =หมอเถื่อน, หมอกำมะลอ, หลอกลวง, นักต้มตุ๋น
E
ea (อี, เอียะ, เอีย) เช่น beach (บีช) n. =ชายหาด
ee (อี) เช่น beef (บีฟ) n. =เนื้อวัว, เนื้อควาย
ei (อี) เช่น ceiling (ซีลิ่ง) n. =เพดาน
ie (อี) เช่น chief (ชีฟ) n. =หัวหน้า, ผู้นำ
eo (เอ) เช่น feoffor (เฟฟเฟอ) n. =ผู้มอบที่ดิน
oe (โอ) เช่น foe (โฟ) n. =ศัตรู
eu (อยู) เช่น feud (ฟยูด) n. =การทะเลาะวิวาท
ue (อยู) เช่น fuel (ฟยูเอิล) n. =เชื้อเพลิง
I
ia (เอ, ไอ) เช่น caisson (เคเซิน) n. =รังกระสุน Ciaro (ไคโร) n. =ชื่อเมืองหลวงของประเทศอิยิปต์
ie (อี, ไอ) เช่น chief (ชีพ) n. =หัวหน้า, ผู้นำ bier (ไบเออะ) n. =รังกระสุน
io (ไอ) เช่น:-
-diod (ไดโอด) n. =อิเล็คทรอนิกส์ที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ทางเดียว
-dioxide (ไดออคไซด์) n. =ออคไซด์ที่ประกอบด้วยออคซิเจน 2 อะตอม
oi (ออย, ไอ) เช่น:-
-choice (ชอยซ์) n. =การเลือก, คนที่ถูกเลือก, ทางเลือก
-choir (ไควเออะ) n. =ชุดเครื่องดนตรี, วงดนตรี
iu (อู, ไอ) เช่น triumph (ไทรอัมฟ) n. =ชัยชนะ, ความมีชัย
ui (อู) เช่น ruin (รู อิน) n. =ความพินาศ, ความหายนะ
O
oa (โอ) เช่น roam (โรม) v. =เที่ยวเตร่, เที่ยวซัดเซพเนจร
oe (โอ) เช่น doe (โด) n. =กวางตัวเมีย
oi (ออย) เช่น broil (บรอยล) v. =ปิ้ง, ย่าง, เผา broiler (บรอยล เออะ) n. =เครื่องปิ้ง เครื่องย่าง คนย่างเนื้อ
oo (อู) เช่น room (รูม) n. =ห้อง moon (มูน) n. =พระจันทร์
ou (เอา) เช่น:-
-our (เอา เออะ) pro. =ของพวกเรา
-out (เอาทฺ)
-outside (เอาทฺไซด์) n. =ด้านนอก, ข้างนอก
-double (ดับ เบิล) adj. =สองหน, ทวี, ซ้ำ, สองเท่า
-outstanding (เอาสแตนดิ่ง) adj. =โดดเด่น, ชั้นเยี่ยม, เจ๋ง
uo (เอา) เช่น:-
-huose (เฮาซ์) n. =บ้าน, เรือน, โรงเรือน, ที่พักอาศัย, รัฐสภา
-huosewife (เฮาซ์ไวฟ์) n. =แม่บ้าน, กล่องใส่เข็มและด้าย
-huosetop (เฮาซ์ทอพ) n. =หลังคาบ้าน
U
ua (อา) เช่น guard (การ์ด) v. =เฝ้า, ปกป้อง, รักษา, พิทักษ์, คุ้มครอง
ue (เอ) เช่น guest (เกซทฺ) n. =แขก, ลูกค้า, ผู้มาพักอาศัย
ui (อู) เช่น:-
-fruit (ฟรูท) n. =ผลไม้
-fruitless (ฟรูทเลส) adj. =ไร้ผล, ไม่มีประโยชน์
-fruitful (ฟรูทฟุล) adj. =ผลดก, ที่ให้ผลดี, มีกำไร
uo (ออ, โอ) เช่น:-
-quorum (ควอ รั๊ม) n. =องค์ประกอบ
-quota (โคว ต้า) n. =ส่วนแบ่ง, จำนวนจำกัด, ส่วนร่วม
การผสมสระ 3 ตัว
eau อ่านออกเสียงเป็น อิว หรือ อู เช่น beautiful
iou ,, ,, เอิอ เช่น religious (ริลิจเจิซ) adj. =ซึ่ง
เลื่อมใสในศาสนา, ซึ่งเตร่งครัดในศาสนา
iou อ่านออกเสียงเป็น เอิอ เช่น spurious (สะพยูริเอิซ, สะเปียเรียซ) adj. = ไม่แท้, เก๊, จอมปลอม, หลอกลวง
iou อ่านออกเสียงเป็น เอิอ เช่น injudicious (in - ju - di - cious) (อินจูดิชเชิซ, อินจูดิเซียซ) adj. =ไม่ฉลาด, ไม่สุขุม
aeo อ่านออกเสียงเป็น แอว เช่น aeolian (แอวเลี่ยน) n. =ลม
ieo ,, ,, เอียว เช่น
oei ,, ,, เอย เช่น Loei (เลย) n. =จังหวัดเลย
การเทียบอักษรไทยเป็นอักษรอังกฤษ
จงคลิกดูที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้
http://www.krui3.com/content/consonant/
http://baipaknaru.blogspot.com/p/blog-page.html
สัญญาลักษณ์และเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ
การใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ (Punctuation)
การใช้เครื่องหมายวรรคตอนเป็นสิ่งที่สำคัญในการเขียนข้อความ เนื่องจากเครื่องหมายวรรคตอนนั้นใช้สื่อความหมายต่างๆ กัน
-Period (เพียเรียด), Full Stop (ฟุล สะต๊อบ) แปลว่า "จุด หรือ มหัพภาค ( . )"
1.ใช้เมื่อจบประโยคในประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำสั่ง เช่น:-
-I saw the boy.
=ฉันเห็นเด็กชายแล้ว.
-Let’s go to the shop.
=ขอให้พวกเราไปร้านตลาดเถอะนะ.
-Give me the pen please.
=โปรดให้ปากกาด้ามแก่ฉัน.
2.ใช้หลังอักษรย่อต่างๆหรือคำย่อ เช่น:-
-Dr.=Doctor =ด๊อกเตอร์
-adv.=adverb =แอ๊ดเวิร์บ
-U.S.A.=United States of America =สหรัฐอเมริกา
-Comma (คอมม่า) แปลว่า "จุลภาค ( , )"
1.ใช้คั่นเพื่อแยกคำที่เป็นนามซ้อน เช่น:-
-Thailand, as a country in Asia, is famous about beautiful temples.
=ประเทศไทยเป็นประเทศในทวีปเอเซียมีชื่อเสียงเกี่ยวกับวัดที่สวยงาม.
2.ใช้แยกระหว่างคำที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เช่น:-
-I want a car, a motorcycle, and a bicycle.
3.ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่บอกสี เช่น:-
-I have a blue, yellow bicycle.
4.ใช้แยกคำคุณศัพท์ที่ตามหลังคำนาม เช่น:-
-The modal is dark, tall and handsome.
5.คั่นข้างหน้าหรือข้างหลังชื่อ เช่น:-
-Christina, where have you been?
-What would you like to eat, Pranee?
6.คั่นประโยคที่ตามหลัง Yes, No และ Well ที่ขึ้นต้นประโยค เช่น:-
-Are you Thai? Yes, I am.
-Well, I’m not sure if I can do that
7.ใช้เพื่อแยกข้อความในประโยคคำพูด เช่น:-
-He said, “They are happy.”
8.คั่นระหว่างปีที่ตามหลังเดือน, ถนนกับเมือง,เมืองกับประเทศ เช่น:-
-Today is May 4th, 2000.
-Dang lives at 56 Sukumvit Road, Bangkok.
-Semi-colon (เซมิ โคลอน) แปลว่า "เครื่องหมายอัฒภาค ( ; )"
1.ใช้คั่นประโยคที่มีเครืองหมาย comma คั่นอยู่แล้ว เช่น:-
-English is spoken by the people in England; is also spoken by the Scots, by the unredeemed Irish, the Australians-a lot of people other than Americans.
2.ใช้ทำหน้าเพื่อเชื่อมประโยคสองประโยคที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกันวางไว้หน้า adverbได้แก่คำว่า therefore(ดังนั้น) besides(นอกจากนี้) เป็นต้น เช่น:-
-Canada is very cold; therefore people must wear heavy coats in the winter.
-Colon (โคลอน) แปลว่า "เครื่องหมายจุดคู่ หรือ มหัพภาคคู่ ( : )"
1.ใช้ colon อยู่ข้างหน้าของประโยคอธิบายความ เช่น:-
-He decided to buy a car:he had to travel to the remote area.
2.ใช้แจ้งรายการ ซึ่งนิยมใช้หลังคำเหล่านี้คือ the following หรือ as follows เป็นต้น เช่น:-
-We require the following for our camping trip: tent, bags, and boots.
-Question Mark (เควชั่น มาร์ค) แปลว่า "เครื่องหมายคำถาม ( ? )"
-ใช้กับประโยคคำถาม เช่น:-
-Is that food hot?
-What is your nationality?
-Do you like durian?
-How tall are you?
-Exclamation Mark (เอคซเคลเมชั่น มาร์ค) แปลว่า "เครื่องหมายตกใจ( ! )"
-ใช้หลังคำอุทานหรือประโยคอุทาน
-Oh! you are so beautiful.
-Watch out ! (วอทเชาทฺ) =จงระวัง
-Go away !
-Apostrophe (อะพอซโทระฟิ) "เครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของ( ‘ )"
1.ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามทั้งนามเอกพจน์และนามพหูพจน์ เช่น:-
-The doctor’s car
-The men’s club
-Somkiet’s dog
2.ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของคำนามพหูพจน์ที่เติม s หรือชื่อเฉพาะที่มี s เช่น:-
-The girls’ books
-Charles’ school
3.ใช้ย่อคำหรือรูปย่อ
-can’t (can not)
-it’s (it is)
-I’d rather (I woud rather)
-Quotation Marks (โควะเทชั่น มาร์ค) แปลว่า "เครื่องหมายคำพูด ( ” ” )"
-ใช้เขียนคร่อมข้อความที่เป็นประโยคคำพูด เช่น:-
-He said, “I am going home.”
-“I can help you move,” Narong volunteered
-Hyphen (ไฮเฟ็น) แปลว่า "เครื่องหมายเชื่อมคำ หรือ ยัติภังค์ ( – )"
-ใช้เพื่อเชื่อมคำสองคำให้เป็นคำเดียวกัน เช่น:-
-ex-husband (เอ๊คซัสแบนดฺ) =อดีตสามี
-anti-American
-two-day holiday
-Dash (แดช) แปลว่า "เครื่องหมายเน้นข้อความ ( – )" รูปเหมือนไฮเฟ็นแต่ต่างกันที่การใช้
-ใช้เพื่อเน้นข้อความที่แทรกเข้ามาเพื่ออธิบายหรือใช้คั่นคำที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจหรือเปลี่ยนใหม่ เช่น:-
-I got lost, forgot my bag, and missed my plane– it was a terrible trip.
-If I had a lot of money, I would —Oh, what am I thinking? I will never be rich.
