5.วิชาโหราศาสตร์
วิชาโหราศาสตร์
ความหมายของคำว่า โหราศาสตร์
คำว่า “โหรา” นี้มาจากภาษาสันสกฤตว่า “ส่วนที่ ๒๔ แห่งโหราต์ร”ตรงกับคำมคธว่า “อโหรัตตะ” แปลว่าวันกับคืนหรือ๒๔ ชั่วโมง ฉะนั้นคำว่า”โหรา” จึงแปลความหมายว่าชั่วโมง คำว่า “โหราศาสตร์” ก็แปลว่าเป็นวิชาที่ว่าด้วยโมงยาม เกี่ยวกับดวงดาว ธาตุ และโลกมนุษย์ โหราศาสตร์เป็นวิชาที่มีหลักเกณฑ์การคำนวณตามความดึงดูดของกระแสธาตุแห่งดวงดาวในจักรวาลหรือกล่าวได้ว่า วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่กล่าวถึงอำนาจหรืออิทธิพลของดวงดาว ที่มีต่อขุมธาตุในชั้นบรรยากาศที่หุ้มห่อโลก เกิดการรวมตัว ทำให้เกิดการดึงดูดจนมีผลกระทบต่อสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกมนุษย์ทางนามและรูป แสดงกาลเวลา ความสว่าง ความมืด ความร้อน ความเย็น การดึงดูด พลังงาน ความรุ่งโรจน์และความอับปางที่มีต่อพฤติกรรมของมนุษย์(Human Behavior)
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์ไทยนั้น นับได้ว่ามีมานานก่อนพุทธกาลนับด้วยกัลป์ อาจารย์ที่เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดาวงดาวในท้องฟ้าพวกแรกที่สุดได้แก่พวกดาบสหรือฤษีที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์แถบภูเขาหิมาลัยหรือป่าอื่นๆ ดาบสทั้งหลายเหล่านี้เป็นผู้สำเร็จวิชานั้นสมาบัติ สามารถเข้าฌานส่งกระแสจิตขึ้นไปยังดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้าแล้วถามเรื่องราวความเป็นมาและอำนาจอิทธิพลของดวงดาวแต่ละดวง อันมีพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัส พระเสาร์ พระราหู พระเกตุและดาวอื่นๆ ตลอดจนการสัมพันธ์ของการโคจรของดาวต่างๆ
เมื่อดาบสตนหนึ่งได้ประวัติของดาวใดมา ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง ดาบสตนอื่นๆ ก็เข้าฌานส่งกระแสจิตขึ้นไปถามบ้างจนครบหมดทุกดาว แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังและสั่งสอนจดจำกันต่อๆ มา โดยมิได้มีการบันทึก เพราะในเวลานั้นยังไม่มีอักขระใดๆ จะบันทึกไว้ได้ แม้ในสมัยพระพุทธเจ้าของเราขณะที่ยังมิได้ตรัสรู้ ได้ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ในชาติต่างๆ เรียกว่าพระโพธิสัตว์ ในอดีตภพพระโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นดาบสมาหลายร้อยหลายพันชาติ และในภาพหนึ่งได้บังเกิดเป็นสุเมธดาบสไปพบพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมีนามว่า”พระพุทธทีปังกรเจ้า” ได้ตั้งความปรารถนาไว้ ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นพระองค์ท่าน จนในที่สุดท่านก็ได้ประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อเจ้าชายสิตธัตถะประสูติได้ ๗ วัน มีอสิตดาบสหรือกาฬเทวิลดาบสได้เข้าเฝ้าเยี่ยม พอเห็นเจ้าชายก็ก้มลงกราบเจ้าชายราชกุมารทันที ด้วยเห็นแล้วรู้ว่าจะต้องได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตแน่นอน เช่นเดียวกับที่โกณฑัญญะพราหมณ์ถวายคำพยากรณ์เจ้าชายสิทธัตถะว่า พระราชกุมารนี้จะไม่อยู่ในราชสมบัติ จะเสด็จออกทรงผนวชและตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกในโลกแน่นอน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น
ส่วนพราหมณ์อื่นๆ อีก ๗ คนนั้นได้ถวายคำพยากรณ์เป็น ๒ คติว่า พระกุมารนี้ถ้าอยู่ครองราชสมบัติจะได้เป็นพระเจ้าจาตุรันต์จักรพรรดิมหาราชาธิราชเจ้า ถ้าออกผนวชจะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกในโลก ปรากฏว่าคำพยากรณ์ของพราหมณ์หนุ่มชื่อโกฑัญญะเป็นคำพยากรณ์ที่แม่นยำตรงต่อความเป็นจริงดังปรากฏแล้ว อันการพยากรณ์ของดาบสก็ดี ของพราหมณ์ก็ดีมิได้มีการคูณหาเลขใดๆ หากแต่เป็นการพยากรณ์จากพระศิริลักษณะของพระสิทธัตถะกุมารซึ่งเพิ่งประสูติใหม่เท่านั้นเอง และเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเจริญวัยได้ทรงศึกษาวิชาโหราศาสตร์
ด้วย ซึ่งเป็นวิชาหนึ่งใน ๑๘ วิชาที่โอรสกษัตริย์จะต้องศึกษา ครั้นเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงผนวชได้ศึกษาอยู่ที่สำนักอุทธกะรามบุตรดาบส ได้สำเร็จวิชาชั้นสมาบัติแปด ซึ่งเป็นวิชาสูงสุดของท่านอุทธกะดาบสซึ่งพระองค์ท่านก็ได้นำวิชานี้มาช่วยเป็นวิชาเบื้องต้นในการไปสู่ทางตรัสรู้ของพระองค์ท่านด้วย
จะเห็นได้ว่าวิชาโหราศาสตร์นั้นต้องเริ่มต้นมาจากพวกดาบสหรือฤาษีดังกล่าวแล้ว แม้นิยายหรือนิทานที่กล่าวถึงความเป็นศัตรูหรือความเป็นมิตรของดาวพระเคราะห์ต่างๆ นั้น ก็เป็นเรื่องราวที่จดจำกันมาตั้งแต่สมัยดาบสหรือฤาษีต่อๆ กันมาจนกระทั่งมีการจารึกอักขระกันขึ้น ในชั้นต้นที่ยังไม่มีอักขระเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็ยังไม่มีการจารึกพระธรรมวินัยหรือพระไตรปิฎก ต้องท่องจำกันไว้ จนกระทั่งมีอักขระเกิดขึ้นในสมัยหลังพุทธกาลแล้วจึงได้จารึกกันไว้ให้ชนรุ่นหลังได้อ่านกันมาจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับที่หนังสือวิชาโหราศาสตร์ไทยก็เพิ่งจะมีแพร่หลายเมื่อไม่กี่ ๑๐๐ ปีมานี้เอง ทั้งมีการเสื่อมและเจริญสลับกันเรื่อยๆ มา
ผู้ที่ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ไทยส่วนมากมักจะมีการคำนับครูหรือที่เรียกว่า ”ไหว้ครู” ครูในที่นี้คือรูปปั้นดาบสหรือฤาษีและพราหมณาจารย์ ที่เป็นผู้ให้กำเนิดวิชาโหราศาสตร์ไทยนั่นเอง และผู้ที่นับถือครูและพราหมณาจารย์จริงๆ แล้ว เวลาพยากรณ์ดวงชะตามักจะเกิด”อุคหนิมิต” คือสิ่งที่เกิดขึ้นแบบญาณสังหรณ์ให้นำอิทธิพลของดวงดาวดวงนั้นดวงนี้มาทำนายโดยไม่รู้ตัว และมักจะทำนายได้แม่นยำถูกต้อง มิใช่เป็นความเชื่ออย่างงมงาย
ไม่มีเหตุผลดังที่ผู้อื่นเข้าใจ แต่เป็นสิ่งที่มีเหตุผลและมีความจริงอยู่แล้วเพียงแต่ผู้พยา กรณ์มองไม่เห็นเอง การเรียนวิชาโหราศาสตร์นี้ไม่ยากจนเกินไปแต่ก็ไม่ใช่ง่ายนัก บางครั้งเหมือนเส้นผมบังภูเขา การนับถือและบูชาครูบาอาจารย์เท่านั้นจะช่วยปัดเส้นผมนั้นออกไปได้ แล้วท่านก็จะมองเห็นภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าท่านทันที
ภพและความหมายของภพ
ภพ
ภพ แปลว่า "ที่อยู่" คือเป็นที่อยู่ของ ตัวเลขที่เป็นดวงดาว, ราศี, ลัคณา แบ่งออกเป็น ๑๒ ภพ คือ:-
๑.ภพตนุ
๒.ภพกฎุมภะ
๓.ภพสหัชชะ
๔.ภพพันธุ
๕.ภพปุตตะ
๖.ภพอริ
๗.ภพปัตตนิ
๘.ภพมรณะ
๙.ภพสุภะ
๑๐.ภพกัมมะ
๑๑.ภพลาภะ
๑๒.ภพวินาสน์
ความหมายของภพ
ภพ เรียกตามไทยว่า "เรือนชะตา" มีอยู่ ๑๒ เรือน หรือ ๑๒ ภพ เมื่อคำนวณดวงชะตาวางลัคนาเรียบร้อยแล้ว ให้ถือเอาภพที่ลัคนาสถิตอยู่ เป็นภพที่ ๑ (โปรดดูตารางดวงข้างบน) แล้วนับเวียนซ้ายเรียงลำดับกันไป ซึ่งมีความหมายแต่ละภพ ดังนี้
๑. ตนุ แปลว่า ตัวตน –ได้แก่รูปร่างสภาพของบุคคล นิสัย ความประพฤติ จริต กิริยา สุขภาพ อนามัย ที่อยู่อาศัย (ตัวตนหมายถึง ศีรษะจรดเท้า)
๒. กฏุมพะ แปลว่า สมบัติ – ได้แก่ทรัพย์สินเงินทอง ที่อื่น ๆ เรียกว่า ศูนย์พาหะคือทำให้เกิดกำลัง หรือหมายถึงครอบครัวก็ได้
๓. สหัสชะ แปลว่า เกิดร่วมกัน – ได้แก่เพื่อน คนใกล้ชิด พี่น้องเกิดท้องเดียวกัน เรื่องเพื่อนต้องหมายถึงการสมาคม ทางสากลจึงหมายเอาถึงการเขียนจดหมาย การเดินทางใกล้ ๆ อีก
๔. พันธุ แปลว่า ที่ติดเนื่องกัน – ได้แก่สิ่งที่ติดเนื่องมากับเจ้าชะตาเวลาเกิด เช่น บ้าน ที่ดิน พ่อ แม่ญาติพี่น้อง ทางภาระตะหมายถึงความสุขทั่ว ๆ ไป การศึกษาและ ยานพาหนะ
๕. ปุตตะ แปลว่า การดื่ม ความยินดี ได้แก่บุตร ธิดา บริวาร ควรหมายถึง ความรัก สถานที่ รื่นเริงบันเทิงใจ ความรู้สึกทางกามารมณ์ โชคลาภที่เกิดขึ้นเกินความคาดฝัน
๖. อริ แปลว่า ศัตรู – ได้แก่ผู้คิดร้าย อุปสรรค โรคภัยไข้เจ็บ ทางภารตะหมายถึง หนี้สิน ภัยที่เกิดจากโจร ความทุกข์ระทม
๗. ปัตนิ แปลว่า สิ่งตรงข้าม – ได้แก่คู่ครอง การสมรส และยังหมายถึงการเซ็นสัญญาการติดต่อ ธุรกิจ การเดินทางได้อีก และคดีความด้วย
๘. มรณะ แปลว่า การตาย – ได้แก่การแตกทำลาย การสูญเสีย การแปรสภาพ และยังหมายถึงสิ่งตาย ๆ เช่น มรดก พินัยกรรม ความสุดสิ้นของโรคภัยไข้เจ็บ เครื่องหมายทางเพศ
๙.ศุภะ แปลว่า ความสวยงาม ได้แก่ความสงบเรียบร้อย ได้แก่การงานภายในบ้าน ที่อยู่อาศัย การดำเนินชีวิต การเดินทางไกล เช่น ต่างประเทศ ความเคารพเชื่อถือ
๑๐. กัมมะ แปลว่า การงาน – ได้แก่อาชีพ งานอดิเรก ตำแหน่งกรรมเก่าที่ตนสร้างมาแต่อดีตชาติ
๑๑. ลาภะ แปลว่า การได้ ได้แก่โชค ความสำเร็จ เพื่อนหรือผู้ให้ความช่วยเหลือ อำนาจที่อยู่เหนือเจ้าชะตา
๑๒. วินาศ แปลว่า ความฉิบหาย – ได้แก่ความวิบัติ การจองจำกักขัง ศัตรูลับ การทรยศหักหลัง ความอึดอัดใจ การสุรุ่ยสุร่าย บาปนรก
“โหราศาสตร์” เป็นวิชาที่ใช้หลักวิชาทางสถิติ การโคจรของดวงดาว เพื่อใช้ในการอ่านกรรมที่เรียกว่า “ดวงเดิม” และใช้ผลกระทบจากดาวจรในปัจจุบันที่มีผลกระทบกับดวงเดิม เพื่อการอ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและใช้สถิติผลกระทบกันระหว่างดาวจรกับดาวตั้งรับในดวงเดิมเป้นการอ่านเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อป้องกัน ระมัดระวังสำหรับการดำเนินชีวิตให้ปลอดภัยและพยายามทำให้ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังช่วยให้รู้จัก
อุปนิสัยใจคอ และวาสนาของผู้อื่นอีกด้วย
ดังนั้น วิชาโหราศาสตร์ จึงผูกพันกับสัจธรรมของชีวิตคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ความสุข และ ความทุกข์ การติดตามสถิติได้อย่างมากก็ชั่วอายุของโหรเท่านั้น การพิสูจน์หรือทดลอง จึงไม่ค่อยมีมากเท่ากับการเก็บสถิติ ตามคำบอกเล่าของผู้ที่ประสบโชคหรือเคราะห์เท่าที่จะรวบรวมมาได้ การพิสูจน์สถิติอย่างซ้ำซากได้กลายเป็นตำราโหราศาสตร์ หรือ ข้อสังเกตทางโหราศาสตร์สำหรับคนรุ่นใหม่ต่อไป
ราศี
ความหมายของราศี
ราศี แปลว่า "กลุ่มดาวที่พระอาทิตย์โคจรผ่าน"
ความหมายของราศีทั้ง ๑๒ ราศี ในโหราศาสตร์ไทย (ดูตารางดวงข้างบนประกอบ)
๑.ราศีเมษ คือความต้องการ ความเข้มแข็ง ความร้อน การริเริ่มสร้างสรรค์ การเคลื่อนไหว
๒.ราศีพฤษภ คือความหนักแน่นมั่นคง ทนทาน ปฏิบัติ
๓.ราศีเมถุน คือความคิด ความไม่แน่นอน สติปัญญา การติดต่อ การซ้ำซาก
๔.ราศีกรกฎ คืออารมณ์ จิตใจ การเอาใจใส่ การเก็บรักษา การให้
๕.ราศีสิงห์ คือการเคลื่อนไหว พลังงาน การเรียกร้อง เกียรติยศ
๖.ราศีกันย์ คือการเลือกเฟ้น การบริการ ความบริสุทธิ์
๗.ราศีตุลย์ คือความเสมอกัน ตรงกันข้าม การร่วมมือกัน ความเที่ยงตรง
๘.ราศีพิจิก คือการสลายตัว ความลับ การเสียไป
๙.ราศีธนู คือความคิดเห็น ความเลื่อมใส ความเจริญรุ่งเรือง การเคลื่อนไหวทางความคิด
๑๐.ราศีมกร คืออำนาจการปฏิบัติ ความสามารถ การจัดการ การบริหาร การปกครอง
๑๑.ราศีกุมภ์ คือความก้าวหน้า ความฉับพลัน เสรีภาพ
๑๒.ราศีมีน คือการปราศจากระเบียบแบบแผน ความลี้ลับ ความสิ้นสุด
จักรราศี
จักรราศี แปลว่า "ปริมณฑลแห่งแผ่นฟ้าอันเป็นที่โคจรของดวงดาว"
จักรราศีหนึ่งมี ๓๖๐ องศา ราศีหนึ่งมี ๓๐ องศา ทุกๆ ราศี ทั้ง ๑๒ ราศี จะมีกลุ่มดาวประจำอยู่ทุกราศี เช่น:-