เครื่องหมายวรรคตอน
กิลเลอเมต ( « » )
จุดไข่ปลา ( …, ... )
จุลภาค ( , )
ซอลิดัส ( ⁄ )
ทวิภาค ( : )
ทับ ( / )
นขลิขิต หรือ วงเล็บ ( ), [ ], { }, < >
บุพสัญญา ( " )
ปรัศนี ( ? )
มหัพภาค ( . ) บางครั้งก็เรียก "จุด" ถ้าใช้เกี่ยวกับอีเมลเรียกว่า "Dot" แปลว่า "จุด"
ยัติภังค์ ( -, ‐ )
ยัติภาค ( ‒, –, —, ― )
สัญประกาศ ( _ )
เสมอภาค ( = )
อะพอสทรอฟี ( ', ʻ, ’ )
อัญประกาศ ( “ ”, ‘ ’, " " )
อัฒภาค ( ; )
อัศเจรีย์ ( ! )
การแบ่งคำ
มหรรถสัญญา
เว้นวรรค ( ) ( ) ( )
อินเทอร์พังก์ ( · )
การพิมพ์ทั่วไป
แคเรต ( ^ )
เซกชัน ( § )
ดอกจัน ( * )
แด็กเกอร์ ( † ) ( ‡ )
ทิลเดอ ( ~ )
นัมเบอร์ ( # )
นูเมอโร ( № )
บวกและลบ (+ −)
บวกหรือลบ (±)
บุลเลต ( • )
แบ็กสแลช ( \ )
ปรัศนีกลับหัว ( ¿ )
เปอร์เซ็นต์ ( %, %)
พิลโครว์ ( ¶ )
ไพป์ ( |, ¦ )
ไพรม์ ( ′ )
สกุลเงิน ( ¤ ) ¢, $, €, £, ¥, ₩, ₪
องศา ( ° )
ออเบอลุส (÷)
อันเดอร์สกอร์ ( _ )
อัศเจรีย์กลับหัว ( ¡ )
แอมเพอร์แซนด์ ( & )
แอต ( @ )
การพิมพ์เฉพาะทาง
กรณฑ์ ( √ )
ซาร์แคซึมมาร์ก
ดัชนี ( ☞ )
เพราะฉะนั้น ( ∴ )
ลอซินจ์ ( ◊ )
อ้างอิง ( ※ )
อินเทอร์รอแบง ( ‽ )
แอสเทอริซึม ( ⁂ )
ไอรอนนีมาร์ก ( ؟ )
-f�G fm�3 �1ri;mso-ascii-theme-font: minor-latin;mso-hansi-font-family:Calibri;mso-hansi-theme-font:minor- latin'>เปอร์เซ็นต์ ( %, %)
พิลโครว์ ( ¶ )
ไพป์ ( |, ¦ )
ไพรม์ ( ′ )
สกุลเงิน ( ¤ ) ¢, $, €, £, ¥, ₩, ₪
องศา ( ° )
ออเบอลุส (÷)
อันเดอร์สกอร์ ( _ )
อัศเจรีย์กลับหัว ( ¡ )
แอมเพอร์แซนด์ ( & )
แอต @ )
เครื่องหมายไทย
โคมูตร ( ๛ )
ตีนครุ ( ┼ )
ไปยาลน้อย (ฯ)
ไปยาลใหญ่ (ฯ ล ฯ
ฟองมัน ( ๏ )
ไม้ยมก ( ๆ )
อังคั่น ( ฯ, ฯะ, ๚, ๚ะ )
t:min�}ai��3�3นเทอร์รอแบง ( ‽ )
แอสเทอริซึม ( ⁂ )
ไอรอนนีมาร์ก ( ؟ )
กรุณาเปิดลิ้งก์ข้างล่างนี้ขึ้นมาอ่านประกอบ
http://th.wikipedia.org/wiki/ทับ_(เครื่องหมายวรรคตอน)
คำที่นำมาใช้ในภาษาอังกฤษ
-คำที่นำมาใช้ในภาษาอังกฤษมี 8 คำ คือ
1.Noun
2.Pronoun
3.Verb
4.Adjective
5.Adverb
6.Preposition
7.Conjunction
8.Interjection
-คำทั้ง 8 คำเหล่านี้ได้นำเอามาใช้เป็นไวยกรณ์อังกฤษมีหน้าที่และวิธีใช้ดังนี้ กรุณาเปิดอ่านดูที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้
สอนไวยกรณ์อังกฤษแบบเข้าใจง่าย
http://www.internetuniversity999.com/15705604/1noun-one
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้นจนพูดได้ให้คลิกที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=158&Itemid=101
http://www.e4thai.com/e4e/
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=14:www-manythings-org-e-listening-
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=15:elllo-org&catid=48&Itemid=110
สนทนาภาษาอังกฤษ
-นี้คือบัญญัติ 10 ประการที่นักสนทนาภาษาอังกฤษทุกคนจะต้องจำให้ขึ้นใจอยู่ตลอดเวลา
1. อย่ากลัวความผิดพลาดและกังวลกับหลักไวยากรณ์มากเกินไป ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่กำลังหัดพูดภาษาอังกฤษ ที่ฝรั่งมักจะเรียกว่าเป็นอาการ “mental blocks” คือมีบางสิ่งในจิตใจที่ขัดขวางทำให้ไม่สามารถเข้าใจหรือทำอะไรบางอย่างได้ กลัวว่าจะพูดผิด อายถ้าพูดประโยคภาษาอังกฤษได้ไม่สมบูรณ์แบบและไม่ถูกต้องเป๊ะๆ ตามหลักไวยากรณ์ ที่ท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ความกังวลเหล่านั้นจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดและพูดไม่ได้สักที จำเอาไว้ว่า “การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความสมบูรณ์แบบ”
ลองนึกภาพ คนๆ หนึ่งพูดว่า “Yesterday I go to party in beach.” ซึ่งประโยคนี้ผิดหลักไวยากรณ์แน่ๆ ที่ถูกต้องคือ “Yesterday I went to a party on the beach.” แต่ทั้งสองประโยคกลับสื่อสารได้ความเดียวกันว่า “เมื่อวานฉันไปปาร์ตี้ที่ชายหาดมา” ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งร้ายแรง ก็แค่ลองใหม่แก้ไขไปเรื่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ อย่าอายถ้ามันจะผิดพลาดหรือไม่ถูกหลักไวยากรณ์นัก เพราะการสื่อสารให้เข้าใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจำไว้
2.เริ่มต้นจากการฟัง อยาก พูดภาษาอังกฤษให้คล่องเราต้องเริ่มฟังกันก่อน ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษ หรือจะดูหนัง ฟังเพลง เลือกแบบที่เราชอบได้เลย สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเลยควรเริ่มจากการฟังบทสนทนาง่ายๆ ก่อน จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงของเจ้าของภาษา และยังได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการพูดทั่วๆ ไปด้วย ต่างจากการดูหนัง หรือฟังเพลงภาษาอังกฤษ เพราะอาจจะมีการใช้คำยากๆ ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาดีพอ แทนที่จะได้ฝึกการฟังกลับต้องมาคอยเปิด Dictionary ตีความหมายแทน เคล็ดลับในการฟังให้ได้ผลก็คือ “ฟังอย่างเข้าใจ และฟังอย่างต่อเนื่อง” เข้าใจคือเลือกฟังอะไรที่ง่ายไม่ยากเกินไป อย่างเช่น ข่าวภาษาอังกฤษที่ทั้งยากและเร็ว ฟังกี่ปีกี่ชาติก็ไม่มีวันเข้าใจ ฟังมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไร ดังนั้นเลือกง่ายๆ เข้าไว้แล้วค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จะดีกว่า และฟังอย่างต่อเนื่อง วันละ 1-2 ชั่วโมง สามารถแบ่งเป็นเช้า 20 นาที เที่ยง 20 นาที และเย็นอีก 20 นาที ก็ได้ ตามสะดวกแต่เน้นว่าต้องฟังทุกวัน ห้ามฟังวันเว้นวันโดยเด็ดขาด แล้วคุณจะเห็นผลที่ตามมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ คอนเฟิร์ม!!!
3.ฟังแล้วตอบ การฟังเพื่อให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและสามารถโต้ตอบได้ ไม่ใช่ฟังซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง เพื่อให้จำเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการ “ฟังและตอบคำถาม” ในขั้นตอนแรกของการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ดี นั่นคือ การฟังจากบทสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆ เมื่อเราฟังแล้ว ลอง “Pause” ในช่วงของคำตอบ แล้วฝึกตอบอย่างรวดเร็ว จากคำถามที่เราฟัง ฝึกให้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องคิด ภาษาอังกฤษของคุณก็จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติไปโดยปริยาย หรือลองฝึกด้วยการหาติวเตอร์ชาวต่างชาติมาช่วยเล่าเรื่องราวสักหนึ่งเรื่อง เริ่มจากง่ายๆ ก่อน เมื่อเล่าจบให้เขาลองถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เล่าให้ฟัง จะทำให้คุณคิดคำตอบได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
4.เรียนรู้เป็นภาพไม่ใช่ตัวอักษร ก่อนที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ต้องมีการซ้อม การเตรียมความพร้อม ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีคลังคำศัพท์มากพอหรือยัง? เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาอังกฤษได้นั้นเพราะเรา ไม่รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเลยไม่รู้ว่าจะตอบฝรั่งชาวต่างชาติได้อย่างไร ท่องจำกันตั้งแต่เล็กจนโตก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถึงเวลาจริงก็นึกไม่ออกไม่รู้จะหยิบคำไหนมาใช้ ดังนั้น ต่อไปนี้เราต้องมาเรียนรู้และจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษในรูปแบบใหม่ “เลิกท่องศัพท์ ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้” เอ๊ะ...ยังไง!!!
ต้องเลิกท่องคำศัพท์เป็นคำๆ ท่อง 1,000 คำ ก็จำไม่ได้เชื่อเถอะ ลองหันมาใช้วิธีการเรียนรู้คำศัพท์เป็นภาพ และเรื่องราวแทนการจดคำศัพท์เป็นลิสต์ยาวๆ พร้อมคำแปล แล้วนั่งท่องนอนท่อง วิธีนั้นลืมไปได้เลย ลองเปลี่ยนมาเป็นการเรียนรู้คำศัพท์แบบเป็นวลี ไม่จำเป็นคำๆ เวลาที่เจอคำศัพท์ใหม่ๆ ให้จดลงในสมุดโน้ต พร้อมกับวลีสั้นๆ จะทำให้การพูดและหลักไวยากรณ์ของคุณดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
5.หยุดท่องหลักไวยากรณ์ เด็กไทยส่วนมากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษมาพร้อมๆ กับการเริ่มท่องกฎไวยากรณ์ “S. + V.to be + V.เติม ing” เป็น Present Continuous Tense ท่องๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับคำศัพท์รูปกริยาที่เปลี่ยน ช่อง 1, 2, 3 ถ้าเริ่มต้นด้วยวิธีท่องหลักไวยากรณ์แล้ว 60 เปอร์เซนต์ จะคุยกับฝรั่งไม่ได้เลย อีก 30 เปอร์เซนต์ จะแค่พอพูดได้แบบตะกุกตะกัก ซึ่งมีเพียง 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว สำเนียงเป๊ะ เด็กอเมริกันแท้ๆ ไม่เคยต้องเรียน Grammar จนกระทั่งถึงมัธยม บางคนเพิ่งมาเริ่มเรียน Present Tense ตอนอายุ 15-16 ปีแล้ว ด้วยซ้ำ
ถ้าจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ ได้ต้องหยุดท่องหลักไวยากรณ์ เพราะนั่นเป็นวิธีที่ผิด เด็กๆ ชาวต่างชาติจะพูดภาษาอังกฤษจากการเรียนรู้เองโดยธรรมชาติ จากการฟัง สังเกตและเลียนเสียงพูดจนคล่องก่อนจะเริ่มเรียนหลักไวยากรณ์ เหมือนเด็กไทยที่เรียนรู้และพูดคำว่า “แม่” จากการฟังและฝึกออกเสียง แล้วค่อยมาเรียนรู้วิธีการผสมคำในภายหลังนั่นเอง จริงๆ แล้วก็ใช้หลักในการเรียนรู้ภาษาเหมือนกันทั่วโลก
6.เรียนรู้แบบช้าๆ แต่ลึกซึ้ง เคล็ดลับที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดายนั่นก็คือ การเรียนรู้ทุกคำ และทุกวลีอย่างลึก (Deeply) ไม่ใช่แค่เรียนรู้ความหมาย ไม่ใช่แค่จำเพื่อไปทำข้อสอบ แต่คุณจะต้องเรียนรู้มันอย่างลึกซึ้ง ลึกลงไปในสมอง การพูดภาษาอังกฤษให้ได้ง่ายคุณต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ในแต่ละบทเรียน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีหนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษ 1 เล่ม ในบทแรกให้ฟัง 30 ครั้ง ก่อนที่จะผ่านไปบทที่ 2 โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ครั้งในแต่ละวัน ให้ทำแบบนี้ไปจนครบ 10 วัน ต่อหนึ่งบท อย่าเพิ่งท้อ ท่องไว้ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ฟังจนฝังลึกลงไปในสมอง ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปขอเพียงตั้งใจจริง
7.อย่าแปลเป็นไทย สาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้ว่าอาจจะฟังออกก็ตาม นั่นก็คือ การแปลประโยคต่างๆ เป็นภาษาไทยก่อนตอบ ซึ่งการพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติคือ ฟัง-คิด-พูด ต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โดยไม่มีการแปลเป็นไทยในหัว เพราะฉะนั้น เราควรพยายามแปลเป็นไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ระบบที่คนไทยส่วนใหญ่คิดคือ ฟังภาษาอังกฤษเข้าหูปุ๊บมาแปลเป็นไทย คิดคำตอบภาษาไทย แล้วแปลตอบออกไปเป็นภาษาอังกฤษอีกที ซึ่งกว่าจะหลุดคำตอบออกมาได้ต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง ผลคือพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก ไม่ไหลลื่นและเป็นธรรมชาติ วิธีการเรียนภาษาที่ถูกต้องก็คือ ต้องพยายามแปลให้น้อยที่สุดหรือไม่แปลเลยได้ยิ่งดี เน้นความเข้าใจความหมายเป็นภาพของมันจริงๆ
8.เรียนรู้ที่จะคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ
หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้นั่นก็คือ “การคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ” อีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่ในการเรียนรู้ และจะทำให้คุณพูดได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องอายถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา เพราะไม่มีใครรู้!!!! โดยคุณสามารถทำตามกระบวนการและขั้นตอนได้ ดังนี้
Level 1 : คิดคำศัพท์ภาษาอังกฤษในแต่ละวันของคุณ เมื่อคุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าให้คิดหาคำศัพท์ขึ้นมา 1 ชุด เช่น:-
bed, toothbrush, bathroom, eat, banana, coffee, clothes, shoes
หรือถ้าคุณกำลังนั่งทำงานอยู่ก็คิดถึงคำศัพท์ขึ้นมาอีก 1 ชุด
car, job, company, desk, computer, paper, pencil, colleague, boss
Level 2 : ลองเอาคำศัพท์มาแต่งให้เป็นประโยค เมื่อคุณกำลังนั่งกินอาหารอยู่ก็ให้คิดแต่งให้เป็นภาษาอังกฤษ
• I’m eating a sandwich.
• My friend is drinking soda.
•This restaurant is very good.
ขณะที่คุณกำลังนั่งดูทีวีอยู่ก็ให้คิดเป็นประโยคภาษาอังกฤษขึ้นมา…
•That actress is beautiful.
•The journalist has black hair.
•He’s talking about politics.
Level 3 : สุดท้ายจินตนาการประโยคภาษาอังกฤษทั้งหมดให้เป็นเรื่องราวขึ้นมาในหัวของคุณ โดยให้คิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เช่นในขณะที่คุณออกกำลังกาย หรือกำลังรอรถไฟฟ้า รถเมล์ ให้ลองนึกบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวในหัวคุณให้เป็นภาษาอังกฤษ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย เพราะนี่เป็นเพียงความคิด ยังไม่ได้พูดจริงๆ
9.พูดด้วยคำศัพท์ที่แตกต่าง ดูดีมีความคิดสร้างสรรค์ สองอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษดูไม่คล่องแคล่วมั่นใจ นั่นก็คือ “ไม่รู้ศัพท์ และ การหยุดหรือลังเล” ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มักมาพร้อมกันเสมอ หลายครั้งที่คุณพูดภาษาอังกฤษแต่นึกคำศัพท์ไม่ออก นั่นก็เป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เออๆ อ่าๆ...เพราะมัวแต่คิดถึงคำศัพท์ที่เคยท่องไว้ คราวนี้เราลองมาเปลี่ยนวิธีใหม่ ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ลองหาคำอื่นมาอธิบายขยายความเอาก็ได้
ถ้าคุณจะบอกว่า “หัวหอม” ภาษาอังกฤษคือ “onion” แต่นึกคำศัพท์ไม่ออกก็ให้อธิบายไปว่า “the white vegetable that when you cut it you cry” นี่เป็นคำบรรยายที่เข้าใจได้ ว่าสิ่งที่คุณกำลังจะสื่อสารหมายถึงอะไร รวมไปถึงคำศัพท์อื่นๆ ที่จะใช้แทนกันได้ในภาษาอังกฤษ เช่น การกล่าวทักทาย ที่นอกจาก “hello” แล้วมีคำว่าอะไรบ้าง หรือการกล่าวลา วลีของการล่ำลาในภาษาอังกฤษนั้นก็มีมากมายหลายสถานการณ์ด้วยกัน
10.ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของคุณให้เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษ ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว แต่ถ้าจะให้ง่ายและรวดเร็วที่สุดนั่นก็คือ “พยายามหาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ” นอกจากจะได้เพื่อนแล้ว เรายังได้ฝึกภาษาด้วย ที่สำคัญเพื่อนชาวต่างชาตินี่แหละที่จะช่วยคุณแก้ไขคำผิด ทั้งคำศัพท์ รูปประโยคและหลักไวยากรณ์ต่างๆ ให้คุณได้ พยายามหาเพื่อนฝรั่งคุยแชทบ้าง คุย Skype บ้าง เพื่อเป็นการฝึกภาษาและฟังสำเนียงที่ถูกต้องนั่นเอง
แนะ นำให้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวันๆ ละ 10 นาที และจะดีมากๆ ถ้าคุณใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า 1 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังมีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้ภาษาอังกฤษมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของ คุณ เช่น ฟังภาษาอังกฤษในขณะที่คุณกำลังขับรถไปทำงาน, อ่านข่าวหรือฟังข่าวออนไลน์เป็นภาษาอังกฤษแทนภาษาไทย, ฝึกการคิดเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่คุณกำลังทำงานบ้านหรือออกกำลังกาย, อ่านบทความ ฟังพอดคาสต์ หรือดูวิดีโอภาษาอังกฤษในแบบที่คุณชอบ เป็นต้น
การสนทนาภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 9 ชนิด
https://www.englishbychris.com/portfolio-items/english-conversations/
1.บทสนทนาทั่วไป
2,บทสนทนาพิเศษ
3.บทสนทนาที่เป็นคำสั่ง
4.บทสนทนาที่เป็นคำขอร้อง
5.บทสนทนาที่เป็นคำเชิญชวน
6.บทสนทนาที่เป็นคำเสนอแนะ
7.บทสนทนาที่เป็นคำขออนุญาต
8.บทสนทนาที่เป็นคำปรึกษา
9.บทสนทนาที่เป็นการแสดงความคิดเห็น
บทสนทนาทั่วไป
-บทสนทนาทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ:-
1.คำที่ใช้กล่าวทักทายกันในตอนแรก
2.คำที่ใช้กล่าวทักทายกันในการดำเนินชีวิตและสุขภาพ
3.คำที่ใช้กล่าวทักทายกันในชีวิตประจำวัน
4.คำที่ใช้กล่าวทักทายกันในเวลาล่ำลาจากกัน
-คำที่ใช้กล่าวทักทายกันตอนแรกมี 3 คำ คือ:-
1. Hello (เฮลโล่ะ) แปลว่า "สวัสดี" ใช้กล่าวทักทายกับคนที่เรายังไม่รู้จัก
2. Hi (ไฮ) แปลว่า "สวัสดี" ใช้กล่าวทักทายกับคนที่เรารู้จักกันแล้ว
3. Hey (เฮ) แปลว่า "เฮ้" ใช้กล่าวทักทายกับคนที่เรารักใคร่สนิทสนมเป็นเพื่อนรักกันแล้วและใช้กล่าวทักทายในการห้ามปราม
-คำต่อไปนี้ใช้กล่าวทักทายกันในการดำเนินชีวิตและสุขภาพมี 2 คำ คือ:-
1.How are you ? แปลว่า "เป็นอย่างไร สบายดีหรือ?"
2.How do you do ? แปลว่า "เป็นอย่างไร สบายดีหรือ?"
-คำที่ใช้กล่าวทักทายกันในชีวิตประจำวันมี 4 คำ คือ:-
1.Good morning แปลว่า "สวัสดี ตอนเช้า"
-ใช้กล่าวทักทายกันใเวลาเช้า คือ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 12.00 น.
2.Good afternoon แปลว่า "สวัสดี ตอนบ่าย"
-ใช้กล่าวทักทายกันในเวลาบ่าย คือ ตั้งแต่เวลา 12.01 น. - 17.00 น.
3.Good Evening แปลว่า "สวัสดี ตอนเย็น"
-ใช้กล่าวทักทายกันในเวลาเย็น คือ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 18.00 น.