-ราศีเมษ เลข ๐ กลุ่มดาวเนื้อ
-ราศีรพฤษภ เลข ๑ กลุ่มดาวโค
-ราศีเมถุน เลข ๒ กลุ่มดาวคนคู่
-ราศีกรกฏ เลข ๓ กลุ่มดาวปู
-ราศีสิงห์ เลข ๔ กลุ่มดาวราชสีห์
-ราศีกันย์ เลข ๕ กลุ่มดาวนางสาวน้อย
-ราศีตุลย์ เลข ๖ กลุ่มดาวคันชั่ง
-ราศีพิจิก เลข ๗ กลุ่มดาวแมลงป่อง
-ราศีธนู เลข ๘ กลุ่มดาวคนถือธนู
-ราศีมังกร เลข ๙ กลุ่มดาวมังกร หรือ งูใหญ่
-ราศีกุมภ์ เลข ๑๐ กลุ่มดาวคนถือหม้อ
-ราศีมีน เลข ๑๑ กลุ่มดาวปลา
ราศีหนึ่งมี ๓๐ องศา ใน ๓๐ องศา ยังแบ่งย่อยให้เล็กลงไปอีก ๓ องศา คือองศาละ ๑๐ รวมเป็น ๓๐ องศา ส่วนที่แบ่งย่อยลงไปอีกนี้เรียกว่า "ตรียางค์" ทุกตรียางค์จะมีดาวเคราะห์ครอบครองอยู่ทั้่งสิ้น
ตรียางค์
ตรียางค์หนึ่งแบ่งออกเป็น ๓ คือ
๑.ปฐมตรียางค์
๒.ทุติยตรียางค์
๓.ตติยตรียางค์
ปฐมตรียางต์
-ปฐมตรียางค์ แบ่งออกเป็น ๓ นวางค์ คือ:-
๑. ปฐมะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
๒. ทุติยะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
๓. ตติยะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
-รวมเท่ากับ ๑๐ องศา
ทุติยตรียางค์
-ทุติยตรียางค์ แบ่งออกเป็น ๓ นวางค์ คือ:-
๑. จัตตุถะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
๒. ปัญจมะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
๓. ฉัฏฐมะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
-รวมเท่ากับ ๑๐ องศา
ตติยตรียางค์
-ตติยตรียางค์ แบ่งออกเป็น ๓ นวางค์ คือ:-
๑. สัตตมะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
๒. อัฏฐมะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
๓. นวมะนวางค์ ๓ องศา ๒๐ ลิบดา
-รวมเท่ากับ ๑๐ องศา
ตรียางค์หนึ่งแบ่งเล็กลงไปอีกเป็น ๙ นวางค์ ดังนั้น ราศีหนึ่งจึงมีนวางค์ ๙ นวางค์ นวางค์ทั้ง ๙ นี้มีดาวเคราะห์ครองอยู่ทั้งสิ้น
ในจักรราศีหนึ่งมีนวางค์อยู่ ๑๐๘ นวางค์ ในนวางค์ทั้ง ๑๐๘ เหล่านี้ มีกลุ่มดาวทั้งหลายประชุมกันอยู่ กลุ่มดาวที่ประชุมกันนี้เรียกว่า "ดาวฤกษ์" กลุ่มดาวฤกษ์กลุ่มหนึ่งจะประชุมกันอู่ใน ๔ นวางค์ เช่น:-
ราศีเมษ:-ปฐมะนวางค์ ทุติยะนวางค์ ตติยะนวางค์ จตุตถะนวางค์
ฉะนั้นใน ๑๐๘ นวางค์ จึงมีดาวฤกษ์ประชุมกันอยู่ ๒๗ กลุ่ม คือ:-
๑.อัสวนีฤกษ์
๒.ภรณีฤกษ์
๓.กัตติกาฤกษ์
๔.โรหิณีฤกษ์
๕.มิคสิระฤกษ์
๖.อารทราฤกษ์
๗.ปุนัพพสุฤกษ์
๘.ปุสยฤกษ์
๙.อสิเลสะฤกษ์
๑๐.มาฆะฤกษ์
๑๑.ปุพพะผัคคุณีฤกษ์
๑๒.อุตตระผัคคุณีฤกษ์
๑๓.หัตถะฤกษ์
๑๔.จิตตะฤกษ์
๑๕.สะวาตีฤกษ์
๑๖.วิสาขะฤกษ์
๑๗.อนุราธะฤกษ์
๑๘.เชฏฐะฤกษ์
๑๙.มูละฤกษ์
๒๐.ปุพพาสาฬหะฤกษ์
๒๑.อุตตราสาฬหะฤกษ์
๒๒.สาวนะฤกษ์
๒๓.ธนิฏฐธฤกษ์
๒๔.ศตภิษกะฤกษ์
๒๕.ปุพพาภัททะฤกษ์
๒๖.อุตตราภัททะฤกษ์
๒๗.เรวดีฤกษ์
-พระอาทิตย์โคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์เหล่านี้ กลุ่มหนึ่งใช้เวลาโคจรผ่าน ๑ เดือน
พระอาทิตย์โคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์นี้เรียกว่า "ราศี" พระอาทิตย์ใช้เวลาโคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ กลุ่มเหล่านี้ เป็นเวลา ๓๖๕ วัน คือ ๑ ปีพอดี การที่พระอาทิตย์ผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ กลุ่มเหล่านี้ ในเวลา ๑ ปี จึงเรียกว่า "สุริยคติ"
-กลุมดาวฤกษ์ที่พระจันทร์โคจรผ่านเรียกว่า "ฤกษ์" พระจันทร์ใช้เวลาโคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ กลุ่มเหล่านี้ เป็นเวลา ๑ เดือน จึงเรียกว่า "จันทรคติ" โหราศาสตร์ไทยใช้จันทรคติ เป็นหลักในการดูเวลาและการพยากรณ์
https://www.parentsone.com/12-zodiac/
นวางค์
-นวางค์ แปลว่า "ส่วนย่อย ๙ อย่าง" คือ
ราศีเมษ
๑.ปฐมตรียางค์ ๓ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรึยางค์ ๑ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๕ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีพฤษภ
๑.ปฐมตรียางค์ ๖ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๔ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตตจิยตรียางค์ ๗ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีเมถุน
๑.ปฐมตรียางค์ ๔ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๖ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๗ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีกรกฏ
๑.ปฐมตรียางค์ ๒ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๓ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๕ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีสิงห์
๑.ปฐมตรียางค์ ๑ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๕ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๓ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีกันย์
๑.ปฐมตรียางค์ ๔ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๗ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๖ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีตุลย์
๑.ปฐมตรียางค์ ๖ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๗ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๔ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีพิจิก
๑.ปฐมตรียางค์ ๓ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๕ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๒ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีธนู
๑.ปฐมตรียางค์ ๕ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๓ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๑ (จาก ๑ - ๑๐ องศษ)
ราศีมังกร
๑.ปฐมตรียางค์ ๗ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๖ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๔ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีกุมภ์
๑.ปฐมตรียางค์ ๗ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๔ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๖ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีมีน
๑.ปฐมตรียางค์ ๕ (จาก ๑- ๑๐ องศา)
๒.ทุติยตรียางค์ ๒ (จาก ๑- ๑๐ องศา)
๓.ตติยตรียางค์ ๓ (จาก ๑ - ๑๐ องศา)
ราศีเมษ
๐ราศีเมษ แบ่งเป็น ๓ ตรีางค์ คือ
๑.ปฐมตรียางค์
๒.ทุติยตรียางค์
๓.ตติยตรียางค์
๐ตรียางค์หนึ่ง แบ่งออกเป็น ๓ นวางค์ คือ
๑.ปฐมะนวางค์
๒.ทุติยะนวางค์
๓.ตติยะนวางค์
๐ราศีหนึ่ง มี ๙ นวางค์ คือ
นวางค์ ๙
ราศีเมษ
๑.ปฐมะนวางค์ ๓
๒.ทุติยะนวางค์ ๖
๓.ตติยะนวางค์ ๔
๔.จัตตุตะนวางค์ ๒
๕.ปัญจมะนวางค์ ๑
๖.ฉัฏฐมะนวางค์ ๔
๗.สัตตมะนวางค์ ๖
๘.อัฏฐมะนวางค์ ๓
๙นวมะนวางค์ ๕
ตัวเลขที่อยู่ด้านหลังคือดาวที่ครองอยู่ในนวางค์หล่านี้ ส่วนราศีอื่นๆก็ให้ดูในตารางข้างบนนี้ ขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายลองทำราศีอื่นๆ เหมือนที่ข้าพเจ้าทำดูซิ
มาตราโหราศาสตร์
1 วงกลมจักรวาล = 12 ราศี
1 วงกลมจักรวาล = 360 องศา
1 ราศี = 30 องศา ( 3 ตรียางค์ หรือ 9 นวางศ์)
1 ตรียางค์ = 10 องศา ( 3 นวางศ์)
1 นวางศ์ = 3 องศา 20 ลิปดา
1 องศา = 60 ลิปดา
1 ลิปดา = 60 พิลิปดา
ธาตุไฟ หมายถึง ความร้อนแรง ความลุกไหม้ ให้พลังงานสูง ความเจริญรุ่งโรจน์ให้ผลรุนแรงไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย ถ้าจะให้โชคก็จะเกิดขึ้นแบบไฟเพลิงรวดเร็วรุนแรง ถ้าให้โทษก็จะทำลายลงอย่างรวดเร็วรุนแรงธาตุดิน หมายถึง มั่นคงเป็นปึกแผ่น หลักฐานถาวร ทั้งโชคดีและโชคร้ายจะเกิดแบบมั่นคงถาวรยาวนาน ถ้าให้โชคก็จะเป็นลักษณะมั่นคง เพิ่มหลักฐาน แบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ระยะยาวนานแต่หนักแน่นมาก ถ้าให้โทษก็จะเป็นการทำลายความมั่นคง หนักแน่น ค่อยๆทำลายไปทีละนิดหน่อยเรื่อยๆ
ธาตุลม หมายถึง ความผันผวน แปรเปลี่ยนง่ายกว่าทุกธาตุ ถ้าให้โชคก็เกิดผลแบบฉับพลันทันที เกิดผลรวดเร็วมาก ให้โทษก็พังทลายรวดเร็วไม่ยั่งยืน ธาตุน้ำ หมายถึง เยือกเย็น เปลี่ยนแปลง หวั่นไหว ปรับตัว กลมกลืนเพราะเนื่องจากไม่มีรูปทรงเป็นของตนเอง อยู่ในแก้วก็เป็นแก้ว ขวดก็เป็นขวด แต่เวลาให้โทษก็รุนแรง ทั้งรวดเร็ว
แบ่งตามราศีได้อีกเป็น ต้นธาตุ กลางธาตุ ปลายธาตุ
ราศีธาตุไฟ
๑.ราศีเมษ เป็นต้นธาตุไฟ(มีดาวอังคารที่เป็นธาตุลมเป็นเกษตรประจำราศี) ดังนั้นเสมือนไฟที่มีลมด้วย ดั่งไฟที่มีลมเป่าเหมือนเปลวเพลิงในเตาหลอมโลหะ เปลวสั้นๆร้อนสูงสุด
๒.ราศีสิงห์ เป็นกลางธาตุไฟ(มีดาวอาทิตย์ธาตุไฟเป็นเกษตรประจำราศี) ดังนั้นจึงเป็นไฟที่ลุกไหม้ มีเปลวไฟอันรุ่งโรจน์ร้อนแรง เป็นประกายไฟลุกสว่าง
๓.ราศีธนู เป็นปลายธาตุไฟ(มีดาวพฤหัสธาตุดินเป็นเกษตรประจำราศี) ดังนั้นจึงเป็นไฟที่ลุกไหม้เหมือนไฟถ่านที่ลุกไหม้แบบไฟสุมขอนไม้ เป็นความร้อนดุจกองแห่งไฟถ่านอันร้อนระอุ
ราศีธาตุดิน
๑.ราศีมังกร เป็นต้นธาตุดิน(มีดาวเสาร์ธาตุไฟเป็นเกษตรประจำราศี) จึงเป็นดินที่แห้งแข็งมากๆ เสมือนดินปั่นที่นำไปเผาไฟให้แห้งนั้นแหละ ดิน
ดอนที่ถูกแสงแดดแผดเผ่าผิวพื้น เป็นผืนดินทุ่งราบกว้างใหญ่สุดสายตา
๒.ราศีพฤษก เป็นกลางธาตุดิน(มีดาวศุกร์เป็นธาตุน้ำเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นดินอัมชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเจริญเติบโต
ของพืช เป็นพื้นดินที่ทำสวนไร่นา
๓.ราศีกันย์ เป็นปลายธาตุดิน(มีดาวพุธธาตุน้ำเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นดินอ่อน ดินเลน ดินลุ่มเป็นพื้นดินที่น้ำท่วมถึง เป็นแอ่งขังน้ำ
ราศีธาตุลม
๑.ราศีตุลย์ เป็นต้นธาตุลม(มีดาวศุกร์ธาตุน้ำเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นลมที่รุนแรง มีพลังอำนาจสูงดุจพายุฝน และมรสุมซึ่งมีฤดูกาลเกิดขึ้นเป็น
กำหนดเวลาที่เกิดขึ้นแน่นอน
๒.ราศีกุมภ์ เป็นกลางธาตุลม(มีดาวราหูเป็นธาตุลมเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นลมที่เกิดแบบฉับพลันทันที รวดเร็ว รุนแรง เป็นพายุแห้งๆไม่มีฝน พอเกิดขึ้นก็สงบลงไปโดยฉับพลันทันที เป็นขณะหนึ่งไม่แน่นอน
๓.ราศีเมถุน เป็นปลายธาตุลม(มีดาวพุธธาตุน้ำเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นลมอ่อนๆ พัดเบาๆเย็นๆสบายๆ ไม่แรงเหมือนลมต้นธาตุและกลางธาตุ
ราศีธาตุน้ำ
๑.ราศีกรกฏ เป็นต้นธาตุน้ำ(มีดาวจันทร์ธาตุดินเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นธาตุน้ำที่เคลื่อนไหว ไหลไปไหลมา เป็นต้นน้ำลำธารและแม่น้ำที่เป็นทางไหลไปสู่บึง และไหลรวมไปสู่มหาสมุทรเป็นที่สุด
๒.ราศีพิจิก เป็นกลางธาตุน้ำ(มีดาวอังคารธาตุลมเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นน้ำขัง ในบึง บางบ่อมีลมพัดพริ้วเป็นระลอก
๓.ราศีมีน เป็นปลายธาตุน้ำ(มีดาวพฤหัสธาตุดินเป็นเกษตรประจำราศี) เป็นธาตุน้ำ อันเป็นแหล่งรวมกว้างใหญ่ไพศาล เป็นทะเล เป็นมหาสมุทร มีความเปลี่ยนแปลงหวั่นไหวอยู่ทุกขณะ
ถ้าหากสงสัยเกี่ยวกับดาวเกษตรประจำราศีสามารถกลับไปอ่านได้ข้อมูลที่ ดาวเกษตรประจำราศี
วิธีผูกดวงและการหาลัคณา
ดวงชาตาคืออะไร?