4.Good day แปลว่า "สวัสดี"
-ใช้กล่าวทักทายกันได้ตลอดทั้งวัน คือ ตั้งแต่เช้ายันเย็น
-คำที่ใช้กล่าวทักทายกันในเวลาล่ำลาจากกันมี 12 คำ คือ:-
1.Good night แปลว่า "ราตรีสวัสดิ์"
-ใช้กล่าวล่ำลากันในเวลาเข้านอน ใช้ได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น
2. Good by หรือ Good bye แปลว่า "ลาก่อน, ลาแล้วนะ"
-ใช้ได้ทุกเวลา
3. See you again. แปลว่า "พบกันใหม่นะ"
4. See you later., See you soon., See you then. แปลว่า "เดี๋ยวเจอกันนะ"
5. Have a nice day., Have a nice time. แปลว่า "โชคดีนะ, วันนี้ขอให้มีความสุขนะ"
6. Have a nice holliday. แปลว่า "ขอให้มีความสุขในวันหยุด"
7. Have a nice weekend. แปลว่า "ขอให้มีความสุขในวันหยุดสัปดาห์"
8. Have a good., Have a nice trip. แปลว่า "ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ"
9. Take care of yourseft แปลว่า "จงดูแลตัวเองให้ดีนะ, จงรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะ"
10. Sweet dreams., Sleep well. แปลว่า "จงฝันดีนะ, จงหลับสบาย"
11. Good luck. แปลว่า "จงโชคดี"
12. Be successful แปลว่า "ขอจงประสบความสำเร็จนะ"
บทสนทนาที่ถามเรื่องทุกข์สุขใช้คำเหล่านี้
1.How are you? แปลว่า "สบายดีหรือ" (เน้นเรื่องสุขภาพ) นี้เป็นการทักทายแบบอังกฤษ
-How do you do? แปลว่า "สบายดีหรือ? (เน้นเรื่องสุขภาพ) นี้เป็นการทักทายแบบอเมริกา
-ใช้กล่าวทักทายกันหลังจากกล่าวทักทายด้วย Hello หรือ Hi แล้ว
2.How are you going? แปลว่า "คุณจะไปอย่างไร? นี้เป็นการทักทายแบบอังกฤษ
-How are you doing? แปลว่า "คุณจะทำอย่างไร" นี้เป็นการทักทายแบบอเมริกา
3.How's it going? แปลว่า "มันจะเป็นอย่างไร?" (เน้นความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน)
4.How have you been? แปลว่า "คุณได้เป็นอยู่อย่างไร" (ใช้ทักทายในกรณีที่นานๆเจอกันที)
5.How's your life? แปลว่า "ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร?"
6.How's everything? แปลว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างไร?"
7.How are things about you? แปลว่า "สิ่งต่างๆเกี่ยวกับคุณเป็นอย่างไร?"
ตัวอย่างบทสนทนาการตอบคำถาม
-Pornchai: Hello =สวัสดี
-Mary: Hello =สวัสดี
-Pornchai: How are you? =คุณสบายดีหรือ?
-Mary: I'm fine, thanks.And you? = ฉันสบายดี ขอบคุณ. แล้วคุณหละ?
-Pornchai:- Good. =สบายดี.
-Very well. =สบายดีมาก.
-I'm O.K. =ก็ดี
-So so. =ก็งั้น ๆแหละ.
-Not too bad. =ก็ไม่เลวนัก.
-Great ! =ดีเยี่ยม, หรือ วิเศษ.
**ข้อนี้ตอบได้หลายอย่างจะเอาข้อไหนก็ได้
-Pornchai: Where are you going?
=คุณจะไปไหน?
-Mary: I am going to Chiang Mai.
=ฉันจะไปเชียงไหม.
-Pornchai: How are you going?
=คุณจะไปอย่างไร?
-Mary: I'm going by airplane.
=ฉันจะไปโดยเครื่องบิน.
-Pornchai: When you went to Chiang Mai. How are you doing?
=เมื่อคุณไแถึงเชียวใหม่แล้ว. คุณจะทำอย่างไร?
-Mary: I need to stay at the hotel. Then I go to do my business.
=ฉันจะต้องไปพักที่โรงแรม. ต่อจากนั้นฉันก็จะไปทำธุรกิจของฉัน.
-Pornchai: How long will you stay at Chiang Mai?
=คุณจะพักอยู่ที่เชียงใหม่นานแค่ไหน?
-Mary: About seven days.
=ประมาณ 7 วัน.
การแนะนำตนเองและผู้อื่น
(Introducing Oneself and Others)
การแนะนำตนเอง
-Let me introduce myself.
=ขอแนะนำตัวเอง.
-May I introduce myself?
=ผมขอแนะนำตัวเอง.
-My name’s Pornchai and my family name is Duangmalai.
=ชื่อของผมคือพรชัยและนามสกุลของผมคือดวงมาลัย.
-I'm Thai.
=ผมเป็นคนไทย.
-I'm from Thailand.
=ผมมาจากประเทศไทย.
-I'm a student of Internet University of Thailand.
=ผมเป็นนักเรียนของอินเตอร์เน็ตยูนิเวอร์ซิทิอ๊อฟไทยแลนด์.
-I am studying English major at Internet University of Thailand.
=ผมกำลังศึกษาวิชาภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยอินเตอร์เน็ตของปะเทศไทย.
-I am a teacher of Internet University of Thailand.
=ฉันเป็นครูของมหาวิทยาลัยอินเตอร์เน็ตแห่งประเทศไทย.
-I am a teacher who teach Thai language department.
=ฉันเป็ครูซึ้งสอนภาษาไทย.
-I worked here three years ago.
=ฉันทำงานอยู่ที่นี่มา 3 ปีแล้ว.
-I live in Loei province.
=ฉันอาศัยอยู่ในจังหวัดเลย.
-I lived in this province thirty years ago.
=ฉันอาศัยอยู่ในจังหวัดนี้ 30 ปีมาแล้ว.
-I'm a second year student.
=ฉันเป็นนักศึกษาปีที่ 2
-I study Information Technology major.
=ฉันเรียนวิชาการประยุกต์ใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ.
-The field of study that I study is information technology computer.
=สาขาวิชาที่ผมเรียนคือคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี่สารสนเทศ.
การแนะนำผู้อื่น
-This is Peter.
=นี้คือปีเตอร์
-I'd like you to know Peter.
=ผมอยากให้คุณรู้จักปีเตอร์
-I'd like to introduce you to Wanna.
=ผมอยากแนะนำคุณให้รู้จักวรรณา
-I want to introduce my friend May.
=ผมอยากจะแนะนำเมย์เพื่อนผม
-I want you to meet my friend John.
=ผมอยากให้คุณพบจอห์นเพื่อนผม
-Here's Sawat and that's Suphon.
=นี่สวัสดิ์ และนั่นสุพล
คำแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน
-It's nice to meet you.
=ยินดีที่ได้พบคุณ.
-It's nice to see you.
=มันเป็นการดีที่จะพบคุณ.
-It's good to meet you.
=มันเป็นเรื่องดีที่จะได้พบคุณ
-It's good to see you.
=เป็นเรื่องดีที่จะพบคุณ.
-I'm pleased to meet you.
=ผมยินดีที่ได้พบคุณ.
-I'm pleased to see you.
=ผมยินดีที่ได้เจอคุณ.
-I'm glad to meet you.
=ฉันดีใจที่ได้พบคุณ.
-I'm glad to see you.
=ฉันดีใจที่ได้พบคุณ.
-It's a pleasure to meet you.
=มันเป็นความสุขที่ได้พบคุณ.
-I'm pleasure to see you.
=ผมสุขใจที่ได้พบคุณ.
จะใช้บทไหนก็ให้เลือกเอาตามใจชอบ
-เมื่อคู่สนทนาของเราเขาพูดกับเราอย่างนี้เวลาตอบให้เพิ่มคำว่า too ที่หมายถึง"เช่นเดียวกัน" เข้ามาด้วย เช่น:-
-Nice to see you, too.
=ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นเดียวกัน.
-Good to meet you, too.
=ดีที่ได้พบคุณเช่นเดียวกัน.
การให้และการขอข้อมูลส่วนบุคคล
(Giving and Asking for Personal Information)
การถามถึงข้อมูลส่วนตัว
ถาม: How old are you?
=คุณอายุเท่าไร
ตอบ: I'm thirty five years old .
=ผมอายุ 35 ปี
ถาม: How tall are you?
=คุณสูงเท่าไร
ตอบ: I'm 160 centimeters tall.
=ผมสูง 160 ซ.ม.
ถาม: How much do you weigh?
=คุณหนักเท่าไร?
ตอบ: I weigh 65 kilograms.
=ผมหนัก 65 กิโลกรัม.
ถามถึงข้อมูลของครอบครัว
ถาม: How many people are there in your family?
=มีคนกี่คนในครอบครัวคุณ?
ตอบ: In my family, there are six people.
ถาม: How many brothers and sisters do you have?
=คุณมีพีชายน้องชายและพีสาวน้องสาวกี่คน?
ตอบ: I have 2 brothers and 3 sisters.
=ผมมีพี่ชายน้อง 2 คน และ พี่สาวน้องสาว 3 คน.
ตอบ: I don't have any brothers or sisters.
=ผมไม่มีพี่ชายน้องชายหรือพีสาวน้องสาวเลย.
ตอบ: There are 7 people in my family.
=มีคน 7 คน ในครอบครัวของผม.
ตอบ: My grandparents live with us.
=ปู่ ย่า (ตา ยาย)อยู่กับเราด้วย.
ถาม: What does your father do?
=พ่อคุณทำงานอะไร
ถาม: My father is a farmer.
=พ่อผมเป็นชาวไร่.
ถาม:What does your mother work?
=แม่ของคุณทำงานอะไร?
ตอบ:She worked as a civil servant.
=หล่อนทำงานเป็นข้าราชการ
ถาม: What do you want to be in the future?
=คุณอยากเป็นอะไรในอนาคต?
ตอบ:I want to be a millionaire.
=ผมอยากเป็นเศรษฐี.
ตอบ:I have not decided what to do.
=ผมยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะทำอะไร?
การขอบคุณ (Thanking)
-การขอบคุณ มีสำนวนที่ใช้ในการขอบคุณอยู่หลายคำ เช่น:-
-Thank you. =ขอบคุณ.
-Thank you very much. =ขอบคุณมาก.
-Thanks. =ขอบคุณ.
-Thanks a lot. =ขอบใจมาก.
-Thank you for your kindness. =ขอบคุณสำหรับความเมตตา.
-Thank you for your present. =ขอบคุณสำหรับของขวัญ.
-Thank you for everything. =ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง.
-Thank you for your help. =ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ.
-I really appreciate that. =ผมรู้สึกประทับใจจริง ๆ
-I was really interested in you. =ผมรู้สึกสนใจในตัวคุณจริงๆ.
การตอบรับคำขอบคุณ
-You’re welcome. =ไม่เป็นไร
-Don't mention it. =ไม่เป็นไร
-Not at all. =ไม่เป็นไร
-It's nothing. =ไม่เป็นไร
-That's all right. or That's O.K. =ไม่เป็นไร
-It's a pleasure. =ด้วยความยินดี
-My pleasure. or With pleasure. =ด้วยความยินดี
-Don’t worry (about it). =อย่ากังวลไปเลย
-No problem. =ไม่มีปัญหา
การขอโทษ (Apologizing)
-การขอโทษ สำนวนที่ใช้ในการขอโทษ เช่น:-
-I’m sorry. =ผมขอโทษ
-I’m sorry. or I’m late. =ขอโทษที่มาช้า
-I’m sorry I troubled you. =ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก
-Excuse me, please. =ขอโทษครับ/ค่ะ
-Excuse me for interrupting. =ขอโทษที่รบกวน
-Excuse me for a moment. =ขอโทษขอเวลาสักครู่
การให้อภัย สำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอโทษ
-That’s all right. =ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอโทษ)
-Don’t worry (about it). =อย่ากังวลไปเลย
-No problem. =ไม่มีปัญหา
-That's O.K. หรือ I'm O.K. =ไม่เป็นไร หรือ ผมไม่เป็นไร
การถามเวลา (Asking for Time)
การถาม
-Excuse me. What time is it? =ขอโทษครับ กี่โมงแล้วครับ
-Could you tell me the time, please? =ขอโทษครับกี่โมงแล้ว
-Do you have a time? =กี่โมงแล้ว
การตอบ
-(It's) seven o'clock. =7 นาฬิกา
-Six twenty/Twenty past six =6.20
-Five to four/Three fifty-five =3.55
-A quarter past eight/Eight fifteen =8.15
-Half past ten/Ten thirty =10.30
-A quarter to ten/Nine forty-five =9.45
-Noon =เที่ยงวัน
-Midnight =เที่ยงคืน
-In the morning =ตอนเช้า
-In the afternoon =ตอนบ่าย
-In the evening =ตอนเย็น
-At night =ตอนกลางคืน
บทสนทนาพิเศษ
Mary: Excuse me, are you Britisher?