ดวงชาตาคือแผนที่ชีวิต สำหรับบุคคลหนึ่งๆ ว่าจะมีวิถีชีวิตเป็นอย่างไร จะมีบุญวาสนา หรือมีกรรมแค่ไหน จะรุ่งโรจน์หรือคับแค้นเป็นต้น ในการผูกดวงชาตานี้ ท่านที่มีความประสงค์จะเป็นโหร ต้องมีการลงทุนซื้อปฏิทินโหราศาสตร์มา จะมีคำอธิบายวิธีใช้ปฏิทินโหราศาสตร์รวมอยู่ด้วยอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ท่านให้นับเอาราศีพฤศภ เป็นราศีที่ ๑ ราศีมิถุนเป็นราศีที่ ๒ ราศีกรกฎเป็นราศีที่ ๓ ฯลฯ ราศีเมษ เป็นราศี ๐ หรือราศีที่ ๑๒ ดังในแบบ เมื่อทราบเช่นนี้ เราก็มาเปิดดูในปฏิทินโหร ตรวจดูว่าดาวทุกดวงอยู่ในราศีที่เท่าใด ในนั้น เขาจะบอกไว้ให้เสร็จ คือส่วนมากช่องแรกเขาจะบอกราศี เช่น ๐ คือราศี ๐ หรือราศีเมษ เราก็ดูตรงวันเดือนปีเกิดนั้น ถ้าเห็นว่าอาทิตย์อยู่ราศี ๐ เราก็วางอาทิตย์ไว้ในราศี ๐ ช่องถัดมาก็เป็นองศาลิปดาของอาทิตย์
เราก็เอามาใส่ตรงช่องกลางดวงเพื่อเอาไว้หาลัคนา ช่องต่อมาก็เป็นดาวจันทร์ เราก็ดูว่าจันทร์อยู่ราศีที่เท่าใด ก็เอาไปวางไว้ช่องราศีที่เท่านั้นเหมือนกัน ตลอดจนดาวอื่นๆ ก็วิธีเดียวกัน แต่ส่วนมากปฏิทินของโหรไทยเรามักวางดาวอังคารถึงมฤตยูไว้ในช่องท้าย เดือนหรือสิ้นปัก การอ่านปฏิทินส่วนมาก เขาก็อธิบายไว้แล้วในตอนต้นของปฏิทินทุกๆ เล่ม หรือแต่ในตัวปฏิทินเอง ก็มีกล่าวไว้ถ้าเราเข้าใจก็จะทราบได้ทันที
เมื่อวางดวงดาวต่างๆ ตามราศีจนครบ ๑๐ ดวงดาวแล้ว ขั้นต่อไป ก็เป็นการวางลัคนา ลัคนาสำเร็จมาจากอันโตนาฑีประจำราศี ดังได้วางให้ดูในรูปนั้นแล้ว คือเริ่มต้นให้ดูว่าบุคคลผู้นั้นเกิดหลังจากอาทิตย์ไปแล้วกี่ชั่วโมง กี่นาที แล้วเอาตั้งไว้ มาดูองศาลิปดาของอาทิตย์นับถอยหลังมาวันหนึ่งจากวันเกิด เช่นวันเกิดที่ ๒ ก็มาดูวันที่ ๑ มีกี่องศาลิปดา เอาจำนวนองศาตั้งลง เอาเกณฑ์ ๖๐ คูณ เพื่อกระจายให้เป็นลิปดา แล้วเอาจำนวนลิปดามาบวกเข้า ได้ผลลัพธ์เท่าใด เอาไปคูณกับจำนวนอันโตนาฑีประจำราศีที่ดาวอาทิตย์อยู่แล้วเอาเกณฑ์ ๑๗๐๐ เป็นตัวหาร เลขจำนวนลัพธ์ก็เป็นเวลาอดีตที่อาทิตย์โคจรผ่านมาแล้วเท่านั้น นาที-วินาที เอาอันโตนาฑีประจำราศีที่อาทิตย์สถิตตั้งลง เอาผลลัพธ์ที่ได้ในการเอา ๑๘๐๐ หารมาลบ เหลือเท่าใดก็เป็นจำนวนนาที ที่อาทิตย์จะเดินต่อไปจนสุดราศีนั้น เอาจำนวนเวลา ๐๖.๐๐ น. ตั้งลง เอาผลลัพธ์ที่ลบเหลือมาบวกเข้าจนถึงเวลาที่คนเกิด ถ้าไม่พอก็เอาอันโตนาฑีในราศีข้างหน้ามาบอกต่อไปจนถึงเวลาเกิด ถึงราศีใด ลัคนาสถิตอยู่ในราศีนั้น แต่ปัจจุบันนี้มีผู้ทำลัคนาสำเร็จไว้ให้แล้วจึงไม่ลำบากแก่การคำนวณ
ภาพอันโตนาฑีประจำราศี
สำหรับอันโตนาทีประจำราศีต่างๆ ในภาพจะเห็นว่าในราศีมิถุน กับราศีมังกร ระยะเวลา ราศีละ ๗๒ เท่ากัน คือแคบที่สุด ท่านจะเห็นลำดับเพิ่มของจำนวนอันโตนาทีเพิ่มขึ้นเป็น ๒ โค้ง โค้งบนคือราศีพฤศภ เมษ ถึง กุมภ์ โค้งนี้แสดงขณะอาทิตย์อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร และอีกโค้งข้างล่างแสดงถึงขณะอาทิตย์อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร
อันโตนาทีประโยชน์สำหรับดูว่า ณ จุดที่เราอยู่ได้โคจรไป ณ ส่วนใดในราศีต่างๆ กล่าวคือ ราศีอะไรโผล่มาทางขอบฟ้าตะวันออก ณ จุดเวลาเกิด ถือว่าจุดเวลานั้นอยู่ที่ราศีนั้น ซึ่งความจริงเราจะคิดถึงราศีบนศีรษะของเราเป็นหลักแล้ว มักจะต่างกัน ๙๐ องศากับความจริง ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะราศีอยู่บนศีรษะเรานั้น โหราจารย์ถือว่าไม่แสดงอิทธิพลอะไร ส่วนราศีทำมุม ๙๐ องศา (เส้นสัมผัสผิวโลก) กับเรานั่นสิให้แรง (ทางแมกคานิกส์ คือแรงมุมเพราะทำมุม ๙๐ องศากับแกน) เหตุนี้จึงมีการคำนวณอันโตนาฑีเพื่อใช้เป็นหลักในการมองเห็นว่า ณ จุดเวลาเกิดเราเห็นราศีอะไรก่อนโผล่ขึ้นมาก็ถือว่าเราเกิด ณ จุดเวลานั้น อยู่ที่ราศีนั้น ซึ่งระยะที่เราเห็นราศีต่างๆ โผล่ทางขอบฟ้าตะวันออกนั้นเปลี่ยนไปตลอดเวลา ตามตำแหน่งที่พระอาทิตย์ โคจรปัดเหนือหรือปัดใต้
อันโตนาทีตามจำนวนนาทีในรูป ท่านต้องจำไว้เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการหาว่า ณ จุดเวลาเกิดของบุคคลนั้นอยู่ ณ ที่ใดในจักรวาล เรื่องอันโตนาฑี ท่านต้องอ่านและเขียนรูปดู หากท่านหาส้มโอมาสักผลหนึ่ง ลองตะแคงดูกับแสงไฟ แล้วลองหมุนดูตำแหน่งต่างๆ ท่านจะเข้าใจทันที ในการอธิบายโดยแสดงรูปทรวดทรงนั้น ทำให้เกิดการเข้าใจยากเหลือเกิน เพราะรูปมองเห็นด้านเดียวเท่านั้น
อันโตนาฑีคืออะไร คือ ระยะเวลาจุหนึ่งบนโลกหมุนผ่านราศีต่างๆ แต่ละราศีไม่เท่ากัน ตามรูปการโคจรของโลกท่านจะเห็นว่า เนื่องจากโลกเอียงแกนให้ดวงอาทิตย์นี่เอง จึงเกิดเห็นดวงอาทิตย์อ้อมเหนือและอ้อมใต้ เกิดฤดูกาลต่างๆ ขึ้น
๑. อาทิตย์อ้อมเหนือ คือฉายแสงอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรของโลก บริเวณความสว่างจะครอบคลุมถึงบริเวณขั้วโลก ในตอนนี้จะเป็นราวๆ เดือนมีนาคม-สิงหาคม ในเมืองไทยซึ่งอาทิตย์อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรก็กลายเป็นฤดูร้อน เราจะสังเกตต่อไปว่าเวลากลางวันยาวมาก (เวลากลไกนั้นเราถือคงที่จากนาฬิกา) จะเห็นว่าเวลา ๑๙.๐๐ น. แล้วบางวันยังไม่มืด และเวลารุ่งอรุณเล่า ๐๕.๐๐ น. ก็รีบสว่างแล้ว
ถ้าท่านสังเกตภาพจะเห็นและเข้าใจทันทีว่า ขณะอาทิตย์ลอยอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรกับขณะอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรนั้น กลางวันกลางคืนมีระยะต่างกันอย่างไร
๒. สำหรับอาทิตย์อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรก็เช่นเดียวกัน ข้อสำคัญทางโหราศาสตร์ไทยเราถือเอาเวลา ๐๖.๐๐ น. เป็นเวลาแรกเห็นอาทิตย์ หรืออาทิตย์อุทัยเป็นเกณฑ์อาทิตย์ที่เราเห็นเวลา ๐๖.๐๐ น. นั้น อยู่ตรงตามราศีและองศาอาทิตย์ในปฏิทิน แต่เมื่อการเห็นอาทิตย์เร็วและช้าไปจาก ๐๖.๐๐ น. ดังกล่าวนี้ จึงได้กำหนดความกว้างของระยะใน ๑ ราศีที่จุดหนึ่งบนโลก ณ เวลา ๐๖.๐๐ น. ผ่านไปต่างๆ กัน แต่ผลรวมสุดท้ายจะเท่ากับ ๒๔ ชั่วโมง
อันเป็นเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเองนั่นเอง หลักการในการแบ่งระยะเวลาในการผ่านราศีของโลกนั้น อาศัยเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเองนั่นเอง หลักการในการแบ่งระยะเวลาในการผ่านราศีของโลกนั้น อาศัยการสังเกต ณ ตำบลอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรเป็นมุมราว ๑๓ องศา คือที่กรุงเทพฯ ประกอบกับการสังเกตวิถีโคจรของอาทิตย์ขึ้นเหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร ณ จุดต่างๆ ภายใน ๑ ปีว่า ทำให้ตำบลกรุงเทพฯ มีการมองเห็นดวงอาทิตย์รุ่งอรุณ ผิดจากความจริงจากเวลา ๐๖.๐๐ น. ไปเป็นเวลาเท่าใด... ฉะนั้นการคำนวณกำหนดอันโตนาทีของเรา จึงนับว่าใช้ได้เฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้น ส่วน ณ ตำบลอื่นๆ ที่เหนือหรือใต้กรุงเทพฯ ไปมากๆ แล้วย่อมมีความคลาดเคลื่อนไปจากความจริง
สำหรับประเทศไทยเรามีอาณาเขตจากมุม ๕ องศา ถึง ๒๐ องศาเหนือเส้นศูนย์สูตร จึงถือเอาอันโตนาทีที่ทำเฉพาะองศา ๑๓ องศา ใช้โดยทั่วไป ฉะนั้นในการวางลัคนากำเนิดในขณะอาทิตย์องศาอาทิตย์อยู่ราวๆ กลางราศี จะเห็นว่าใช้การได้ดี หากคนเกิดองศาอาทิตย์ อ่อนหรือแก่เกินไปแล้ว ย่อมเกิดความบกพร่องในตำแหน่งของลัคนาเป็นอันมาก องศาที่เพิ่มขึ้นไปทางเหนือและทางใต้จากกรุงเทพฯ จากการคำนวณได้ผลคือผลต่างอง
ศาละ ๖ นาที ในปัจจุบันนี้ มีโหราจารย์หลายท่าน ได้คำนวณอันโตนาทีสำหรับใช้ประจำตำบลต่างๆ ภายในประเทศของเรา นับจากเหนือสุดถึงใต้สุด เรียกว่าลัคนาสำเร็จ ได้ทดลองใช้แล้วปรากฏได้ผลดีเร็วทันใจ
ก่อนที่จะเข้าใจถึงการผูกดวงชาตากำเนิด ท่านต้องเข้าใจในการใช้ปฏิทินเสียก่อน นักศึกษาวิชาโหราศาสตร์ทุกคนจำเป็นต้องมีปฏิทินอดีตจำนวนหลายๆ ปี เพื่อผูกดวงของคนที่เกิดแล้วล่วงมาหลายๆ ปี กับต้องมีปฏิทินปัจจุบันและอนาคต คือปฏิทินประจำปีในขณะนี้ ปฏิทินโหราศาสตร์มีหลายแบบ ในเล่มนั้นมีคำอธิบายในการดูและการใช้ปฏิทินอย่างละเอียดลออ พร้อมกับมีหลายอย่างที่ควรอ่าน ฉะนั้นเราจึงไม่อธิบายการดูปฏิทินใน
ตอนนี้ เพราะปฏิทินอดีตปัจจุบันและอนาคต ก็อ่านเช่นเดียวกัน และนักโหราศาสตร์ทุกท่านจำเป็นต้องมีอยู่แล้ว
บัดนี้ ท่านได้มาถึงความสำคัญของวิชาโหราศาสตร์แล้วในปัจจุบัน การผูกดวงชาตาจากปฏิทินโหราศาสตร์ง่ายเหมือนบวกเลข ใครก็สามารถเข้าใจ และทำได้รวดเร็วเมื่อผูกดวงชาตาแล้วเสร็จ ก็ดูคล้ายกับเรามองเห็นบุคคลนั้นโดยทะลุปรุโปร่ง
วิธีผูกดวง
สิ่งที่จะต้องเตรียม
๑. วันเกิด ตรงกับ วันที่่อะไร
๒. เดือนเกิด
-ทางจันทรคติ คือ เดือน อ้าย ยี่ สาม สี่ ถึงเดือน ๑๒
-ทางสุริยคติ คือ เดือน เมษา ถึงมีนา เราต้องรู้ทั้ง ๒ ประเภท เพื่อสอบให้ตรงกัน
๓. ขึ้น หรือ แรม กี่ค่ำ – เพื่อสอบกับวันที่
๔. ปีเกิด
-ปี ชวด ฉลู ถึง กุน ตรงกับ พ.ศ. เท่าใด
๕. เวลาเกิด
- กี่นาฬิกา เอาเวลา ณ จุดเวลาที่เด็กเริ่มหายใจ เรียกว่าเวลาตกฟาก แล้วลบออก ๑๘ นาที เฉพาะผู้ที่เกิดในจังหวัดพระนคร และธนบุรี
สำหรับ วัน เดือน ปี ขึ้น แรม และเวลาเกิดนี้ จำต้องสอบให้ตรงกันถูกต้องแน่นอนเสียก่อนจึงทำการผูกดวงชาตาได้ เมื่อได้ดวงชาตากำเนิดแล้ว ถือเงาฉายของดวงดาวในจักรวาลลงบนพื้นราบ เพื่อดูตำแหน่งสัมพันธ์ทางราบกับจุดเวลาเกิด ณ ราศีที่อยู่
เหตุที่ลบออก ๑๘ นาที เพราะการเทียบเวลาในเมืองไทยเกินไป ๑๘ นาทีจากเวลาสากล ที่คิดตามจุดต่างๆ บนพื้นโลก รายละเอียดที่ต้องลบออก คือผู้ที่เกิดแต่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๓ ขึ้นมาถึงปัจจุบัน และต้องเพิ่มสำหรับผู้ที่ต่ำกว่า ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๓ ลงไปและรายละเอียดที่จะต้อง ลบออกและเพิ่ม จะเอาไว้กล่าวในเรื่องเวลาอัตราท้องถิ่น
๖.ปฏิทินโหราศาสตร์ ของอาจารย์ ทองเจือ อ่างแก้ว
๗.แผ่นลัคณาสำเร็จรูป
นี่คือแผ่่นลัตณาสำเร็จ
เกิดวันที่ 21 มกราคม 2551 เวลา 12.00 น.
เมื่อวางดวงดาวต่างๆ ตามราศีจนครบ ๑๐ ดวงดาวแล้ว ขั้นต่อไป ก็เป็นการวางลัคนา ปัจจุบันนี้มีผู้ทำลัคนาสำเร็จไว้ให้แล้วจึงไม่ลำบากแก่การคำนวณ
วิธีใช้งาน ต้องผูกดวงชะตาขึ้นมาก่อน โดยหาตำแหน่งจาก ปฎิทินดาราศาสตร์
1. ดาวอาทิตย์(๑) ว่าอยู่ราศีอะไร ให้หมุนเวลา 6.00 น. ไปที่ราศีนั้น
2. ดูองศาดางอาทิตย์ว่าอยู่ที่กี่องคา หมุนทวนเข็มนาฬิกา ตามองศาดาวอาทิตย์
3. เจ้าชาตาเกิดเวลาอะไร ให้ใส่ “ลัคนา” ตามราศีนั้น
http://www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=108049&Ntype=3
ไดอารี่โหร
การปฏิบัติในเวลาผูกดวงชาตา ต้องวางดวงดาวเคราะห์ต่างๆ ทุกดวงลงในช่องราศีของวันที่เกิด แล้วแต่ดาวดวงใดจะสถิตอยู่ในราศีใดๆ ก็ตาม โดยดูจากปฏิทินโหราศาสตร์บอกสมผุสไว้เฉพาะวันทายปักษ์ หรือสิ้นเดือนเท่านั้น เมื่อวันเกิดอยู่กลางๆ ปักษ์ของเดือนก็ใช้การคำนวณหาผลต่างๆ เพื่อดูสมผุสที่แท้ ปฏิทินของหลวงอรรถ มีวิธีคำนวณประกอบตารางตัวเลขต่างๆ ไว้อย่างละเอียด ปฏิทินของอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว ที่สร้างขึ้นใหม่
มีสมผุสดาวทุกดวงทุกวัน สะดวกมากกับผู้ใช้ ไม่ต้องมานั่งคำนวณอีก เอาเวลานั่งคำนวณไว้ค้นคว้าหาความรู้ดีกว่าเมื่อเราวางดวงดาวเคราะห์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็วางลัคนาจุดเวลาเกิดลงในดวงนั้น เสร็จแล้วก็หาตนุเศษต่อไป (การหาตนุเศษจะกล่าวต่อไปในตอนหลัง)
http://www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=108049&Ntype=3
https://sites.google.com/site/buddhistastro/lesson-kar-ha-lakhna
http://www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=267576&Ntype=34
https://www.youtube.com/watch?v=pMvVnYdoFj4
https://www.youtube.com/watch?v=dSznPfSIRG8
https://www.youtube.com/watch?v=zgmzYnjav8g
มาผูกดวงกันเถอะ
http://www.tarotthailand.com/2014/02/how-to-read-hora/
https://www.pookazza.com/index.php/th/2014-05-23-08-44-39
http://www.payakorn.com/lukana.php
การผูกดวงพิเศษ
http://plutoastrologer.blogspot.com/2014/03/blog-post_9864.html
พยากรณ์ ดอท คอม
http://www.rungnapa-astro.com/Suriyayatra/Suriya-01.php
ตัวอย่างการอ่านดวงชะตาในวิชาโหราศาสตร์
ขอเกริ่นนำแบบดูสบายๆไม่ซีเรียสแบบนี้ดีกว่า ผมมีความคิดอันหนึ่งซึ่งอยู่ในใจของผมตลอดมา นั่นก็คือว่า ผมอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการอ่านดวงเท่าที่ผมรู้เท่าที่ผมเข้าใจ เพื่อให้ทุกคนทุกท่านที่สนใจในการอ่านดวงได้รู้ได้เข้าใจไปด้วย ผมคงไม่กล้าบอกว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดไร้ผู้เทียมทานแต่อย่างใด เพียงแต่คิดว่าสิ่งเล็กน้อยทางด้านวิชาที่ผมมีอยู่และมีความตั้งใจที่จะมอบให้แก่ท่านผู้อ่านนั้น คงจะยังประโยชน์หรือ
เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งในการอ่านดวงแก่ท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย
มาอ่านดวงกันเถอะ เชื่อผม ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจของพวกท่านหรอก ทุกท่านสามารถทำความเข้าใจกับมันได้ เพียงแต่บางท่านไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนเท่านั้น ผมก็เคยเป็นตอนที่ศึกษาใหม่ๆ พอจับดวงขึ้นมาดู อันดับแรกก็คือ งงก่อน จากนั้นก็มึน จบที่วางดวง แล้วเดินไปทำอย่างอื่นดีกว่า เริ่มต้นดีกว่าครับจะได้ไม่เสียเวลา เอาเป็นว่าทุกคนคงจะเรียนรู้หลักพื้นฐานกันมาแล้วคือราศี ธาตุ ความหมายดาวและความหมายคู่ดาว เกณฑ์ต่างๆ มุมสัมพันธ์แบบเรือนชะตาและแบบมุมดาว ถ้ายังไม่รู้ก็เปิดตำราโหราศาสตร์ทั่วไปที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดมาอ่านดูได้ จากนั้นเรามาเริ่มบรรเลงกันเลย ดวงตัวอย่างที่ยกมานี้เป็นดวงชาย เกิดวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ เวลา ๐๓.๐๐ น. ได้รูปดวงชะตาดังนี้
วิธีวางลักขณาแบบง่ายๆ
http://www.horapayakorn.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=1&Id=2147525466
การอ่านพื้นดวงชะตา
http://www.horapayakorn.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539704056&Ntype=1
http://www.horapayakorn.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539704483&Ntype=1
การทำนายที่แม่นมากโดย อ.วรุตม์ ไวทยกุล
https://www.fortunestars.com/?gclid=EAIaIQobChMImZbjj7P93QIVSQwrCh1bcgyREAMYAyAAEgL3QfD_BwE
มาอ่านดวงกันเถอะ
เมื่อผูกดวงชะตาขึ้นมาดวงหนึ่ง สิ่งแรกสุดที่จะบอกเรื่องวาสนาได้ก็คือองค์เกณฑ์ ในเรื่องขององค์เกณฑ์นี้ก็มีกฎข้อบังคับของมันเองอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือ ลัคนาในราศีนระ หรือที่เรียกว่า นระเอกเกณฑ์ นั้นต้องมีดาวพฤหัสบดี หรือ ดาวอาทิตย์ หรือ ดาวพระเสาร์ ดวงใดดวงหนึ่งกุมลัคนาจึงจะได้องค์เกณฑ์ ชะตานี้ลัคนาสถิตอยู่ราศีกันย์ เป็นเกณฑ์นระ แต่ไม่มีดาวดังกล่าวที่ว่าไว้กุมลัคนา จึงเป็นดวงชะตาที่ไม่ได้องค์เกณฑ์ ดังนั้นเรื่องวาสนาอันดับแรกจึงตกไป เมื่อไม่มีองค์เกณฑ์ เราก็มาดูดาวเด่นในดวงว่ามีหรือไม่ ชะตานี้มีดาวอาทิตย์กับดาวพระเสาร์อยู่ในราศีตุลย์ภพกดุมภะ ดาวคู่นี้เด่นมากในดวงนี้ แสดงถึงความตั้งหวังและตั้งใจในการที่จะหาเงินทองทรัพย์สินที่อยู่อาศัยให้กับตนเอง รู้จักเข้าหาผู้คน มีความอดทนอดกลั้นเพื่อความสำเร็จที่ตนเองประสงค์ แต่มักจะมีความระแวดระวังสูง และดาวคู่นี้แหละที่จะส่งให้ชีวิตของเจ้าชะตาประสบความสำเร็จดีในระดับหนึ่งทีเดียว
ดาวอีกคู่หนึ่งที่ควรจับตามองก็คือ ดาวพฤหัสบดีกับดาวศุกร์ ในราศีธนูภพพันธุ เจ้าชะตามีแม่ที่มีระเบียบ แต่ก็มีหัวสมัยใหม่ด้วย จะคอยดูแลสั่งสอนให้ความห่วงใย รวมทั้งให้ความคิดเห็นที่ดีที่ทันสมัยแก่เจ้าชะตาด้วย นับว่าเจ้าชะตาโชคดีที่ได้แม่ที่คอยเข้าอกเข้าใจ และคอยเชื่อเหลือเกื้อกูลมิได้ขาดไม่ว่ายามเด็กหรือยามเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ดาวอีกคู่ที่สำคัญก็คือดาวพุธกับดาวราหู ดาวพุธสถิตราศีพิจิกธาตุน้ำ ทำมุมเล็งดาวราหูในราศีพฤษภ ดาวพุธเป็นดาวตนุลัคน์ของชะตานี้ ดาวพุธสถิตอยู่ธาตุน้ำราศีพิจิก ทำให้เป็นคนที่รู้จักพูดจา เจรจาหลักแหลม รู้จักที่จะพูดให้เป็นที่ถูกใจคน รู้จักแก้ไขปัญหาด้ายความแยบยล ดาวพุธสถิตภพสหัชชะ ทำให้ตัวเจ้าชะตาเก่งการสังคม รู้จักคนมาก คบหาเพื่อนฝูงมากมาย ยิ่งเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาด้วยแล้ว ทำให้เป็นที่รักของเพื่อนฝูง
ดาวพุธทำมุมเล็งกับราหูในราศีพฤษภ ดาวคู่นี้ให้ความหมายถึงการเจริอเติบโตก้าวหน้าของเจ้าชะตา ราหูจะช่วยปรับให้เจ้าชะตารู้จักเจรจาให้เป็นที่รักที่ถูกใจแก่บุคคลอื่น สร้างความก้าวหน้าให้แก่เจ้าชะตาในอนาคต ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจากชุดดาวที่กล่าวมาแล้วนี้ทั้งหมดจะเป็นตัวช่วยให้กับชะตานี้ไปได้ดีในระดับที่น่าพอใจทีเดียว ถึงไม่ใช่ดวงที่เลอเลิศนัก แต่ก็สามารถดูแลเอาตัวรอดได้ในสังคมยุคปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน
ทีนี้เรามาอ่านกันในระบบเรือนชะตาสัมพันธ์กันดูบ้าง เริ่มกันที่ภพตนุ อ่านได้ว่า ตนุ ๔ – สหัชชะ ๓ – ปุตตะ ๗ เรามาเริ่มต้นที่ดาวตนุ ๔ กันก่อน ดาวพุธ ๔ เป็นเรื่องของความคิด การเรียนรู้ การพูดการเจรจา การติดต่อ เป็นดาวธาตุน้ำไปอยู่ราศีพิจิกธาตุน้ำ ทำให้ดาวพุธตัวนี้เต็มไปด้วยความแช่มชื่นแห่งสายน้ำ เมื่ออยู่ในเรือนเกษตรของดาวอังคาร ทำให้เป็นคนพูดจาตรงเป้าหมาย พูดจาดี รู้จักใช้คำพูดคำจาที่หวานหู ในภพสหัชชะในการติดต่อเจรจาหรือการเข้าสังคม ซึ่งในการอ่านสองจังหวะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าดีไหมที่ทำแบบนั้น เราก็ต้องมาดูจังหวะสามกัน จังหวะสามนั้น ดาว ๓ เจ้าเรือนสหัชชะไปเป็นอุจในราศีมังกรเรือนเสาร์ ภพปุตตะ บอกไว้ว่า อย่างน้อยเจ้าชะตามีความอดทนสูง รู้จักระงับอารมณ์ แบบว่าตัวเองจะรู้สึกอดรนทนไม่ไหวแค่ไหนก็ตาม แต่ก็พยายามอดทนสุดชีวิต เพราะดาวอังคารไปอยู่ราศีธาตุดิน ทำให้นิ่งอยู่ได้ถึงจะอารมณ์เสียฉุนเฉียวแค่ไหนก็
ตาม ในเรือนเสาร์ก็เป็นความอดทนอดกลั้น เพื่อประโยชน์แห่งตน เป็นเรือนปุตตะหมายความว่าเจ้าชะตาเป็นอย่างนี้เรื่อยมาตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วนั่นเอง
เรามาอ่านเรือนกดุมภะกันบ้าง อ่านได้ว่า กดุมภะ ๖ – พันธุ ๕ เกษตร แสดงถึง สภาวะการเงินนั้นเป็นการรู้จักหาเงินทอง มีความมุ่งมั่นมีความกระตือรือร้นและพออกพอใจที่หาเงินได้ (ดาวศุกร์มาอยู่ธาตุไฟ) ในเรือนพฤหัสบดีทำให้รู้จักเก็บเงินเก็บทองที่หาได้เพื่อความเป็นปึกแผ่นเป็นหลักเป็นฐานต่อไปในอนาคต แล้วจะเก็บได้ไหม ดาวพฤหัสบดีเป็นเกษตรในภพพันธุบอกไว้ว่าหากรู้จักเก็บหอมรอมริบอย่างเป็นระบบแล้วเจ้าชะตาทำได้อย่างแน่นอน
มาอ่านปัตตนิกันบ้าง ปัตตนิ ๕ พันธุ ๕ เกษตร แสดงถึงว่า ชะตานี้จะได้คู่ครองดี คู่ครองเป็นดาวพฤหัสบดี จะเป็นคนที่มีระเบียน และเชื่อมั่นในตัวเองสูง (พฤหัสบดีเป็นเกษตรในราศีธนู) ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวธาตุดินไปอยู่ธาตุไฟในราคีธนู ทำให้คู่ครองเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง ทำการสิ่งใดมีหลักมีเกณฑ์ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เรือนพฤหัส บดี เรือนนี้เป็นเรือนพันธุ คู่ครองจะมาช่วยสร้างหลักฐานความมั่นคงให้กับครอบครัวด้วย อีกประการหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ เนื่องจากดาวพฤหัสบดีเป็นเกษตรภพพันธุ ทำให้เรื่องคู่ครองของเจ้าชะตานั้นขึ้นอยู่แม่ด้วย ถ้าให้แม่เป็นคนจัดการหาให้จะยิ่งดีสำหรับชะตานี้เลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับ “มาอ่านดวงกันเถอะ” นี้ ผมเขียนออกมาเป็นสองระบบด้วยกันนะครับ คือ เขียนแบบมุมดาว และ แบบมุมเรือน (มุมเรือนจะเป็นแบบการอ่านสามจังหวะ) พอที่จะให้ความรู้แก่ท่านผู้อ่านไหมครับ ถ้าให้ได้ผมก็ยินดีและขอมอบให้ท่านผู้อ่านด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งครับ แล้วจะเขียนออกมาเรื่อยๆ ให้ท่านผู้สนใจได้ติดตามกันอีก สำหรับวันนี้ขอลาแล้วครับ สวัสดี
การอ่านดวงชะตา
http://www.horapayakorn.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539705320&Ntype=1
http://www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=107154&Ntype=3
http://www.horapayakorn.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539364316&Ntype=1
http://www.gangbeauty.com/topic/103276
https://www.youtube.com/watch?v=85ltt5Ov7sk
https://www.youtube.com/watch?v=2JXqGrPMukE
โหราศาสตร์ไทย ระบบ ภพภูมิเทพเจ้า แผ่นที่ 1 - 4
https://www.youtube.com/watch?v=zeSfQRuJo1U
การพยากรณ์ดวงชะตาแบบไม่ให้หลงทาง
http://activeway.com/knows2/time4.htm
http://www.tarotthailand.com/2014/02/how-to-read-hora/
วิชาโหราศาสตร์
1. http//www.horasaadrevision.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=107154&N
2. http//www.payakorn.com/
3. http//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353052819&grpid=01&catid=01
4.httpฝ/www.horawej.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=189124&N
5.http//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C
6. http//heritage.mod.go.th/nation/astrology/astrology.htm
7. http//www.jupitersiam.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538855596&N
8.http//www.myhora.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C/%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87
9.http//www.horasadthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=526097
10.http//www.luckkao.com/default.asp?content=showproduct&scid=1191