=ขอโทษค่ะ คุณเป็นชาวอังกฤษหรือ?
Robert: Oh no, I don't a Britisher, I'm an American.
=โอ้ไม่, ผมไม่ใช่ชาวอังกฤษ, ผมเป็นชาวอเมริกา.
Mary: Do you speak English?
=คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม?
Robert: A little, but not very well.
=พูดได้นิดหน่อย, แต่ไม่ค่อยดีนัก.
Mary: How long have you been here?
=คุณอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่?
Robert: 2 months.
=2 เดือนแล้ว.
Mary: What do you do for work?
=คุณทำงานอะไร?
Robert: I worked at Pornchai Entertainment,and you?
=ผมทำงานที่พรชัยการบรรเทิง,และคุณหละ?
Mary: I worked at hp company.
=ฉันทำงานที่บริษัท เฮ็ดพี.
Personal Information (หมวดข้อมูลส่วนตัว)
-Mary: What's your name ?
-Pornchai: My name is Pornchai.
-Mary: Where are you from ? or Where do you come from ?
-Pornchai: I'm from Thailand. or I come from Thailand.
-Mary: What's your surname ? or What's your family name ?
-Pornchai: My surname is Duangmalai. or My family name is Duangmalai หรือจะพูดสั้นๆว่า Duangmalai อย่างนี้ก็ได้
-Mary: What's your first name ?
-Pornchai: Pornchai.
-Mary: What's your last name?
-Pornchai: Duangmalai.
-Mary: What's your address ?
-pornchai:95 Barnnongbon Tumbol Narpong Amphoe Muang Loei Province Code:42000 Thailand
-Mary: Where do you live ?
-Pornchai: I live in Loei Province.
-Mary: What's your telephone number ?
-Pornchai:My telephone number is 098-6523019 หรือจะพูดสั้นๆว่า " 098-6523019" อย่างนี้ก็ได้
-Mary: How old are you ?
-Pornchai: I'm thirty-five years old. หรือจะพูดสั้นๆว่า "35 years" อย่างนี้ก็ได้ -Mary: When were you born?
-Pornchai: I was born in 1974.
-Mary: Where were you born ?
-Pornchai: I was born at Thatpanom.
-Mary: Are you married ? or What's your marital status ?
-Pornchai: I'm single.
-Mary: What do you do ? or What's your job ?
-Pornchai: I'm a businessman.
-Mary: Where did you go ?
-Pornchai: I went to a friend's house.
-Mary: What did you go ?
-Pornchai: We played video games.
-Mary: Where were you ?
-Pornchai: I was in Grungtep.
-Mary: Have you got a car / job / house / etc.?
-Pornchai: Yes, I've got a good job.
-Mary: Have you got any friends / books / etc. ?
-Pornchai: Yes, I've got three friends and ten books.
-Mary: Can you play tennis / golf / football / etc.?
-pornchai: Yes, I can play golf.
-Mary: Can you speak English / French / Japanese / etc. ?
-Pornchai: Yes, I can speak English.
-Mary: You can speak English how much was your age?
-Pornchai:when my age was eighteen years,I could speak English.
ลิงค์ประกอบบทเรียนการสนทนาภาษาอังกฤษ
-ขอ ให้นักเรียนทั้งหลายจงเปิดลิงค์ของเว็บไซต์การเรียนสนทนาภาษาอังกฤษทั้งหลาย เหล่านี้ขึ้นมาเรียนให้หมดมันมีทั้ง การสนทนา,คำศัพท์, ไวยกรณ์ จงทำการฝึกฝนให้ชำนาญทั้ง การสนทนา, การอ่าน, การพูด, การเขียน, และการฟัง ถ้าไม่คล่องอย่าได้ผ่านไปโดยเด็ดขาด
http://www.englishspeak.com/th/english-lessons.cfm
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/บทสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้น-ฉบับง่ายๆใช้ได้ในชีวิตประจำวัน/
http://thai.langhub.com/th-en/beginner-english
http://thai.langhub.com/th-en/travel-english/161-First-Conversation
https://www.youtube.com/watch?v=Zqrd8cZ7UTw
https://www.youtube.com/watch?v=cGl8VuV5m-E
https://sites.google.com/site/jatupornmabangcru/conversation-dialogue
https://www.youtube.com/watch?v=MZkPhltWh7I
บทสนทนาที่เป็นคำสั่ง
-Walk around and ask your friend about work.
=จงเดินรอบๆ และถามเพื่อนคุณเกี่ยวกับการทำงาน.
-Please clean the blackboard.
=กรุณาทำความสะอาดกระดานดำ.
-Get back to your seat.
=จงกลับไปที่ยังนั่งของคุณ.
-Please take one for yourself and pass the rest to the others.
=กรุณาเก็บส่วนหนึ่งไว้กับตัวเอง และส่งที่เหลือไปให้คนอื่นๆ.
-Please work in pairs.
=กรุณาทำงานเป็นคู่.
-Divide work out is four group.
=จงแบ่งงานออกเป็น 4 กลุ่ม.
-Please count one to five.
=กรุณานับหนึ่งถึงห้า.
-Make a group of 6 people.
=จงทำให้เป็นกลุ่มละ 6 คน.
-Work with your partner.
=ทำงานกับหุ้นส่วนของคุณ.
-Sit in groups of 5 people.
=จงนั่งกลุ่มละ 5 คน.
-Each group sums 4 people.
=แต่ละกลุ่มจงรวมกันเป็น 4 คน.
-Divide into teams and stand in a line.
=จงแบ่งเป็นทีมและยืนเป็นแถว.
บทสนทนาที่เป็นคำขอร้อง
คำขอร้อง (Requests)
- May I ….? เช่น may I go out ?
ขออนุญาต …... เช่น ผมขออนุญาตออกไปข้างนอก
- Would you….? หรือ Will you….?
คุณคะกรุณา ..........
- Would you mind….? หรือ Do you mind….?
คุณครับรังเกียจไหมถ้าจะ.............. ?
ตัวอย่างเช่น
-Do you mind closing the door, please ?
=กรุณาปิดประตูด้วยค่ะ.
-Would you close the door, please. ?
=กรุณาปิดประตูด้วยค่ะ.
-Do me a favor, please.
=กรุณาช่วยเหลืออะไรดิฉันบางอย่างได้ไหมคะ?
-Would you do something for me , please ?
กรุณาช่วยเหลืออะไรดิฉันบางอย่างได้ไหมคะ
-Please pass the salt .
=กรุณาส่งเกลือให้หน่อยค่ะ.
-Will you wait a moment?
=คุณจะคอยสักครู่ได้ไหมค่ะ?
-Excuse me, may I go now ?
=ขอโทษค่ะ, ฉันขอไปตอนนี้เลยได้ไหมค่ะ?
คำว่า “ Sorry “ (ซอริ่) แปลว่า เสียใจ หรือ ขอโทษ ก็ได้ ตามสถานการณ์ที่ใช้ เช่น:-
-Jo: Sorry, I stepped on your foot .
=ขอโทษครับ, ผมเหยียบเท้าคุณ.
-Joy: Oh, don’t worry .
=อ้อ,ไม่เป็นไรค่ะ.
คำตอบรับอื่นๆ ที่ใช้ได้ทั้งใน การแสดงความเสียใจ และ ขอบคุณ (ไม่เป็นไร) มีดังนี้
-Doesn’ t matter.
=ไม่เป็นไร.
-Not at all.
=ไม่เป็นไร.
-That’ s okay. หรือ That’ s all right.
=ไม่เป็นไร.
-All right.
=ไม่เป็นไร.
-Thank you.
=ขอบคุณ.
ประโยคที่ใช้ตอบรับคำขอบคุณ เมื่อเขาพูดขอบคุณเราและเราจะตอบเขาด้วยประโยคต่อไปนี้
-My pleasure.
=ความสุขของฉัน.
ประโยคนี้ใช้ตอบรับคำขอบคุณเท่านั้น
-You’re welcome.
=ไม่เป็นไร.
ใช้ตอบรับคำขอบคุณเท่านั้น
-That is very kind of you. Thank you.
ใช้เป็นคำขอบคุณ
-No, but thanks.
ไม่ค่ะ, แต่ขอบคุณ.
บทสนทนาที่เป็นคำเชิญชวน
-Sam: Hi Jane!
=หวัดดี เจน.
-Jane: Hello Sam! You look so happy today.
=สวัสดี แซม เธอ ดู มีความสุข มาก วันนี้.
-Same: I’m indeed happy, Jane. It’s my birthday today!
=ฉัน มีความสุข จริงๆ เจน มัน เป็น วันเกิด ของฉัน วันนี้.
-Jane: Oh! Happy birthday!
=โอ สุขสันต์ วันเกิด.
-Sam: Thank you. Can you come for dinner tonight?
=ขอบคุณ เธอ มาร่วม อาหารเย็น ได้ไหม คืนนี้.
-Jane: I’d love to, Sam! Where?
=ฉัน ไปสิ แซม ที่ไหน.
-Sam: At my house. I’ll be expecting you at 7 pm.
=ที่ บ้าน ของฉัน ฉัน จะ รอพบ เธอ เวลา หนึ่ง ทุ่ม นะ.
-Jane: See you then.
=คอยเจอกันนะ.
-จงเปิดลิ้งก์ที่เกี่ยวกับการเชื้อเชิญ 3 ลิ้งก์ข้างล่างนี้ขึ้นมาศึกษาประกอบด้วย
http://everydayenglish.pwa.co.th/article/บทสนทนาเกี่ยวกับการเชื้อเชิญ
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/ประโยค-สำนวนภาษาอังกฤษในการเชื้อเชิญ-พร้อมตอบรับและปฏิเสธ/
http://engenjoy.blogspot.com/2014/09/invitations.html
บทสนทนาที่เป็นคำเสนอแนะ
Robort: I need your advice about something.
=เราขอคำแนะนำอะไรจากนายหน่อยซิ.
Pornchai: Sure! What’s up?
=แน่นอน! ว่าอย่างไง?
Romort: Well, I met a girl on Saturday. She is really pretty and very smart too. We started talking and realized that we have so much in common.
=คือเราพบกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวันเสาร์ เธอเป็นคนสวยมากเลยล่ะแล้วก็ฉลาดด้วย เราคุยกันแล้วก็พบว่าชอบอะไรเหมือนๆ กันมากทีเดียว
Pornchai: That’s great Romorte! So what’s the problem?
=ดีนี่ โรเบิร์ท แล้วมีปัญหาตรงไหนล่ะ?
Robort: The things that we have in common are; romantic movies, sushi, boy bands, shopping and small dogs!
=สิ่งที่เราชอบเหมือนๆ กัน คือ หนังโรแมนติก ซูชิ วงดนตรีหนุ่มๆ ช้อปปิ้ง แล้วก็หมาตัวเล็กๆ!
Pornchai: But Roborte, you hate all of those things!
=แต่ว่าโรเบิร์ท, นายเกลียดสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเลยนี่นา!
Pornchai: If you love her, you have to like what she likes to. When you are very close to encourage her by what she likes it here.
=ถ้าคุณรักเธอ,คุณต้องชอบสิ่งที่เธอชอบไปก่อน. เมื่อสนิทกันมากแล้วคุณต้องแนะนำให้เธอเห็นโทษในสิ่งที่เธอชอบก็ได้นี่.
-จงเปิดลิ้งก์ข้างล่างนี้ขึ้นมาอ่านประกอบในบทนี้
http://engenjoy.blogspot.com/2015/02/advice.html
http://engenjoy.blogspot.com/2013/03/introduction.html
http://www.engisfun.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2
http://www.ubonac.com/2013/07/%E0%B8%81%E0
http://sample-english.blogspot.com/2014/09/blog-post.html
บทสนทนาที่เป็นคำขออนุญาต
การขออนุญาต
-Can I… ? =ฉัน/ผมขอ… ได้ไหม
คำว่าCan I…? เป็นสำนวนที่ใช้กันมาก ใช้สำหรับสถานการณ์ทั่วๆ ไปที่ไม่เป็นทางการมากครับ ไม่ว่าจะเป็นกับคนสนิท หรือจะเป็นครอบครัว เช่น:-
Mary: Hey buddy, what are you doing?
=นี่ลูกทำอะไรอยู่?
Peter: I’m grabbing some snacks then I’ll go to Mike’s house. Can I go, mom?
=ผมกำลังหยิบขนมและเดี๋ยวจะไปเล่นที่บ้านไมค์ต่อครับแม่ ผมขอไปได้เปล่า?
Mary: I don’t think that’s a good idea, buddy. Have you finished your homework?
=ไม่ดีมั้งจ๊ะ ลูกทำการบ้านเสร็จรึยังละ.
Peter: Yes, I have! Can I go now?
=เสร็จแล้วครับ อย่างนี้ผมไปได้เปล่า?
Mary: Okay then but you have to get home before 10 pm. Okay?
=งั้นโอเคจ๊ะ แต่กลับบ้านก่อนสี่ทุ่มนะ?
Peter: I promise, mom.
=ผมสัญญาครับแม่.
ถ้าพูดกับคนแปลกหน้าอาจจะเติม pleaseลงท้ายก็ได้ เช่น:-
Red: Excuse me, can I go out please?
=ขอโทษนะครับ ผมขอออกไปหน่อยได้ไหม?
Green: Sure.
=ได้สิครับ.
หรือถ้าผู้พูดกับคู่สนทนามีความสนิทสนมกันมากแล้ว อาจจะใช้คำว่า
Let me… ซึ่ง ถือเป็นการขออนุญาตเชิงออกคำสั่งได้ โดยต้องมีความสนิทสนมกับคู่สนทนาในระดับหนึ่งนะครับ ไม่งั้นอาจจะเป็นการเสียมารยาทได้ หรืออาจจะเติม Pleaseลงไป ให้ดูสุภาพขึ้นก็ได้ครับ เช่น:-
Peter: Mom, let me have another piece of cake please.
=แม่ครับ ให้ผมกินเค้กอีกชิ้นหนึ่งได้ไหม?
Mary: You already had five. That’s enough for today, buddy.
=ลูกกินไปห้าชิ้นแล้วนะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ.
นอกจากนี้การขออนุญาต (Asking for Permission) ยังมีการขอแบบสุภาพ หรือเป็นทางการมากขึ้น ได้แก่
Could I…? =ฉัน/ผมขอ… ได้ไหม?
คำนี้จะมีความหมายเหมือนกับ Can I?เลยครับ แต่จะสุภาพและเป็นทางการมากกว่า ซึ่งมีหลักการใช้เหมือนกับCan/Could ที่บางคนอาจจะรู้กันแล้ว ก็ คือ:-
Can = ใช้สถานการณ์ทั่วๆ ไป
Could = ใช้ในสถานการณ์ที่มีความเป็นทางการมากกว่า ยกตัวอย่าง เช่น:-
Red: Could I sit here?
=ฉันขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ?
Green: Of course you can.
=ได้สิคะ.
อีกสำนวนหนึ่งที่มีความหมายเดียวกัน แต่มีความสุภาพและเป็นทางการมากกว่านั่นก็ คือ:-
May I…? =ขออนุญาต… ได้ไหม?
เป็น สำนวนที่มีความหมายเดียวกัน แต่ค่อนข้างจะมีความสุภาพและเป็นทางการมากกว่า เหมาะสำหรับใช้กับบุคคลแปลกหน้า ไม่สนิทสนมมาก หรือผู้ใหญ่ เพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติ ยกตัวอย่าง เช่น:-
Peter: I heard you are planning to go to Barngsan this weekend. May I join you?
=ผมได้ยินว่าสุดสัปดาห์นี้คุณมีแผนจะไปเที่ยวบางแสน ผมขอไปด้วยได้ไหม?
Amita: By all means. It’s going to be fun!
=ได้สิ ต้องสนุกแน่ๆ
แต่ถ้าจะพูดกับคู่สนทนาที่เป็นผู้อาวุโสกว่า ควรจะเติมคำว่า please ลงไปเพื่อให้ดูสุภาพขึ้นครับ เช่น:-
Amita: Grandma, the cookies that you made look very delicious. May I have one please?
=คุ้กกี้ที่คุณยายทำดูน่าอร่อยจังเลยค่ะ ขอหนูลองชิมได้ไหมคะ?
Karen: Of course, sweetie.
=ได้สิจ๊ะหนู.
นอก จากสำนวนที่กล่าวมาแล้วนั้น เรายังสามารถใช้สำนวนหรือประโยคอื่นๆ ที่เป็นการขออนุญาตแบบทางอ้อมได้ ซึ่งสามารถใช้ในสถานการณ์ที่คุณอาจจะไม่อยากพูดขอแบบตรงๆ ได้ เช่น:-
I was wondering… =ฉัน/ผมสงสัยว่า…
Red: I lost my phone. I was wondering if I could borrow your phone just for a second.
=ผมทำโทรศัพท์หาย ผมสงสัยว่าจะขอยืมของคุณสักแป๊บหนึงได้ไหมครับ.
Green: Yes, sure. Here you are.
=อ๋อ ได้สิคะ นี่ค่ะ.
Is it all right/ possible…?
Red: Teacher, I’m trying as best as I can but I don’t think I could finish my term paper by this weekend. Is it all right/ possible if I submit it next week?
=อาจารย์ครับ ผมพยายามเต็มที่แล้ว แต่ผมคิดว่าผมคงทำเปเปอร์ไม่เสร็จภายในวันศุกร์แน่ๆ ถ้าผมจะขอส่งอาทิตย์หน้าได้ไหมครับ?
Green: No excuse! I already assigned it for a month. Why didn’t you start doing it earlier?
=อย่ามาอ้างหน่อยเลย ฉันสั่งเธอไปตั้งเดือนหนึงแล้ว ทำไมเธอไม่รีบๆ ทำให้เร็วกว่านี้! หรือถ้าคุณกับคู่สนทนามีความสนิทสนมกันหน่อย ก็อาจจะใช้สั้นๆ ว่า
Is it okay…? ก็ได้ครับ เช่น:-
Jason: Is that your macaroon, Bob? Is it okay if I have one?
=นั่นมาการูนของนายใช่ไหม ขอกินชิ้นหนึงนะ?
Bob: No, Mr. Greedy! That’s Alison’s
=ไม่ได้หรอกไอ้ตะกละ นั่นมันของแอลิสันเค้า.
หรือถ้าต้องการจะให้สุภาพหน่อยก็อาจจะใช้สำนวนที่ดูสุภาพและถ่อมตัวขึ้นมาหน่อยอย่าง
Do you mind/ would you mind if…?คุณจะรังเกียจไหมถ้า…?
Red: There’s no any seat left. Do/would you mind if we sit here with you?
=ไม่มีที่นั่งเหลือเลย คุณจะรังเกียจไหมถ้าพวกเราจะนั่งตรงนี้กับคุณ?
Green: No, not at all. Please do.
=ไม่เลยค่ะ เชิญเลย.
จงเปิดลิ้งก์ทั้ง 2 ลิ้งก์ข้างล่างนี้ขึ้นมาอ่านประกอบ
http://www.engisfun.com/ประโยคภาษาอังกฤษเพื่อข/
http://www.engjang.com/article/topic-34953.html
บทสนทนาที่เป็นคำปรึกษา
Jan: I feel terribly unhappy. I am too fat, so I could hardly walk. I need your advice.
=ฉันรู้สึกไม่มีความสุขเลย ฉันอ้วนเกินไปทำให้แทบจะเดินไม่ได้ ช่วยแนะนำฉันหน่อยว่าควรทำอย่างไรดี.
Joe: If I were you, I would take some medicine.
=ถ้าผมเป็นคุณผมจะรับประทานยาลดความอ้วน.
Dang: you ought to control your diet.
=คุณควรจะควบคุมอาหาร.
Mita: I would advise you to see the doctor as soon as possible.
=ฉันแนะนำให้คุณไปพบหมอได้แล้ว.
Trong: You should exercise a lot.
=คุณควรออกกำลังกายมากๆ.
เทคนิคในการพูดประโยคแนะนำผู้อื่นเมื่อเขามาปรึกษา
ใช้ should/ought to ตามด้วยคำกริยาที่เราจะแนะนำว่าให้ผู้ที่เราแนะนำนั้นทำอย่างไร
โครงสร้าง: Subject + should or ought to + verb ที่แนะนำ + object เช่น:-
Mary:-You think that I should make it good?
=คุณคิดว่าฉันควรจะทำมันดีหรือไม่?
Pornchai:If it is correct, you should do it. But if it is not correct, you should not do it.
=ถ้ามันถูกต้องคุณควรจะทำมัน. แต่ถ้ามันไม่ถูกต้องคุณไม่ควรทำ.