สอนวิชาโหราศาสตร์โดย Youtube
http://www.rojn-info.com/mainarticles/%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a8%e0%b8%b5
htmlhttps://www.youtube.com/watch?v=xYLmoObLBLQ
หนังสือหลักวิชาโหราศาสตร์ชั้นสูง
๑.วิชาโหราศาสตร์ไทย ฉบับสมบูรณ์
ของหลวงดรุณกร (อั้น สาริกบุตร)
http://uauction4.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=429&qid=16973
๒.โหราศาสตร์ไทยชั้นสูง ของ อ.สิงห์โต สุริยาอารักษ์
หนังสือ ๒ เล่มนี้ให้ไปซื้อที่ร้าน เกษมบรรณกิจ
ที่อยู่ปัจจุบันคือ: 25 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน เขตธนบุรี
เวลาทำการ: 08.00 – 16.30 น. (ปิดวันอาทิตย์)
ติดต่อ: 02-439-2339
http://auction2hand.uamulet.com/AuctionGoodsDetail.aspx?qid=19186&sortby=ASC
วิชาการทำนายด้วยเลข ๗ ตัว
แต่งโดย พรชัย ดวงมาลัย
วิชาการทำนายด้วยเลข ๗ ตัวเป็นการพยารณ์ชนิดหนึ่งที่จัดว่าแม่นยำดี ถ้าผู้พยากรณ์ศึกษาหลักของการพยากรณ์อย่างเชี่ยวชาญแตกฉานแล้ว ข้าพเจ้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า "แม่นยำไม่แพ้วิชาโหราศาสตร์เลยทีเดียว" แต่วิชาเลข ๗ ตัวนี้ ง่ายกว่าวิชาโหราศาสตร์ตรงที่ไม่ต้องไปท่องจำหลักการและกฏเกณฑ์ที่มากมากมาย เหมือนวิชาโหรษศาสตร์ วิชาโหราศาสตร์ ถ้ามีผู้มาให้พยากรณ์ไม่รู้เวลาตกฟากคือเวลาเกิดการพยากณ์ของวิชาโหราศาสตร์ก็จะไม่แม่นยำเลยนี้คือจุดอ่อนของ วิชาโหราศาสตร์ แต่วิชาเลข ๗ ตัว ไม่ต้องใช้เวลาเกิดเลยก็พยากรณ์ได้แม่นยำดี ถ้ามีความประสงค์อยากจะให้วิชาเลข ๗ ตัว มีความแม่นยำจงดูการทำนายเลขโคจรให้ดีนี้คือจุดเด่นของวิชาเลข ๗ ตัว ข้าพเจ้าได้เรียนรู้มาทั้งสองอย่างแต่ข้าพเจ้าชอบใช้วิชาเลข ๗ ตัวทำการพยากรณ์ให้ผู้อื่นเพราะมันง่ายดีไม่มีหลักเกณฑ์มากมายและไม่ต้องใช้ เวลาเกิดก็สามารถพยากรณ์ให้แม่นยำได้ ถ้าใครเรียนรู้กฏเกณฑ์และความหมายของตัวเลขอย่างแตกฉานแล้วท่านก็จะสามารถ พยากรณ์ได้ทุกแง่ทุกมุมไม่แพ้วิชาโหราศาสตร์เลย
การศึกษาวิชาพยากรณ์ด้วยเลข ๗ ตัว แบ่งออกเป็ ๔ ภาค คือ:-
-ภาคการศึกษาที่ ๑ ว่าด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆของพื้นดวงชะตา
-ภาคการศึกษาที่ ๒ ว่าด้วยองค์ประกอบที่เป็นพื้นฐานของพื้นดวงชะตา
-ภาคการศึกษาที่ ๓ ว่าด้วยกลวิธีการทายจรของเลข ๗ ตัว
-ภาคการศึกษาที่ ๔ ว่าด้วยการทำนายแบบยามอัฏฐกาล
-ภาคการศึกษาที่ ๕ ว่าด้วยการทำนายด้วยทักษาพยากรณ์
-ภาคการศึกษาที่ ๖ ว่าด้วยการทำนายด้วยหลักของกาลโยคประจำปี
-ภาคการศึกษาที่ ๗ ว่าด้วยภาคผนวก
การศึกษาภาคที่ ๑
-ภาคที่หนึ่ง ว่าด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆของพื้นดวงชะตา ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๖ ชนิด คือ:-
๑.การตั้งเลขในพื้นดวงชะตา
๒.ภพและความหมายของภพ
๓.ความหมายของเลขในฐานบวก
๔.การพยากรณ์ตัวเลขในพื้นดวงชะตา
๕.ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันของตัวเลขในพื้นดวงชะตา
๖.ระดับสูงต่ำของพื้นดวงชะตา
การตั้งเลขในพื้นดวงชะตา
ตัวเลขในพื้นดวงชะตามี ๒๑ ตัว แบ่งออกเป็น ๔ แถวๆละ ๗ ตัว และยังมีตัวเลขที่เป็นฐานบวกอีก ๗ ตัว รวมเลขในพื้น ดวงชะตาทั้งหมดมี ๒๘ ตัว เช่น:-
-1 2 3 4 5 6 7
แถวที่หนึ่งนี้เป็นเลขที่เอามาจากเลขของวันเกิดของคน
-2 3 4 5 6 7 1
แถวที่สองนี้เป็นเลขที่เอามาจากเลขของเดือนเกิดของคน
-3 4 5 6 7 1 2
แถวที่สามนี้เป็นเลขที่เอามาจากเลขของปีเกิดของคน
-6 9 12 14 18 14 10
แถวที่สี่นี้เป็นเลขที่ได้มาจากการเอาเลขทั้งสามแถวบวกกัน
หลักการตั้งเลขวันเดือนปีเกิดลงในพื้นชะตาแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ:-
๑.หลักในการตั้งเลขของวันเกิดลงในพื้นชะตา
-วิชาเลข ๗ ตัวมีหลักในการตั้งเลขวันเกิดลงในพื้นชะตาดังนี้
๑.๑เลขในฐานของวันเกิดนี้ให้เอาเลขแค่ ๗ ตัว ถ้าเลขตัวใดมีค่าเกินกว่า ๗ ให้เอาเลข ๗ ไปลบออก เช่น คนไหนเกิดในวันพุธกลางคืน มันจะเป็นเลข ๘ เมื่อเป็นเลข ๘ แสดงให้เห็นว่ามันเลย ๗ ไปแล้ว ให้เอาเลข ๗ ไปลบเลข ๘ ก็จะเหลือเศษ ๑ ให้เอาเลข ๑ ไปตั้งเป็นเลขของแถววันเกิด เช่น:-
-1 2 3 4 5 6 7
๑.๒ตัวเลขประจำวันเกิดจงดูข้างล่างนี้
-คนเกิดวันอาทิตย์ คือ เลข ๑
-คนเกิดวันจันทร์ ,, ,, ๒
-คนเกิดวันอังคาร ,, ,, ๓
-คนเกิดวันพุธ ,, ,, ๔
-คนเกิดวันพฤหัสบดี ,, ,, ๕
-คนเกิดวันศุกร์ ,, ,, ๖
-คนเกิดวันเสาร์ ,, ,, ๗
-คนเกิดวันราหูหรือวันพุธกลางคืน คือเลข ๘
๑.๓คนเกิดวันไหนก็ให้ตั้งเลขประจำวันเกิดนั้นเป็นตัวแรกดังนี้
-คนเกิดวันอาทิตย์ ให้ตั้งเลข 1 เป็นตัวแรก เช่น:-
-1 2 3 4 5 6 7
-คนเกิดวันจันทร์ ให้ตั้งเลข 2 เป็นตัวแรก เช่น:-
-2 3 4 5 6 7 1
-คนเกิดวันอังคาร ให้ตั้งเลข 3 เป็นตัวแรก เช่น:-
-3 4 5 6 7 1 2
-คนเกิดวันพุธ ให้ตั้งเลข 4 เป็นตัวแรก เช่น:-
-4 5 6 7 1 2 3
-คนเกิดวันพฤหัสบดี ให้ตั้งเลข 5 เป็นตัวแรก เช่น:-
-5 6 7 1 2 3 4
-คนเกิดวันศุกร์ ให้ตั้งเลข 6 เป็นตัวแรก เช่น:-
-6 7 1 2 3 4 5
-คนเกิดวันเสาร์ ให้ตั้งเลข 7 เป็นตัวแรก เช่น:-
-7 1 2 3 4 5 6
-คนเกิดวันราหู ให้ตั้งเลข 1 เป็นตัวแรก เช่น:-
-1 2 3 4 5 6 7
**หมายเหตุ:-ในข้อที่ 3 นี้โปรดสังเกตดูให้ดีอาจจะตั้งเลขผิดได้ง่ายๆ คนเกิดวันไหนก็ให้ตั้งเลขประจำวันเกิดตัวนั้นเป็นตัวแรกแล้วก็ไล่ไปเรื่อยๆ จนครบ 7 ตัว ถ้าวันเกิดใครนับไปถึงเลข 7 แล้ว แต่ตัวเลขยังไม่ครบ 7 ตัวก็ให้นับเริ่มต้นที่เลข 1 ใหม่เช่น วันพฤหัสบดีนับเริ่มต้นที่เลข 5 6 7 ก็ถึงเลข 7 แล้วยังไม่ครบ 7 ตัวเลย ก็ให้นับเริ่มต้นที่เลข 1 2 3 4 ไปอีกจนกว่าจะครบ 7 ตัว จึงจะหยุดได้ วันอื่นก็จงดูวันพฤหัสบดีนี้เป็นตัวอย่าง
๒.หลัก การตั้งเลขของเดือนเกิดลงในพื้นชะตาให้ตั้งหล้กการเดียวกันกับเลขของวันเกิด ถ้าใครเกิดในเดือน 8 9 10 11 12 ให้เอาเลข 7 มาลบออก เหลือเศษเท่าไหร่ให้เอาเลขเศษนั้นไปตั้งเป็นเลขตัวเริ่มแรก เลขของเดือนเกิดนี้ให้ถามเจ้าตัวคนที่มาให้เราทำนายก่อน แต่อย่าไปเชื่อนักบางทีเขาอาจจะจำมาผิดก็ได้ ทางที่ดีให้เอาวันที่ เดือน พ.ศ. เกิดของเขาไปตรวจดูที่ปฏิน 100 ปี, 150 ปี, หรือ 250 ปี ก่อนเพื่อป้องกันความผิดพลาด ถ้าใครจำวันเดือนปีเกิดไม่ได้อย่าไปทำนายให้เขาเลยมันจะไม่แม่นเดี๋ยวเขาจะดูถูกเราได้ในภายหลัง หลักการตั้งเลขของเดือนเกิดมีดังนี้
-คนเกิดในเดือน ๑ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-1 2 3 4 5 6 7
-คนเกิดในเดือน ๒ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-2 3 4 5 6 7 1
-คนเกิดในเดือน 3 ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-3 4 5 6 7 1 2
-คนเกิดในเดือน 4 ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-4 5 6 7 1 2 3
-คนเกิดในเดือน ๕ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-5 6 7 1 2 3 4
-คนเกิดในเดือน ๖ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-6 7 1 2 3 4 5
-คนเกิดในเดือน ๗ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-7 1 2 3 4 5 6
-คนเกิดในเดือน ๘ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-1 2 3 4 5 6 7
-คนเกิดในเดือน ๙ ให้ตั้งเลขของเดือนเป็นดังนี้
-2 3 4 5 6 7 1
-คนเกิดในเดือน ๑๐ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-3 4 5 6 7 1 2
-คนเกิดในเดือน ๑๑ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-4 5 6 7 1 2 3
-คนเกิดในเดือน ๑๒ ให้ตั้งเลขของเดือนเกิดเป็นดังนี้
-5 6 7 1 2 3 4
๓.หลัก การตั้งเลขของปีเกิดลงในพื้นดวงชะตา ให้ตั้งในหลักการเดียวกันกับเลขของเดือนเกิดคือใครเกิดในปีมะแม, วอก, ระกา, จอ, กุล ให้เอาเลข 7 ไปลบออกเพราะเลขของปีทั้ง 5 เหล่านี้เกินเลข 7 ไปแล้ว หลักการตั้งเลขของปีเกิดลงในพื้นดวงชะตามีหลักในการตั้งดังนี้
๓.๑เลขของปีเกิด
-ปีชวด = เลข 1
-ปีฉลู = เลข 2
-ปีขาล = เลข 3
-ปีเถาะ = เลข 4
-ปีมะโรง = เลข 5
-ปีมะเส็ง = เลข 6
-ปีมะมะเมีย = เลข 7
-ปีมะแม = เลข 8
-ปีวอก = เลข 9
-ปีระกา = เลข 10
-ปีจอ = เลข 11
-ปีกุล = เลข 12
๓.๒การตั้งเลขของปีเกิด
-คนเกิดในปีชวด ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-1 2 3 4 5 6 7
-คนที่เกิดในปีฉลู ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-2 3 4 5 6 7 1
-คนที่เกิดในปีขาล ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-3 4 5 6 7 1 2
-คนเกิดในปีเถาะ ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-4 5 6 7 1 2 3
-คนที่เกิดในปีมะโรง ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-5 6 7 1 2 3 4
-คนที่เกิดในปีมะเส็ง ให้ตั้งเลขของวันเกิดเป็นดังนี้
-6 7 1 2 3 4 5
-คนที่เกิดในปีมะเมีย ให้ตั้งเลขของวันเกิดเป็นดังนี้
-7 1 2 3 4 5 6
-คนที่เกิดในปีมะแม ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-1 2 3 4 5 6 7
-คนที่เกิดในปีวอก ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-2 3 4 5 6 7 1
-คนที่เกิดในปีระกา ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-3 4 5 6 7 1 2
-คนที่เกิดในปีจอ ให้ตั้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-4 5 6 7 1 2 3
-คนที่เกิดในปีกุล ให้ต้งเลขของปีเกิดเป็นดังนี้
-5 6 7 1 2 3 4
ข้อควรจำในการตั้งเลขของวันเดือนปีเกิด
๑.เลขของวันเกิด ให้เริ่มนับวันเกิดตั้งแต่เวลา ๖.๐๐ น. ของกลางวันไปถึง เวลา ๖.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น คือตั้งแต่เวลา ๖ โมงเช้าของวันนี้ไปจนถึง ๖ โมงเช้าของวันพรุ่งนี้ วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง อย่าไปนับเวลาเหมือนแบบสากล แบบสากลเขานับตั้งแต่เวลา ๒๔ นาฬิกา คือ ๖ ทุ่มไปแล้วเขานับเป็นวันใหม่ นี่คือการนับแบบสุริยคติ ประเทศของเราใช้นับวันแบบจันทรคติคือต้องนับตั้งแต่เวลา๖ โมงเช้าวันนี้ไป จนถึง ๖ โมงเช้าของวันพรุ่งนี้ ถ้าท่านนับวันเกิดแบบสากลท่านจะทำนายผิดทันที โปรดจำเอาไว้ให้ดี
๒.เลข ของเดือนเกิด ให้เริ่มนับตั้งแต่ เดือน ๑ (เดือนอ้าย -ธันวาคม) เดือน ๒ (เดือนยี่ -มกราคม) เดือน ๓ (กุมภาพันธ์) เดือน ๔ (เดือนมีนาคม) เดือน ๕ (เดือนเมษายน) เดือน ๖ (เดือนพฤษภาคม) เดือน ๗ (เดือนมิถุนายน) เดือน ๘ (เดือนกรกฎาคม) เดือน ๙ (เดือนสิหาคม) เดือน ๑๐ (เดือนกันยายน) เดือน ๑๑ (เดือนตุลาคม) เดือน ๑๒ (เดือนพฤศจิกายน) นี่เป็นการนับแบบจันทรคติ ให้ดูการนับตามปฏิทิน ๑๐๐ ปี หรือ ๑๕๐ ปีดีที่สุด ไม่ได้นับแบบสากลคือนับตั้งแต่เดือน มกราคม ไปจนถึงเดือนธันวาคม ถ้าท่านนับแบบนี้ท่านจะทำนายให้เขาผิดทันที
๓.เลขของปีเกิด ใช้ปีตามนักษัตร คือปีเกิดคนจะเปลี่ยนเป็นปีใหม่ได้จะต้องเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน คือวันสงกรานต์ของทุกปีเป็นต้นไป ถ้าใครเกิดก่อนวันสงการานต์ยังถือเป็นปีเก่าอยู่ แต่ถ้าใครเกิดวันที่ ๑๓ เมษายน ผู้นั้นถือว่าปีเกิดเป็นปีใหม่แล้ว ในระบบสากลเขาถือเอาวันที่ ๑ มกราคมเป็นวันขึ้นปีใหม่ วิชาการทำนายด้วยเลข ๗ ตัว ถ้าถือเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันเปลี่ยนปีใหม่ท่านจะพยากรณ์ผิดทันที ข้อนี้ข้าพเจ้าเคยเห็นหมอดูหลายคนใช้วันที่ ๑ มกราคมเป็นวันเปลี่ยนปีใหม่ ให้พยากรณ์ดูแล้วจึงไม่ค่อยแม่นผิดเสียเป็นส่วนมากข้อนี้จึงควรระวังไว้ให้ ดี
๔.การคิดหาอายุของคน มีหลักในการคิดดังนี้
-ให้เอา พ.ศ.ปัจจุบันตั้ง แล้วลบด้วย พ.ศ.เกิด เช่น นายสุรสิทธิ์ เกิดในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2492
-วิธีทำ:- ให้เอา 2558 (พ.ศ.ในปัจจุบัน)ตั้งแล้วลบด้วย 2492 (พ.ศ.เกิด)
2558 - 2492 =67
ลบออกมาแล้วเหลือ 67 คนส่วนมากจะถือกันว่า นายสุรสิทธิ์อายุได้ 67 ปีแล้ว ถือเอาอย่างนี้ผิดนะ ทำไมถึงผิดเพราะยังไม่ได้หักเดือนที่เขาเกิดออก ต้องหักเดือนที่เขาเกิดออกก่อนจึงจะถูก เขาเกิดในเดือนพฤศจิกายน นายสุรสิทธิ์มาขอให้ทำนาย ในวันที่ 17 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เพราะฉะนั้นนายสุรสิทธิ์จึงมีอายุได้ 66 ปี 6 เดือน 17 วัน คือยังไม่ถึง 67 ปี ข้อนี้หมอดูทั้งหลายทายผิดกันเยอะมากเพราะไม่คิดระวังในข้อนี้ ข้าพเจ้าเคยพยากรณ์เอาชนะหมอดูหลายคนก็ด้วยวิธีนี้ หมอดูทั้งหลายเอาอายุ 67 ปีไปพยากรณ์เลยไม่หักเดือนเกิดออกจึงทำนายไม่ค่อยแม่น
๕.ผู้ใดคิดจะเป็นหมอดูเลข ๗ ตัว จะต้องมีปฏิน 100 ปี, หรือ150 ปี เอาไว้ตรวจสอบ วันเดือนปีเกิดของคน ปฏิทิน 100 ปี, และ150 ปีนี้ นับว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพยากรณ์จะขาดเสียมิได้โดยเด็ดขาด เพราะคนที่เอาวันเดือนปีเกิดมาให้เราพยากรณ์นั้น บางคนจำมาไม่ถูกถ้าเราขืนเอาตามเขาเราก็จะทำนายผิดไม่แม่นจะตัองถูกด่าลับ หลังอย่างแน่นอนโปรดจำเอาไว้ให้ดี
อนึ่งหนังสือปฏิทิน 100 ปีและ 150 ปีนี้ มันเล่มใหญ่พอสมควรถือไปไหนมาไหนด้วยก็ลำบาก ถ้าใครเล่นคอมพิวเตอร์เป็นและเข้าเล่นอินเตอร์เน็ตได้ให้คลิกเปิดลิ้งค์ปฏิน 100 ปี และ 150 ปี ข้างล่างนี้ขึ้นมาตรวจสอบวันเดือนปีเกิดของคนได้เลยไม่ยุ่งยากรวดเร็วและ สะดวกสบายอีกด้วยไม่ต้องถือไปไหนมาไหนด้วยให้เมื่อยมือ เพียงแต่มี แท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือที่เล่นอินเตอร์เน็ตได้ และใส่ข้อมูลที่ต้องการลงไปในคอมพิวเตอร์แล้วคลิก ข้อมูลที่ต้องการก็ออกมาแล้ว ขอขอบคุณนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายที่สร้างคอมพิวเตอร์ขึ้นมาช่วยเหลือมนุษย์ ให้มีเครื่องมือที่มหัศจรรย์ในการใช้งานและหาวิชาความรู้ได้ไม่จำกัดเวลาและ สถานที่ กรุณาเปิดลิ้งค์ปฏินข้างล่างนี้ขึ้นมาดู ก็จะสามารถตรวจสอบวันเดือนปีเกิดของมนุษย์ทั้งหลายได้อย่างถูกต้องแล้ว
ปฏิทิน ๑๐๐ ปี - ๑๕๐ ปี
http://www.myhora.com/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A8%E0%B8%88
https://www.myhora.com/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99-100%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%9E.%E0%B8%A8.2517.aspx
http://www.goosiam.com/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99/
https://horoscope.thaiorc.com/calendar/thaicalendar2491.php
เมื่อตั้งฐานเลขของวันเดือนปีเกิดได้แล้ว ต่อไปข้าพเจ้าจะยกเอาตัวอย่างของวันเดือนปีเกิดของคนมาตั้งฐานเลขให้ดูสักคน
ตัวอย่างการตั้งเลขพื้นดวงชะตาของ น.ส.วรรณภา แก้วกล้า
-น.ส.วรรณภา แก้วกล้า เกิดวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๐ ตรงกับวันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีฉลู
-วันเกิดคือ: วันอาทิตย์ = 1
-เดือนเกิดคือ: เดือน 9 เดือน 9 เป็นเดือนที่เกิน 7 ไปแล้ว ให้เอาเลข 7 มาลบเลข 9 จะเหลือเศษ = 2
-ปีเกิดคือ: ปีฉลู = 2
พื้นดวงชะตาน.ส.วรรณภา แก้วกล้า
1 2 3 4 5 6 7 แถวนี้เป็นเลขของวันเกิด
2 3 4 5 6 7 1 แถวนี้เป็นเลขของเดือนเกิด
2 3 4 5 6 7 1 แถวนี้เป็นเลขของปีเกิด
5 8 11 14 12 20 9 แถวนี้เป็นเลขของฐานบวก
ภพและความหมายของภพ
ภพ
-ภพ แปลว่า "ที่อยู่" คือที่อยู่ของตัวเลข
-ภพในวิชาเลข ๗ ตัว แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ:-
๑.ภพในฐานของวันเกิดมี ๗ ภพ คือ:- อัตตะ หินะ ธนัง ปิตา มาตา โภคา มัซฌิมา
๒.ภพในฐานของเดือนเกิดมี ๗ ภพ คือ:- ตนุ กฎุมพะ สหัสชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตตนิ
๓.ภพในฐานของปีเกิดมี ๗ ภพ คือ:- มรณะ สุภะ กัมมะ ลาภะ พยายะ ทาสา ทาสี
ชื่อของภพทั้ง ๓ แถวที่ต้องจำ
ภพวันเกิด: อัตตะ หินะ ธนัง ปิตา มาตา โภคา มัชฌิมา
ภพเดือนเกิด: ตนุ กฎุมพะ สหัชชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตตนิ
ภพปีเกิด: มรณะ สุภะ กัมมะ ลาภะ พยายะ ทาสา ทาสี
ความหมายของภพในแถววันเกิด
-อัตตะ หมายถึง ตัวเรา รูปร่าง วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ แขนขวา สุขภาพร่างกาย ลักษณะท่าทาง อุปนิสัย รสนิยม และ แนวโน้มทางความคิด
-หินะ หมายถึง ความ เสื่อม, ความชั่วร้าย, นิสัยที่ไม่ดี, ชะตาที่ตกต่ำ, ความดื้อดึง, ทิฏฐิมานะ, การเบียดเบียน, ตำหนิในร่างกาย, วาระสุดท้ายของชีวิต, และคนที่ตายจาก
-ธนัง หมายถึง แก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดา, ทรัพย์สินมรดก, และสังหาริมทรัพย์
-ปิตา หมายถึง บิดาหรือพ่อ, พ่อเลี้ยง, ญาติทางฝ่ายพ่อ, คนอุปถัมภ์หรือคนที่คอยให้ความช่วยเหลือ, บุคคลชั้นสูงชาย, การปกครองบริหาร
-มาตา หมายถึง มารดา หรือแม่, แม่เลี้ยง, ญาติทางฝ่ายแม่, คนอุปถัมภ์หรือคนที่คอยให้ความช่วยเหลือ, บุคคลชั้นสูงหญิง, การปกครองดูแล, และการรักษาพยาบาล
-โภคา หมายถึง ทรัพย์ สมบัติคือ เรือกสวนไร่นาบ้านเรือนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เช่น จอบเสียมมีดพร้าแหลนหลาว ดราดไถ รถไถ และอสังหาริมทรัพย์
-มัชฌิมา หมายถึง ความเป็นกลาง, ความพอดี, เศรษฐกิจพอเพียง, แบ่งครึ่งปันส่วน, กลางทาง,ได้หรือเสียเท่ากัน,และ คนละครึ่ง
ความหมายของภพในแถวเดือนเกิด
-ตนุ หมายถึง รูปร่าง, ตัวตนของเรา, อุปนิสัยใจคอ, รสนิยม, แนวโน้มทางการกระทำ
-กฎุมพะ หมายถึง ฐานะ ทางการเงิน, รายได้, การเงินทั้งหมด, อาหาร, เครื่องอุปโภคบริโภค, ใบหน้า, อัญมณี, พันธบัตร, หุ้น, ใบหุ้น, เช็ค, บัตรเครดิด, ธนาคาร, ทรัสต์
-สหัชชะ หมายถึง การ ติดต่อ, การเดินทาง, พี่น้องร่วมท้อง, คนใกล้ชิด, สมัครพรรคพวก, มิตรสหาย, น้องสาวน้องชาย, การเดินทาง, กรติดต่อสื่อสาร, จดหมาย, โทรเลข, โทรศัพท์, โทรทัศน์, ทีวี, วิทยุ, หนังสือพิมพ์, รถเรือ, เครื่องบิน, ไอพ่น, จรวด, ร่ม, รองเท้า
-พันธุ หมายถึง การ เปลี่ยนแปลง, การโยกย้าย, วงศาคณาญาติ, บ้านเกิด, ถิ่นกำเนิด, ที่อยู่อาศัย, บ้านเรือน, โรงงาน, อาคาร, อพาร์ตเม้นท์, หลุมฝังศพ, และสถานที่ต่างๆ,
-ปุตตะ หมายถึง บุตร ธิดา, ลูกเลี้ยงทั้งชายและหญิง, คนรัก, การเริ่มต้น, การสร้างสรรค์, และการผลืตสินค้า, เด็กๆ, ภาษีอากร, กฎหมาย, บุตรบุญธรรม, สินค้า, โครงการ, ความบันเทิง, การกีฬา, การแข่งขัน, การละเล่นต่างๆ, ภาพยนต์, ดนตรี, งานเลี้ยงต่างๆ, ลิเก, หมอลำ
-อริ หมายถึง ข้าศึก, ศัตรู, อุปสรรค, โจรผู้ร้าย, ความขัดข้อง, การต่อสู้, การวิ่งเต้น, หนี้สิน, ความทุกข์, ภัยอันตราย,
อาวุธ, ความทารุณโหดร้าย
-ปัตตนิ หมายถึง คู่ครอง, คนรัก, คู่กรณีย์, คู่สัญญา, แฟน, ถนนหนทาง, สามีภรรยา, คดีความ, หุ้นส่วน
ความหมายของภพในแถวปีเกิด
-มรณะ หมายถึง ความ ตาย, การเสร็จสิ้น, การสูญเสีย, คนต่างถิ่น, คนต่างประเทศ, คนที่หนีหรือจากไปไกล, ผลประโยชน์จากคนตาย, มรดก, เงินบำเหน็ดบำนาญ, เบี้ยหวัด
-สุภะ หมายถึง ความดี, การคุ้มครอง, ความเจริญก้าวหน้า, เกียรติยศชื่อเสียง, ตำแหน่งหน้าที่การงาน, สิ่งเคารพสักการะ, ต่างแดน, ต่างประเทศ, ศีลธรรม
-กัมมะ หมายถึง การงาน, การกระทำ, ธุรกิจ, และกิจการงานต่างๆ
-ลาภะ หมายถึง โชคลาภ, ความสำเร็จ, ผลกำไร, ความมุ้งหมาย, การหวังผล, เงินเดือน, การเสี่ยงโชค, การพนัน, รางวัล, ล็อตเตอรี่, หวย
-พยายะ หมานถึง การ ล้มละลาย, ความล้มเหลว, อุบัติเหตุ, ความเจ็บป่วย, แพทย์และพยาบาล, ความลึกลับ, การปองร้ายอย่างเงียบๆ, การถูกขัง, คุกตตะราง,เรือนจำ, เบื้องหลังในมุมมืด, ความวิบัติฉิบหาย, ความอดอยาก, ความขาดแคลน
-ทาสา หมายถึง คนใช้, คนรับใช้ชาย, การเสียสละ, การช่วยเหลือ, คนสปอร์ต, งานส่วนรวม
-ทาสี หมายถึง คนใช้, คนรับใช้หญิง, ครอบครัว, งานส่วนตัว, ความตระหนี่
ความสัมพันธ์ของภพในพื้นดวงชะตา
ทำนายภพอัตตะ
-อัตตะ ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีความเชื่อมั่นในตนเองสูงไม่ค่อยสนใจในความคิดเห็นของผู้อื่น"
-อัตตะ ตรงกับ กฎุมพะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบการแสวงหารายได้ในแบบหมุ่นเวียนชั่วครั้งชั่วคราวในลักษณะการเป็นตัวแทนนายหน้าหรือนายประกันกว่าอย่างอื่น"
-อัตตะ ตรง สหัชชะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบคบค้าสมาคม ชอบการเดินทางติดต่อสื่อสารและการท่องเที่ยว"
-อัตตะ ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบการทำงานแบบกิจการอันเป็นของตนเองเช่น บริษัท, ห้างร้าน, โรงเรียน, โรงงาน, และอุตสาหกรรทมต่างๆ, ตามปกติแล้วเจ้าชะตาเป็นคนรักบ้านรักเรือนดี"
-อัตตะ ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบทำงานเกี่ยวข้องกับเด็ก, งานจัดสรรค์งานสังสรรค์, และการผลิตสินค้าต่างๆ"
-อัตตะ ตรงกับ อริ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบในการต่อสู้กับอุปสรรคและการแก้ไขปัญหาต่างๆ, ศัตรูจ่องจะทำลายมีมาก"
-อัตตะ ตรงกับ ปัตตนิ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้คู่ครองที่มีทัศนคติความคิดเห็นแบบเดียวกัน"
-อัตตะ ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบการเดินทางไปในต่างถิ่นต่างประเทศ, ชอบงานเดินทางไปมาอยู่เรื่อยๆไม่ชอบงานนั่งอยู่กับที่, การขนส่ง และการผูกขาดสินค้าต่างๆ"
-อัตตะ ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบทำบุญสร้างกุศล, ชอบการค้าขายกับต่างประเทศ, ชอบการไปศึกษายังต่างถิ่นต่างประเทศ, ชอบสร้างโครงการณ์และโครงสร้างต่างๆ"
-อัตตะ ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบงานอันเป็นของตนเอง มีความขยันขันแข็งในหน้าที่การงานมาก"
-อัตตะ ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนมีโชคดีมักมีโชคลาภดีๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทำกิจการอะไรมักประสบผลสำเร็จ"
-อัตตะ ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "ชอบทำงานแบบผิดกฏหมาย, ชอบการเสี่ยงภัย, ชอบทำงานที่อยู่ในมุมมืด, ทำงานราชการมักล้มเหลว, ทำสิ่งใดไม่ตลอด"
-อัตตะ ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนชอบเสียสละ ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อผู้อื่น ชอบคนที่มีฐานะต่ำกว่าตนจึงจะดี"
-อัตตะ ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนรักครอบครัวดี มักนิยมเอาลูกน้องหรือคนใช้เป็นคู่ครอง"
ทำนายภพหินะ
-หินะ ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนขี้โรค ตอนเด็กเลี้ยงยาก รูปร่างไม่สวยมีตำหนิหรือพิการ มีนิสัยดื้อดึงสอนยาก จะเกิดภัยพิบัติเพราะการกระทำของตนเอง "
-หินะ ตรงกับ กฎุมพะ ทำนายว่า "เป็นคนขี้เกียจในการทำมาหากิน ถึงหาเงินมาได้ก็จะเก็บไว้ไม่อยู่ ถ้ามีทรัพยืสินเงินทองมากจะเป็นอันตราย"
-หินะ ตรงกับ สหัชชะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนอาภัพญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง ถึงมีก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้มักจะกลับกลายเป็นศัตรู จะเกิดความเดือดร้อนเพราะคนใกล้ชิด เดินทางไปไหนมาไหนต้องระมัดระวังให้ดี"
-หินะ ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนไร้ญาติขาดมิตรถึงมีก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้ จะเกิดความเดือดร้อนเพราะ ญาติพี่น้อง จะพลัดจากถิ่นที่อยู่เดิมไปอาศัยอยู่ในถิ่นอื่น ภายในครอบครัวไม่ค่อยจะมีความสุขเกิดเรื่องผิดใจกันบ่อยๆ จะเกิดอันตรายเพราะยวดยานพาหนะและที่อยู่อาศัย"
-หินะ ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีลูกยากถึงมีก็เลี้ยงไม่โต บุตรจะเป็นคนขี้โรคเลี้ยงยาก สอนยาก จะเกิดภัยพิบัติเพราะลูก จะเกิดเป็นโทษเพราะผู้น้อย"
-หินะ ตรงกับ อริ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะถูกศัตรูปองร้ายเพราะเกลียดชัง จะเกิดภัยพิบัตรเพราะศัตรู"
-หินะ ตรงกับ ปัตตนิ ทำนายว่า "เจ้าขะตาจะมีคู่ครองเป็นคนขี้โรค จะเป็นหม้ายเพราะคู่ตาย จะอกหักเพราะคู่ครอง จะเกิดเป็นอันตรายเพราะคู่ครองหรือคู่กรณีเป็นสาเหตุ"
-หินะ ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "ไปอยู่ในต่างถิ่นต่างประเทศจะเป็นอันตราย การเดินทางไปไหนมาไหนต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุ"