จงเปิดลิ้งก์ข้างล่างนี้ขึ้นมาศึกษาประกอบด้วย
http://speakingenglishone.blogspot.com/2011/12/making-advice-job-i-feel-terribly.html
http://www.engisfun.com/การเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย/
ต่อไปนี้เป็นลิ้งค์เรียนประกอบในบทสนทนาภาษาอังกฤษ
1.เรียนและเสริมภาษาอังกฤษโดยวิธีธรรมชาติ
http://plus.jekieshop.net/index.html
2.เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟัง อ่าน พูด เขียน
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/
3.โปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษแบบถูกวิธี
http://www.brainfitstudiothailand.com/th/%E0%B8%81%E0%B8
4.โปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษแบบอัจฉริยะ
http://www.in-eng.com/
https://www.youtube.com/watch?v=YCAMh4lsYiY
5.โปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษ
http://ww21.studentserve.net/
6.English 4 Today
http://www.english4today.com/
7.Learn English Today
http://www.learn-english-today.com/
8.เรียนภาษาอังกฤษจาก Oxford University Press
https://elt.oup.com/?cc=th&selLanguage=en#
9.เรียนภาษาอังกฤษจาก internetuniversity999.com
http://www.internetuniversity999.com/15705604/1noun-one
10.การเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 2-12 ปี http://helendoronthailand.com/kids-2-6
http://helendoronthailand.com/kids-6-12
นิทานภาษาอังกฤษ
https://www.youtube.com/watch?v=RqRvDSLM45M
ขอให้นักเรียนทั้งหลายจงเปิดลิงก์นิทานภาษาอังกฤษทั้ง 5 เหล่านี้ขึ้นมาศึกษาประโยคและคำศัพท์
http://www.karn.tv/index.php?option=com_content&view=article&id=1728
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/นิทานภาษาอังกฤษ-the-little-mermaid-ตำนานรักธิดาสมุทร/
http://www.dek-eng.com/137/นิทานภาษาอังกฤษ.html
http://funtales4u.blogspot.com/
http://fun-fable.blogspot.com/2013/12/2.html
วิธีจำคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ 2000 คำ
http://www.youtube.com/watch?v=dVbHR7bPdTY
http://www.youtube.com/watch?v=AdRn10wiRis
http://cambridgedict.blogspot.com/2012/01/2000.html
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=447:2-000-longman-dictionary&catid=53:vocaburaly&Itemid=117
วิธีจำคำศัพท์ 3000 คำ
http://www.dek-d.com/board/view/3353112/
วิธีจำคำศัพท์แบบง่ายๆโดยไม่ต้องท่องจำ
http://easyenglishbyeang.blogspot.com/p/table-of-contents.html
เคล็ดลับ 10 ข้อในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
http://thailand.englishtown.com/community/Channels/article.aspx?articleName=149-vocab
วิธีจำคำศัพท์ 5000 คำ
https://www.youtube.com/watch?v=INL8imW1UKQ
https://www.youtube.com/watch?v=biCHwlqc7pk
https://www.youtube.com/watch?v=wk9eKvkuIZ0
https://www.youtube.com/watch?v=yHYShM1qj0A
วิธีแปลอังกฤษเป็นไทยและแปลไทยเป็นอังกฤษ
วิชาแปลอังกฤษเป็นไทยและแปลไทยเป็นอังกฤษจากยอดปรมาจารย์กูเกิล
https://translate.google.co.th/?hl=th
https://plus.google.com/+GoogleThailand/posts/QSctbTizR4p
แปลอังกฤษเป็นไทยแปลไทยเป็นอังกฤษจากอาจารย์ทั่วไป
http://www.thai-translator.com/
http://software.thaiware.com/6822-โปรแกรม_ช่วยแปลประโยค_ไทยอังกฤษ_Sentence_Translator_Tool_Thai_English.html
http://lexitron.nectec.or.th/2009_1/
ขอให้ผู้ศึกษาเปิดลิ้งก์การแปลอังกฤษเป็นไทยและแปลไทยเป็นอังกฤษขึ้นมาศึกษา ให้หมดเพราะเป็นการเรียนที่ง่ายและสะดวกสบาย ถ้าสิ่งใดมันผิดเพี้ยนไปก็ให้สร้างข้อมูลใหม่ถามไปเรื่อยๆเดี๋ยวท่านก็จะ เก่งวิชานี้เองไม่ยากหรอกขอให้เราขยันและมีความพยายามไปเรื่อยๆ
Essay Writing =การเขียนเรียงความ
http://khruhuang.blogspot.com/2012/03/essay.html
http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/05/H6656492/H6656492.html
http://www.enconcept.com/forum/index.php?topic=4991.0
http://www.actstudent.org/writing/sample/one.html
http://www.oknation.net/blog/EnglishClass4You/2014/01/04/entry-2
http://www.ielts-blog.com/ielts-writing-samples/ielts-essay-samples-of-band-8/
http://www.wikihow.com/Write-an-Essay
http://www.mesacc.edu/~paoih30491/ArgumentSampleEssays.html
http://www.englishpractice.com/topics/essay/
http://grammar.ccc.commnet.edu/grammar/five_par.htm
http://lklivingston.tripod.com/essay/sample.html
http://www.tvdsb.ca/webpages/cameronm/osslt-literacy.cfm?subpage=145352
Letter Writing =การเขียนจดหมาย
http://www.speakenglish.co.uk/phrases/writing_letters_and_emails?lang=th
http://www.kr.ac.th/ebook2/sangduan/05.html
http://www.rakenglish.com/จดหมายภาษาอังกฤษ/
http://web.sut.ac.th/dcdl/modules/multiMenu/images/form/form31.1.pdf
http://www.letterwritingguide.com/
http://www.wikihow.com/Write-a-Letter
http://www.writeexpress.com/
Report Writing =การเขียนรายงาน
http://fennex.exteen.com/20090730/report-with-english-language
http://www.engisfun.com/หน้าปกรายงานภาษาอังกฤษ/
http://www.dek-d.com/board/view/1373420/
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/การเขียนปกรายงานเป็นภาษาอังกฤษ-แบบง่ายๆ-และแบบเต็มๆ/
http://www.skillsyouneed.com/write/report-writing.html
http://monash.edu/lls/llonline/writing/information-technology/report/1.3.3.xml
http://www2.le.ac.uk/offices/ld/resources/writing/writing-resources/reports
http://library.bcu.ac.uk/learner/writingguides/1.02%20Reports.htm
Speech Writing =การเขียนสุนทรพจน์
http://intereladsd.blogspot.com/2007/05/178-speech.html
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/สุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ-โรงเรียนของฉัน-my-school/
http://www.write-out-loud.com/howtowritespeech.html
http://www.find-the-words.com/
http://ispeeches.com/speech-examples/
http://www.wikihow.com/Write-a-Speech
News Writng =การเขียนข่าว
https://jusci.net/guideline
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2009/03/1002-ap.html
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=MC420(48)
http://www.km.mut.ac.th/attachments/1116566326/การเขียนข่าว%20PR.pdf
http://www.sussex.ac.uk/pressandcomms/communications/writingnews
http://en.wikipedia.org/wiki/News_style
http://mediacareers.about.com/od/thenecessaryskills/a/WritingSkills.htm
http://teacher.scholastic.com/writewit/news/
http://www.wikihow.com/Write-a-Speech
Article Writing =การเขียนบทความ
http://www.dek-d.com/studyabroad/32095/
https://www.facebook.com/cheaparticletoyou?fref=nf
http://www.writersdigest.com/whats-new/write-a-how-to-article-in-6-easy-steps
http://www.writersdigest.com/writing-articles
https://www.odesk.com/o/jobs/browse/skill/article-writing/
http://www.wikihow.com/Write-Articles
English Literature =วรรณคดีอังกฤษ
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=EN230%2854%29
https://www.youtube.com/watch?v=e93Cqs_LtNo
http://en.wikipedia.org/wiki/English_literature
http://www.bbc.co.uk/schools/gcsebitesize/english_literature/
http://www.gutenberg.org/files/10609/10609-h/10609-h.htm
http://www.britannica.com/EBchecked/topic/188217/English-literature
http://www.ed.ac.uk/schools-departments/literatures-languages-cultures/english-literature
http://www.aqa.org.uk/subjects/english/gcse/english-literature-9715
กวีนิพนธ์ (Poetry)

https://www.poetryfoundation.org/poems
https://www.poetryfoundation.org/poems/browse#page=1&sort_by=recently_added
https://www.britannica.com/art/poetry
https://en.wikipedia.org/wiki/Poetry
http://examples.yourdictionary.com/examples-of-poems.html
http://examples.yourdictionary.com/examples-of-lyric-poetry.html
http://examples.yourdictionary.com/types-of-poetry-examples.html
https://literarydevices.net/poem/
https://www.familyfriendpoems.com/poems/other/
http://www.ncv.unsw.edu.au/university-accommodation/sample-of-poetry
https://www.pinterest.com/pin/AdHXSDoawu7NrHCDKzwPZjKiJd9cN3MfAplkjxZeUp4F
mcqqvXwoIl1mubZe1DYch3ZbzOgMhqXnmv51XahkDn8/
https://www.pinterest.com/search/pins/?rs=ac&len=2&q=poetry&eq=Poetry&etslf=10493&term_meta[]=poetry%7Cautocomplete%7Cundefined
ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล
https://www.youtube.com/watch?v=1pY_KQ2c3t4
https://www.youtube.com/watch?v=WNA-WHfiEH8
https://www.youtube.com/watch?v=xETSeerDzdo
https://www.youtube.com/watch?v=1pY_KQ2c3t4
https://www.youtube.com/watch?v=ctC6g4W4W1c
https://www.youtube.com/watch?v=nQOT9Sg1t6M
https://www.britishcouncil.or.th/english/children/kindergarten
https://www.youtube.com/watch?v=N3LPcXtZOPY
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=1636:2014-06-25-08-19-56&catid=55&Itemid=104
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/คำศัพท์ภาษาอังกฤษอนุบาล-1/
http://www.britishcouncil.or.th/english/children/kindergarten
เว็บไชต์ข้างล่างนี้เด็กอนุบาลทุกคนต้องคลิกเปิดขึ้นมาอ่าน
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=1636:2014-06-25-08-19-56&catid=55&Itemid=104
ภาษาอังกฤษชั้นประถมปีที่ 1 และทั่วๆไป
https://www.youtube.com/watch?v=cyaQl2PrNeE
https://www.krui3.com/lesson/eng4/
http://intereladsd.blogspot.com/2007/03/99.html
http://www.slideshare.net/niralai/1-9129180
https://www.youtube.com/watch?v=IDlTQzvw9_4
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/คำศัพท์ภาษาอังกฤษชั้น-ป-1-จำนวน-245-คำ/
https://www.youtube.com/watch?v=-Rj7MLUoA_8
http://learnenglish.nabia10.com/textbook/PrimaryConversation/
http://www.caiproject.com/subeng.php
http://www.dekgeng.com/english/
https://www.youtube.com/watch?v=_UR-l3QI2nE
https://www.youtube.com/watch?v=58y-gljBl3I
https://www.youtube.com/watch?v=rt0yS0dji5I
http://www.english-online.org.uk/course.htm
https://www.youtube.com/watch?v=cyaQl2PrNeE
https://www.youtube.com/watch?v=tFoUuFq3vHw
https://kru2day.com/6912
https://www.pinterest.com/pin/569142471656349717/
https://www.youtube.com/watch?v=_LlkOG_vIgw
http://www.tonamorn.com/grammar/
ภาษาอังกฤษชั้นประถมปีที่ 2
https://www.youtube.com/watch?v=Tcfv7FMQHh8
https://www.youtube.com/results?search_query=%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99+%E0%B8
https://www.youtube.com/watch?v=IDlTQzvw9_4
https://www.youtube.com/watch?v=gan7JcOhKOA
http://www.trueplookpanya.com/examination/index/12/0
http://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/
http://202.143.190.116/program/index.php/component/content/article/240
http://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?ID=67640
ภาษาอังกฤษชั้นประถมปีที่ 3

https://www.youtube.com/watch?v=6fO47xTFu7Q
https://www.youtube.com/watch?v=fqKd5HHF3JQ
การเรียนรู้ วิชา ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้น ป.3 เรื่อง ...