-หินะ ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "ทำงานราชการไม่ดีจะมัวหมองจะเกิดเรื่องไม่ดีในวันข้างหน้า ให้ระมัดระวังในการเดินทางไกลจะเป็นอันตราย คนต่างชาติจะนำภัยพิบัติมาให้"
-หินะ ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "มักจะเกิดความผิดพลาดในการทำงานจนทำให้ต้องเสียทรัพย์ ความเสียหายในการงานจะเกิดขึ้นเสมอ ให้ระวังเพื่อนร่วมงานจะกลับกลายเป็นศัตรู"
-หินะ ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "โชคลาภจะอับเฉา ทำอะไรก็มักจะไม่ประสบความสำเร็จ ร่วมหุ้นลงทุนกับใครก็จะถูกเขาโกง มีทรัพย์สมบัติก็จะถูกเขาเบียดบังฉ้อโกงไป จะได้ของเหลือเลือกเหลือเดนเขา จะเป็นทุกขลาภ"
-หินะ ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "เป็นโรคประจำตัวที่รักษาไม่หาย จะเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง โรคที่สังคมรังเกียจ โรคที่หาสาเหตุได้ยาก จะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต"
-หินะ ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า "คนรับใช้ใกล้ชิดไม่ซื่อสัตย์พึ่งพาอาศัยไม่ได้ บริวารไม่ดีมักกำเริบเสิบสาน ทรยศได้ง่ายๆ คนชั้นต่ำนอกบ้านโปรดระวังให้ดีอย่าไว้ใจมากนัก"
-หินะ ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "คนใช้หญิงนิสัยไม่ดีไว้ใจไม่ได้ มักจะก่อเหตุเดือดร้อนให้แก่เจ้าชะตาเสมอภรรยาหรือสามีก็จะก่อความเดือดร้อนให้จนเจ้าชะตาแทบจะแทรกแผ่นดินหนี โปรดระวังคนที่มีอายุน้อยในครอบครัวจะก่อความเดือดร้อนให้"
ทำนายภพธนัง
-ธนัง ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตาขยันในการหาเงิน คิดหาวิธีในการแสวงหารายได้ให้แก่ตนเองอยู่เสมอ
เป็นผู้มีฐานะทางการเงินดี"
-ธนัง ตรงกับ กฎุมพะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนมีทรัพย์สินเงินทองมาก ร่ำรวยในขั้นเศรษฐี เป็นคนหาเงินเก่ง มีฐานะมั่นคงมาก"
-ธนัง ตรงกับ สหัชชะ ทำนายว่า "มีมิตรสหายที่มีฐานะทางการเงินดีพึ่งพาอาศัยได้ เจ้าชะตาจะต้องเดินทาง
ติดต่อค้าขายกับมิตรสหายในทางไกลจึงจะได้เงินทองมาก"
-ธนัง ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีญาติพี่น้องที่มีฐานะทางการเงินดีพึ่งพาอาศัยได้ ญาติพี่น้องจะแนะนำการแสวงหารายได้แก่เจ้าชะตา เป็นคนมีชาติตระกูลดีมีหลักฐานเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาก"
-ธนัง ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้บุตรดีพึ่งพาอาศัยได้ในอนาคต เจ้าชะตาคิดผลิตอะไรออกมาก็จะกลายเป็นเงินเป็นทองไปหมด"
-ธนัง ตรงกับ อริ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะถูกเบียดเบียนในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง จะถูกฉ้อโกงในเรื่องทรัพย์สินเงินทองและมรดก ศัตรูเป็นคนมีฐานะทางการเงินที่ดีกว่า"
-ธนัง ตรงกับ ปัตตนิ ทำนายว่า "คู่ครองมีฐานะทางการเงินดี มีทรัพย์สมบัติมาก"
-ธนัง ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "ทรัพย์สินเงินทองจะหมดสิ้นไปเพราะถูกฉ้อโกงหรือถูกหลอก ให้คนยืมเงินจะไม่ได้คืน"
-ธนัง ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "ทรัพยืสมบัติที่หามาได้จะอยู่นานไม่จากไปง่ายๆ สะสมของเก่าและวัตถุโบราณดี ทำการค้าขายกับชาวต่างประเทศดีจะมีทรัพย์สมบัติมาก"
-ธนัง ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "การเงินดีหากินคล่อง ทำมาค้าขึ้นทำอะไรก็จะกลายเป็นเงินเป็นทอง ขายของเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ และผลิตภัณฑ์ในทางอุตสาหกรรมดี"
-ธนัง ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีโชคลาภในทางการเงินดี หาเงินได้ง่าย นั่งอยู่เฉยๆบางทีก็ได้เงิน ไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องการเงิน"
-ธนัง ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "ทำมาค้าขายสิ่งใดมักจะล้มเหลวขาดทุน มีหนี้สินมาก เงินทองที่ได้มาก็จะค่อยๆหมดสิ้นไปเพราะได้มาแบบไม่บริสุทธิ์"
-ธนัง ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า "เจ้าชะตามีข้าทาสบริวารดีมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเชื่อถือได้ ใช้ทำอะไรวางใจได้ไม่คิดคตทรยศ ทำอะไรก็เพื่อส่วนรวมเป็นสำคัญ"
-ธนัง ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะแสวงหาทรัพย์มาได้แต่ละบาทแต่ละสตางค์จะต้องได้มาด้วยความ เหนื่อยยากลำบาก เมื่อได้มาแล้วก็เก็บรักษาไว้ดีไม่ยอมใช้จ่ายง่ายๆ การเหนื่อยเพื่อครอบครัวเป็นสิ่งที่เจ้าชะตาพอใจมาก"
ทำนายภพปิตา
-ปิตา ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีรูปร่างคล้ายบิดา มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่ชอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่น"
-ปิตา ตรงกับ กฎุมพะ ทำนายว่า "บิดาเป็นผู้มีฐานะทางการเงินดี เจ้าชะตาจะมีฐานะทางการเงินเทียบเท่าบิดา บิดาจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เจ้าชะตา"
-ปิตา ตรงกับ สหัชชะ ทำนายว่า "บิดามีการคบค้าสมาคมดี มักเดินทางติดต่อกับเพื่อนที่สูงวัยกว่า"
-ปิตา ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "บิดามีวงศาคณาญาติมากมีญาติพี่น้องเยอะ บิดาเป็นคนรักครอบครัวดี"
-ปิตา ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "บุตรจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนบิดา บิดาจะช่วยดูแลเลี้ยงดูบุตรของเจ้าชะตา
บุตรคนแรกจะเป็นชาย"
-ปิตา ตรงกับ อริ ทำนายว่า "มักมีความคิดเห็นไม่ลงรอยกับบิดา มักจะขัดแย้งกันบ่อยๆ จะไม่พึ่งพาอาศัยบิดา"
-ปิตา ตรง ปัตตนิ ทำนายว่า "จะมีคู่ครองที่มีอายุมาก จะได้เจ้านายในวงงานเดียวกัน จะได้คู่ครองที่มีอายุมากที่ให้ความช่วยเหลือ จะได้คู่ครองที่ญาติทางฝ่ายบิดาจัดหาให้"
-ปิตา ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "บิดาจะตายก่อนมารดา จะไม่ค่อยได้พึ่งพาอาศัยบิดา บิดาไม่ได้เลี้ยงดู"
-ปิตา ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "บิดาเป็นคนดีมียศศักดิ์ มีชื่อเสียงดี มีชาติตระกูลดี บิดาเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต พึ่งพาอาศัยได้"
-ปิตา ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "บิดาเป็นคนหาเงินเก่ง สร้างฐานะอันมั่นคงไว้ให้แก่เจ้าชะตา"
-ปิตา ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "บิดาเป็นคนมีลาภผลดี มักมีโชคลาภเกิดขึ้นเสมอ"
-ปิตา ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "บิดามีเหมือนไม่มีพึ่งพาอาศัยไม่ได้ ถึงมีก็จะไม่ได้เลี้ยงดูกัน"
-ปิตา ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า "บืดาเป็นคนชั้นต่ำหรือเป็นรับใช้เขามาก่อน แต่เป็นที่พึ่งของคนโดยทั่วไป"
-ปิตา ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "บิดาเป็นคนต้อยต่ำ แต่ขยันในการหาเลี้ยงครอบครัวดีเป็นคนรักและซื่อสัตย์ต่อครอบครัวมาก"
ทำนายภพมาตา
-มาตา ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีรูปร่างหน้าตาเหมือนมารดา จะได้รับการอุปการช่วยเหลือจากมารดา จะได้รับการช่วยเหลือจากญาติผู้ใหญ่ฝ่ายมารดา"
-มาตา ตรง กฎุมพะ ทำนายว่า "มารดาของเจ้าชะตามีฐานะทางการเงินดีพึ่งพาอาศัยได้"
-มาตา ตรงกับ สหัชชะ ทำนายว่า "มารดาเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม มีมิตรสหายมาก มักมีการติดต่อเดินทางไปมาค้าขายกับเพื่อนฝูงในถิ่นไกล"
-มาตา ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "มารดามีญาติพี่น้องมาก มีตระกูลดี มีความรักใคร่ในครอบครัวดีพึ่งพาอาศัยได้"
-มาตา ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "บุตรของเจ้าชะตามีรูปร่างหน้าตาและอุปนิสัยใจคอเหมือนมารดา มารดาช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูบุตรเป็นอย่างดี จะมีบุตรคนแรกเป็นผู้หญิง"
-มาตา ตรงกับ อริ ทำนายว่า "มักมีความคิดเห็นขัดแย้งกับมารดา ไม่ถูกอัธยาศัยกับมารดา พึ่งพาอาศัยมารดาไม่ได้"
-มาตา ตรงกับ ปัตตนิ ทำนายว่า "จะมีคู่ครองที่มีอายุมาก คนมีอายุมากจะให้ความอุปการะช่วยเหลือ จะมีคู่ครองที่เป็นญาติทางฝ่ายมารดา หรือมารดาเป็นผู้จัดแจงให้"
-มาตา ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "แม่ตายก่อนพ่อ ถึงไม่ตายก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้ จะต้องพลัดพรากจากกันไป"
-มาตา ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "แม่ของเจ้าชะตาเป็นคนดีมีใจเป็นกุศลชอบทำบุญสุนทาน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
พึ่งพาอาศัยได้ เกิดในสกุลดีมีเกียรติยศชื่อเสียง"
-มาตา ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "มารดาเป็นคนขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพในการสร้างฐานะ มารดาหาเงินเก่ง"
-มาตา ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "มารดาเป็นคนโชคดีมักมีโชคลาภเกิดขึ้นเสมอ ทำอะไรมักประสบผลสำเร็จ
พึ่งพาอาศัยได้"
-มาตา ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "มารดามีสุขภาพไม่ค่อยดี มักเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ พึ่งพาอาศัยไม่ได้ อับโชค
รับราชการไม่ดีจะได้ออกกลางคัน "
-มาตา ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า "มารดาเป็นคนขยันหนักเอาเบาสู้ อดทนต่อสู้ในการสร้างฐานะ เป็นที่พึ่งของครอบครัวได้โดยทั่วๆไป"
-มาตา ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "มารดาเป็นคนขยันในการหาเลี้ยงครอบครัว และเป็นคนรักครอบครัวดี"
ทำนายภพโภคา
-โภคา ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีทรัพย์สมบัติเกี่ยวกับที่ดินมาก และรู้จักรักษาทรัพย์สมบัตินั้นได้ดี"
-โภคา ตรงกับ กฎุมพะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีทรัพย์สินเงินทองและทรัพย์สมบัติมาก ทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินดีจะร่ำรวยมาก"
-โภคา ตรงกับ สหัชชะ ทำนายว่า "ญาติพี่น้องและมิตรสหายเป็นสาเหตุทำให้เจ้าชะตามีทรัพย์สมบัติมาก เจ้าชะตาเดินทางติดต่อค้าขายเกี่ยวกับที่ดินดี"
-โภคา ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและยวดยานพาหนะอันเป็นของตนเอง มีธุกิจเกี่ยวกับรถยนต์และยวดยานพาหนะดี"
-โภคา ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีบุตรเป็นทรัพย์สมบัติ บุตรธิดาจะเป็นบุคลากรที่ดีในการประกอบอาชีพของเจ้าชะตา และจะแบ่งเบาในการประกอบกิจการเป็นอย่างดี"
-โภคา ตรงกับ อริ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะเกิดเป็นคดีความเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน จะถูกรุกล้ำสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดินจะถูกฉ้อโกงเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน"
-โภคา ตรงกับ ปัตตนิ ทำนายว่า "คู่ครองเป็นคนร่ำรวยเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน และมีเรือกสวนไร่นามาก เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของที่ดิน"
-โภคา ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีทรัพย์สมบัติเกี่ยวกับที่ดินไม่ได้จะเดือดร้อนทันที มีเท่าไหร่ก็วิบัติฉิบหายไปหมด อยู่กับตนเองไม่นาน"
-โภคา ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "ทรัพย์สมบัติที่หามาได้จะอยู่กับเจ้าชะตานาน จะรักษาทรัพย์สมบัติไว้ได้ดี ไม่ใช้จ่ายไปง่ายๆถ้าไม่จำเป็น"
-โภคา ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของที่ดินดี จะมีโภคสมบัติมาก ขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพโดยไม่หยุดนิ่ง"
-โภคา ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "มักมีโชคลาภเกี่ยวกับเรื่องของที่ดิน ทำการค้าเกี่ยวกับเรื่องของที่ดินดีเอามากๆ จะทำให้เจ้าชะตาเกิดความร่ำรวยอย่างมั่นคง"