เนื้อหาหลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษ ระดับชั้น ป. 3
https://www.youtube.com/watch?v=H7imGX-JPyI
คำศัพท์ภาษาอังกฤษระดับประถม สำหรับ Spelling Bee จาก ...
ภาษาอังกฤษ สำหรับเด็กประถมศึกษา เรียนจบคอร์สนี้ก็เก่งแล้ว ...
http://www.kroobannok.com/news_file/p48298990923.pdf
เรียนภาษาอังกฤษชั้นประถม 3 จาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=v0fcdknC1_A
https://www.youtube.com/watch?v=plaZ44tOVFM
ภาษาอังกฤษชั้นประถมปีที่ 4

http://www.mcp.ac.th/e-learning56/p4/term1/eng_4/index.php
http://lms.materdei.ac.th/moe/
http://www.trueplookpanya.com/examination/index/21/0
http://www.dekgeng.com/english/45_004_02_a3.htm
http://learn-english-online.us/?gclid=CjwKEAjwj9GqBRCRlPram97Xk3ESJADrN7IeorwGwa1vdB5JNUdi5ATwD4YiWLJiKuk3Ub8ZKmNPEBoC_
เรียนภาษาอังกฤษชั้นประถม 4 จาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=n-C-M9sjDr4
Test English
http://englishteststore.net/
ภาษาอังกฤษชั้นประถมปีที่ 5

http://www.mcp.ac.th/e-learning56/p5/term1/eng_5/index.php
http://www.trueplookpanya.com/new/knowledge_list/22-8000/update/
http://brightupcenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8
https://sites.google.com/site/anuballumduan/dawnhold/phaen-wicha-phasa-xangkvs-chan-p-5
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0
http://www.mcp.ac.th/e-learning456.php
เรียนภาษาอังกฤษชั้นประถม 5 จาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=SC_Sib44Cmo
https://www.youtube.com/watch?v=XsmTs7mc5Yg
https://www.youtube.com/watch?v=2kYppH9edLU
ภาษาอังกฤษชั้นประถมปีที่ 6

http://www.mcp.ac.th/e-learning56/p6/term1/eng_6/index.php
http://www.sirada.in.th/
[PDF]คําศัพทภาษาอังกฤษระดับชั้นประถมศึกษาปที่ - สถาบันทดสอบ ...www.niets.or.th/index.php/research_th/download/10
http://www.dek-eng.com/2389/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8
เรียนภาษาอังกฤษชั้นประถม 6 จาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=uHXAIOucOp0
https://www.youtube.com/watch?v=74nomode7mg
https://www.youtube.com/watch?v=Kn8v4SYXUbc
https://www.youtube.com/watch?v=7zhiMXufBXA
https://www.youtube.com/watch?v=JaySDP8tg3A
https://www.youtube.com/watch?v=Ep-l8B8nNb8
https://www.youtube.com/watch?v=dEoo69QKVF4
ภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
http://brightupcenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0
http://www.trueplookpanya.com/new/tv_program_detail/53/%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99
เรียนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=UJGILr_9h1U
https://www.youtube.com/watch?v=UL2j4iEh5sM
https://www.youtube.com/watch?v=Zqrd8cZ7UTw
http://www.trueplookpanya.com/campaign/31
ข้อสอบภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
http://www.krutip.com/new/examination.php?do_id=22
ภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึษาปีที่ 2

http://www.trueplookpanya.com/examination/doexam/548
https://sites.google.com/site/poppyknowledge/phasa-xangkvs-m-2
http://www.kalasinpit.ac.th/vichakarn/rada/k1pok.pdf
http://www.kroobannok.com/news_file/p19090431138.pdf
http://www.pm.ac.th/files/20111002_13082713135231.pdf
http://www3.cistraining.com/index.php/usb-training/english-vocab-fl-2
http://english.obec.go.th/english/2013/attachments/article/56/56111901.pdf
เรียนภาษาอังกฤษชั้นมัธยม 2 จาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=e1AUnadOcvk
https://www.youtube.com/watch?v=Q39YT11puHQ
ภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

http://www.brightupcenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89
http://www.chs.ac.th/M3/pre-o-net_english3.pdf
ภาษาอังกฤษ ม.3
ภาษาอังกฤษ ม.3 เทอม 1
1. Must be/cant be/ sounds (like)
2. For/since
3. Stative verbs
4. Word order of adjectives
5. Comparatives with a little/ a lot
6. Question tags
7. Im sorry/Im afraid
8. Past continuous and past simple for interrupted plans
ภาษาอังกฤษ ม.3 เทอม 2
1. If/will
2. Be sure /know how to + verb
3. Ask/want/tell
4. Will for prediction/indecision
5. Indirect speech
6. Have been
7. Relative clauses
8. Decided/thought/felt + would
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%81
https://krukohkhan.wordpress.com/2013/07/11/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8
http://www.slideshare.net/chk4905/ss-4603945
ภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

http://brightupcenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0
https://krudoremon.wordpress.com/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8
http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/20641-030976/
ภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

http://brightupcenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8
https://sites.google.com/site/popbbaschool/neuxha-kar-sxn/phasa-xangkvs
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&view=article&id=158&Itemid=101
ภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

http://brightupcenter.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0
เรียนการใช้ภาษาอังกฤษจาก Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=KE5EmRZAFNo
การเรียนภาษาอังกฤษจาก Printerset
https://www.pinterest.com/cofreeu/
https://www.pinterest.com/abhijitpowar22/english/
ฝึกฝนภาษาอังกฤษกับ Pinterest
https://www.pinterest.com/pin/281193570467409733/
https://www.pinterest.com/pin/84231455510342780/
https://www.pinterest.com/pin/384002305720696886/
https://www.pinterest.com/pin/388505905324776826/
http://www.tonamorn.com/grammar/
http://www.tonamorn.com/category/english/grammar/
https://www.englishteachersite.com/categories_Grammar_27
https://sites.google.com/a/wch.ac.th/learning-eng-with-kru-a-l/english-gramma-1
https://www.englishgrammar.org/quiz/
http://www.teachingideas.co.uk/subjects/grammar
https://itunes.apple.com/us/app/english-grammar-in-use-sample/id848215354?mt=8
https://learningenglish.voanews.com/z/4456
การทดสอบไวยกรณ์อังกฤษ
https://www.myteachernabil.com/grammar-exercises/
http://rimrock.mesa.k12.co.us/students/Grammar.htm
https://www.arealme.com/online-english-grammar-test/en/
http://www.stgeorges.co.uk/online-english/online-english-test
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
https://www.youtube.com/watch?v=TOlgQ7M9lWw
https://www.youtube.com/watch?v=HocdLPrNEpY
https://www.youtube.com/watch?v=cTd1ctHfntg
https://drive.google.com/file/d/0B7rsFf1KNlUtV1d4RHRmampPelE/view
http://www.tonamorn.com/vocabulary/
เรียนภาษาอังกฤษจาก Pinterest
https://www.pinterest.com/pin/AXsMQzOD1Nze3SsgFYO5-2XwioLq7wnAtZCIC8P3dsSq7LbwEVloMeA/
Idioms
Daily Step English
การใช้ภาษาอังกฤษจาก Pinterest
https://www.pinterest.com/pin/154881674656948456/
https://www.pinterest.com/pin/239394536417923492/
https://www.pinterest.com/pin/355010383114360598/
https://www.pinterest.com/pin/136374694941465894/
Grammar Revolution
https://www.english-grammar-revolution.com/confusing-capitalization-rules.html
Free Online Course From edX
Deep English
https://deepenglish.com/courses/true-stories-50-off/?em=goodman999%40outlook.co.th#close
เรียนรู้คำย่อจาก Pinterest
คำศัพท์ห้องครัวจาก Pinterest
ไวยกรณ์อังกฤษ 24 ชั่วโมงจาก Pinterest
https://www.pinterest.com/search/pins/?q=classroom%20ideas&source_id=bnrU3Mtk&rs=srs
Test Your English Vocaburaly
https://www.pinterest.com/pin/368310075760961248/
เว็บไซต์ข้างล่างนี้ให้เรียนรู้ได้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงปริญญาเอก
https://www.pinterest.com/pin/Aatb7PLuv3uhrpYn-HtCNU6caVXfyi6aqVUfYyigt1NVjKHDN-7Y1Xc/
ชุดฝึกฝนภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์แบบที่สุด
https://www.pinterest.com/pin/857443216529546443/?utm_campaign=rdpins&e_t=a20907e865a147f799775ac536ef49ba&utm_content=857443216529546443&utm_source=31&utm_term=2&utm_medium=2004
https://www.pinterest.com/pin/592856738422692108/?utm_campaign=rdpins&e_t=a20907e865a147f799775ac536ef49ba&utm_content=592856738422692108&utm_source=31&utm_term=16&utm_medium=2004
https://www.pinterest.com/pin/857443216529583257/?utm_campaign=rdpins&e_t=a20907e865a147f799775ac536ef49ba&utm_content=857443216529583257&utm_source=31&utm_term=1&utm_medium=2004
essays
English Lessons
English Students
https://www.pinterest.com/marilobarrero/english-students/?eq=english%20students&etslf=28782
English Kids
https://www.pinterest.com/slouissi/?eq=english%20kids&etslf=15181
https://www.pinterest.com/Sarahsaintropez/english-kids/?eq=english%20kids&etslf=27702
https://www.pinterest.com/nitigold/english-kids/?eq=english%20kids&etslf=4613
English Bachelor
https://www.pinterest.com/pin/668362400924210916/
https://www.pinterest.com/pin/481674122642487821/
https://www.pinterest.com/pin/48695239700596554/
https://www.pinterest.com/pin/716987203150704170/
ลิ้งค์ข้างล่างนี้นักศึกษาชั้นปริญญาตรีจะต้องศึกษาให้เข้าใจ
English Master
https://www.pinterest.com/cherry4farm/english-master/?eq=English%20Master&etslf=36627
https://www.pinterest.com/pin/753086368914260980/
https://www.pinterest.com/pin/67554063145899305/
https://www.pinterest.com/pin/AVmZ6Ta8kkcki2mc_1khiFCx7fMHZmwQmE1juEdLdlLGLYB1zVxv0H0/
https://www.pinterest.com/pin/556757572660118733/
ลิ้งค์ข้างล่างนี้นักศึกษาชั้นปริญาโทจะต้องเรียนให้เข้าใจ
English Doctor
https://www.pinterest.com/pin/389209592776615057/
ลิ้งค์ข้างล่างนี้นักศึกษาชั้นปริญญาเอกจะต้องเรียนให้เข้าใจ
เรียนภาษาอังกฤษจาก Youtube
https://www.pinterest.com/pin/440015826077891593/
https://www.pinterest.com/pin/567805465505157484/
https://www.pinterest.com/pin/496099715195216979/
http://lingolanguage.blogspot.com/2017/06/pronouns.html?spref=pi
ฝึกฝนภาษาอังกฤษให้เก่งคลิกที่นี่
https://www.pinterest.com/pin/726346246126648321/
https://www.pinterest.com/pin/726346246126639989/
Traveling Thailand
http://www.crossingtravel.com/thailand-travel-tag1636/
https://theblondeabroad.com/thailand/
https://www.pinterest.com/pin/795237246673991701/
https://www.pinterest.com/pin/241575967492227744/
https://www.pinterest.com/pin/586734657675444698/
เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด
กรุณาใส่ข้อความ …