-โภคา ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "จะเกิดความล้มเหลวเกี่ยวกับเรื่องของที่ดิน ทรัพย์สมบัติที่มีจะค่อยๆวิบัติไปจนแทบไม่เหลือ ของที่ได้มามักมีตำหนิ จะถูกยึดครองเกี่ยวกับที่ดิน"
-โภคา ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า " ทรัพย์สมบัติเกี่ยวกับเรื่องของที่ดินมีน้อยมาก แต่ด้วยความขยันขันแข็งทรหดอดทนจนทำให้เจ้าชะตามีทรัพย์สมบัติเป็นปึกแผ่น มั่นคง"
-โภคา ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "เจ้าชะตารักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ได้ดี ไม่ยอมให้มันหมดไปง่ายๆ ที่หมดไปแล้วก็จะหามาเก็บรักษาไว้เหมือนเดิม"
ทำนายภพมัชฌิมา
-มัชฌิมา ตรงกับ ตนุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีชีวิตพอปานกลางไม่สูงไม่ต่ำ มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย ไม่กระตือรือร้น"
-มัชฌิมา ตรงกับ กฎุมพะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีฐานะทางการเงินพอปานกลาง ไม่ร่ำรวยนัก"
-มัชฌิมา ตรงกับ สหัชชะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีเพื่อนฝูงพอปานกลางไม่มากมายนัก ไม่ชอบการคบหาเพื่อนฝูงมากมายนัก ชอบการคบหากับคนที่มีทัศนคติดี"
-มัชฌิมา ตรงกับ พันธุ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงไม่ค่อยมาก มีนิดหน่อยพอปานกลาง"
-มัชฌิมา ตรงกับ ปุตตะ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีบุตรธิดาไม่มาก ถึงมีมากก็จะเหลือน้อย"
-มัชฌิมา ตรงกับ อริ ทำนายว่า "เจ้าชะตามีศัตรูน้อย ถึงมีก็ทำอันตรายไม่ได้"
-มัชฌิมา ตรงกับ ปัตตนิ ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีคู่ครองที่มีฐานะเท่าเทียมกัน"
-มัชฌิมา ตรงกับ มรณะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนมีสุขภาพดี ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย มีอายุยืน"
-มัชฌิมา ตรงกับ สุภะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบทำความดีพอปานกลาง ไม่ชอบการทำตัวให้โดดเด่นนัก ชอบทำความดีแบบปิดทองหลังพระ"
-มัชฌิมา ตรงกับ กัมมะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนมักน้อยสันโดษ ไม่ชอบการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ชอบการประกอบอาชีพเพื่อเอาตัวลอดได้เท่านั้น"
-มัชฌิมา ตรงกับ ลาภะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนมีโชคลาภพอปานกลาง ไม่ชอบการแสวงหาโชคลาภจนทำให้ตนเองเกิดความเดือดร้อน ได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่เอา ตามมีตามเกิด"
-มัชฌิมา ตรงกับ พยายะ ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนระมัดระวังตัวดีไม่ค่อยมีเรื่องเสียหายเกิดขึ้นง่ายๆ โรคภัยไข้เจ็บก็มีน้อย รู้จักวิธีรักษาตนให้มีสุขภาพดี"
-มัชฌิมา ตรงกับ ทาสา ทำนายว่า "มีข้าทาสบริวารน้อยแต่ขยันขันแข็งในการทำงานดี มีความจงรักภักดีต่อเจ้านายมาก"
-มัชฌิมา ตรงกับ ทาสี ทำนายว่า "มีคนรับใช้หญิงดี จงรักภักดีต่อเจ้านายของตนเอง รักเจ้านายของตนเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน"
ตัวอย่างการทำนายความสัมพันธ์ของภพ
-นายเดชรัตน์ เดชาพิทักษ์ เกิดวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๓ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๘-๘
ปีวอก
ตั้งเป็นเลขของพื้นดวงชะตาดังนี้
-วันเสาร์ = 7
-เดือน 8 = 1
-ปีวอก = 2
เลขพื้นดวงชะตานาย เดชรัตน์ เดชาพิทักษ์
7 1 2 3 4 5 6
1 2 3 4 5 6 7
2 3 4 5 6 7 1
10 6 9 12 15 18 14
-วิธีการทำนาย
-เลข 7 ในภพอัตตะ มีความสัมพันธ์กับเลข 7 ในภพปัตตนิ และเลข 7 ในภพทาสา โดยมีเลข 18 เป็นฐานบวก ทำนายว่า
" เจ้าชะตาจะได้คู่ครองที่มีฐานะเท่าเทียมกัน มีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพหนักเอาเบาสู้เป็นคนสปอร์ตชอบเสียสละ ชอบทำบุญและการช่วยเหลือผู้อื่นจนเป็นที่นิยมยกย่องของคนทั่วไป"
-เลข 1 ในภพหินะ มีความสัมพันธ์กับเลข 1 ในภพตนุ และมีความสัมพันธ์กับเลข 1 ในภพทาสี โดยมีเลข 14 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนขี้โรค มักเจ็บป่วยบ่อยๆจนคนในบ้านรำคาญ แต่ก็สามารถรัษาให้หายได้ เป็นคนมีนิสัยดื้อดึงจนทำให้ตนเองต้องเดือดร้อน ต่อมาในภายหลังก็สามารถปรับปรุงตนเองได้"
-เลข 2 ในภพธนัง มีความสัมพันธ์กับเลข 2 ในภพกฎุมพะ และมีความสัมพันธ์กับเลข 2 ในภพมรณะ โดยมีเลข 10 เลขกำลังของดาวเสาร์ เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้า ชะตาเป็นคนมีฐานะร่ำรวย แต่ทรัพย์สินเงินทองจะหมดไปเพราะถูกเขาฉ้อโกงและหลอกลวงเอา ถ้าเราอยากรู้ ว่าใครเป็นสาเหตุให้เงินนี้หมดสิ้นไปก็จงดูที่เลข 10 ที่เป็นเลขฐานบวกของข้อนี้ เลข 10 เป็นเลขกำลังของดาวเสาร์ดาวเสาร์ในพื้นดวงชะตาก็คือเลข 7 เลข 7 เป็นเลขของภพอัตตะ, ปัตตนิ, และทาสา ข้อนี้ก็ทำให้เรารู้ว่าทรัพย์สินเงินทองที่หมดสิ้นไปก็เพราะภรรยานำเอาไป ช่วยเหลือลูกน้องและบริวารให้เขากู้ยืม ลูกน้องบริวารที่กู้ยืมเงินไปแล้วไม่สามารถนำมาส่งคืนได้จึงกลายเป็นการฉ้อ โกงไป ข้อนี้ข้าพเจ้าดูย้อนขึ้นให้ท่านดู การดูย้อนขึ้นนี้สำคัญมากขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายพิจารณาดูให้ดีๆ ถ้าเราอยากรู้ว่าเงินที่เขายืมไปจะได้คืนหรือไม่ ให้ดูที่เลข 18 ที่เป็นเลขฐานบวกของข้อนี้ เลข 18 เป็นเลขของพระเจ้ามหาจักรพรรดิ หมายถึงอำนาจและความเป็นใหญ่ เป็นตัวบ่งบอกให้รู้ว่าจะไม่สูญหายทรัพย์สินเงินทองไปง่ายๆ จะต้องต่อสู้กันจนกว่าจะได้เงินกลับคืนมา ในที่สุดก็จะได้เงินคืนมาแต่ช้าหน่อยและจะหมดเงินในการต่อสู้กันมากพอสมควร นี้คือลีลาการดูย้อนขึ้นซึ่งเลขในพื้นดวงชะตา ถ้าผู้ศึกษาสามารถฝึกดูการย้อนขึ้นให้มากๆ ท่านก็จะเป็นนักพยากรณ์ที่เก่งและแม่นยำมากที่สุดหาผู้เสมอได้ยาก"
-เลข 3 ในภพปิตา มีความสัมพันธ์กับภพ สหัชชะ และภพ สุภะ โดยมีเลข 6 เลขกำลังของดาวอาทิตย์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "บิดา เป็นคนดีและมีเพื่อนฝูงมากแต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ค่อยได้ เพื่อนฝูงทั้งหลายที่เข้ามาคบหาด้วยเข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์มากกว่า ช่วยอะไรไม่ได้"
-เลข 4 ในภพมาตา มีความสัมพันธ์กับเลข 4 ในภพ พันธุ และเลข 4 ในภพกัมมะ โดยมีเลข 9 เลขของดาวเกตุเป็นเลขฐานบวก ทำนายว่า "มารดา ของเจ้าชะตามีญาติพี่น้องมากเป็นตระกูลผู้ดีมีความเชี่ยวชาญในการประกอบ อาชีพมากสามารถสร้างทรัพย์สินเงินทองเอาไว้ให้ลูกหลานมาก เจ้าชะตาจะได้มรดกจากมารดาอย่างแน่นอน"
-เลข 5 ในภพ โภคา มีความสัมพัธ์กับเลข 5 ในภพปุตตะ และเลข 5 ในภพลาภะ โดยมีเลข 12 เลขกำลังของดาวพระราหูเป็นเลขฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้บุตรดีมีความกตัญญูต่อพ่อแม่พึ่งพาอาศัยได้ แต่บุตรของเจ้าชะตามีนิสัยเป็นนักเลงชอบกินเหล้าเมายาชอบเล่นการพนัน เป็นคนมีน้ำใจ ถ้าเห็นคนถูกรังแกไม่ได้ต้องยื้นมือเข้าไปช่วยเหลือทันที พอแก่ตัวลงความเป็นนักเลงก็จะหดหายไปเอง"
-เลข 6 ในภพมัชฌิมา มีความสัมพันธ์กับเลข 6 ในภพ อริ และเลข 6 ในภพพยายะ โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวจันทร์ เป็นเลขฐานบวก ทำนายว่า " เจ้าชะตามีศัตรูน้อย ถึงมีก็ทำอันตรายไม่ได้เพราะเจ้าชะตาเป็นคนระมัดระวังตัวดี ชอบช่วยเหลือคนที่ถูกรังแก ต่อไปศัตรูก็จะกลับกลายเป็นมิตรไปหมด"
ความหมายของเลขในฐานบวก
-เลขของฐานบวกแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ:-
๑.เลขกำลังพิเศษมี ๖ ตัว คือ: เลข ๙ เลข ๑๑ เลข ๑๓ เลข ๑๔ เลข ๑๖ เลข ๑๘
๒.เลขกำลังวัน มี ๘ ตัว คือ: เลข ๖ เลข ๘ เลข ๑๐ เลข ๑๒ เลข ๑๕ เลข ๑๗ เลข ๑๙ เลข ๒๑
๓.เลขกำลังเล็ก มี ๕ ตัว คือ: เลข ๓ เลข ๔ เลข ๕ เลข ๗ เลข ๒๐
-เลขในฐานบวกมีประโยชน์ดังนี้
๑.เลขในฐานบวกเป็นตัวชี้ขาดในการทำนาย ตัวเลขในพื้นดวงชะตาทั้ง ๓ แถวเหล่านั้นจะดีหรือชั่วก็ตามให้ถือเอาเลขในฐานบวกเป็นตัวตัดสินชี้ขาดในการ ทำนาย เช่น:-
-ถ้าอยากรู้ความร่ำรวยของคนให้ดูตัวเลขในภพ ธนัง ในแถวของวันเกิดและดูความสัมพันธ์ของตัวเลขในแถวของเดือนเกิดและปีเกิดด้วย เช่น เลขในภพของวันเกิดเป็นเลข ๖ และดูความสัมพันธ์ของเลข ๖ ในแถวของเดือนเกิดว่าไปตกอยู่ภพอะไรและเลข ๖ในฐานของปีเกิดไปตกภพอะไร เช่น:-
-4 5 6 7 1 2 3
5 6 7 1 2 3 4
3 4 5 6 7 1 2
12 15 18 14 10 6 9
ตัวเลขในพื้นดวงชะตานี้ ในภพธนังเป็นเลข 6 ไปสัมพันธ์กับเลข 6 ในภพกฎุมภะในแถวของเดือนเกิดและไปสัมพันธ์กับเลข 6 ในภพลาภะในแถวของปีเกิด และมีเลข 14 เป็นฐานหรือเป็นตัวหนุน แล้วเราก็เอาภพที่เลข 6 ไปอยู่ออกมาเป็นคำพยากรณ์ดังนี้
ธนัง + กฎุมภะ + ลาภะ โดยมีเลข 14 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "คนนี้จะร่ำรวยเป็นเศรษฐีเป็นคนใจบุญมีเกียรติยศชื่อเสียงดีมีคนนิยมยกย่องนับถือมาก และเป็นคนมีโชคลาภทางการเงินดี"
ถ้ามีเลข 12 เป็นตัวฐานบวก ทำนายว่า "ผู้นี้ถึงจะร่ำรวยอยู่ในขั้นเศรษฐีก็จริงแต่ภายหลังจะกลับจนลงกลายเป็น เศรษฐีตกยากไป" เราดูจากอะไรถึงกล้าทำนายแบบนี้ดูจากเลข 12 ไง เลข 12 เป็นเลขของนักเลงนักการพนัน เศรษฐีคนนี้เมื่อร่ำรวยแล้วประมาทไม่ทำบุญสุนทาน กลับไปกินเหล้าเมายาเล่นการพนันมั่วสุมยาเสพติดและผู้หญิงเล่นลูกเล่นเมีย เขา ชะตาชีวิตจึงตักอับกลายเป็นคนยากจนไป นี้คือตัวอย่างที่ข้าพเจ้ายกมาให้ดูโปรดพิจารณาดูให้ดีๆถึงอำนาจของตัวเลข ในฐานบวกว่ามันมีอำนาจเพียงไร
๒.เลขในฐานบวกมีประโยชน์ในการทำนายจรมาก เมื่อต้องการจะรู้ว่า "ชะตาชีวิตจะดีหรือร้าย" ให้ถือเอาเลขในฐานบวกนี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินในการทำนายเลยทีเดียว
เลขกำลังพิเศษ
๙ หมายถึง เลขของดาวพระเกตุ
-เดิมหมายถึง ญาณ
-ให้คุณในทาง:- อิทธิฤทธิ์, อำนาจ, การแคล้วคลาด, การหยั่งรู้, การสะสม, ผู้มีหลักทรัพย์มรดก, ผู้มีเชื้อสายสกุลสูง ,การ ทรงเจ้าเข้าผี, นักบวช, นักวิปัสสนา, จิตศาสตร์, โหราศาสตร์, องค์กร, รัฐวิสาหกิจ, ต่างประเทศ (ยุโรป), สิ่งของพระราชทาน, เครื่องราชอิสริยาภรณ์, ตำแหน่งงานชั้นพิเศษ
-ประโยชน์ในการายจร:- จะ ได้ลาภ, จะได้รับตำแหน่งแบบไม่คาดฝัน, ได้แบบปาฏิหาริย์, ได้ของโบราณ. ได้จากทางไกล, ได้มรดก, ได้แบบสะสม, จะประสบชัยชนะในการทำงานแบบแหวกแนว, ได้เกียรตินิยม, เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทางสมองกล
๑๑ หมายถึง เลขของราชาโชค
-เดิมหมายถึง บารมี
-ให้คุณในทาง:- ความสะดวกสบาย, ความนิยมยกย่อง, ได้ดีเพราะการช่วยเหลือของผู้อื่นเป็นส่วนมาก, พ่อแม่มักจะไม่ค่อยได้เลี้ยงดูเพราะถูกยกให้ผู้อื่นเพื่อแก้เดล็ด, ชอบการทำงานอิสระทุกประเภท, เป็นข้าราชการได้ทุกหน่วย, เป็นครูดี
-ประโยชน์ในการทายจร:- จะ ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน, มีผลดีในการติดต่อขอร้อง, กรดำเนินธุรกิจที่ต้องการความร่วมมือทุกชนิด, จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเพราะผู้ใหญ่ขอให้เองหรือยัดเยียดตำหน่งให้, จะได้งานโดยไม่ต้องมีการประมูลแข่งขัน การสอบจะมีเป็นพิธี
๑๓ หมายถึง เลขของมหาอุจ คือความสูงเด่น
-เดิมหมายถึง วาสนา
-ให้คุณในทาง:- ความสูงส่งในตำแหน่งหน้าที่การงาน , มีเชื้อสายสกุลดี, ข้าราชการทุกประเภทในระดับหัวหน้าขึ้น
ไป, ผู้อำนวยการ, ผู้จัดการบริษัทห้างร้านต่างๆ, ชั้นเอก
๑๔ หมายถึง เลขของพระเจ้าจักรพรรดิ
-เดิมหมายถึง เกียรติยศชื่อเสียง
- ให้คุณในทาง:- เกียรติยศชื่อเสียง, ความนิยมยกย่อง, นักบวช, นักสอนศาสนา, นักปกครอง, ตำแน่งงานชั้นพิเศษ
-การทายจร:- จะได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน, จะได้รับการแต่งตั้งแบบอุปโลกน์
๑๖ หมายถึง เลขของเศรษฐี
-เดิมหมายถึง ทรัพย์
-ให้คุณในาง:- ความร่ำรวย, ความมั่งคั่ง, การมีโชค, การมีเงินเป็นจำนวนมาก, มีความสามารถในการหาเงินแบบน้ำบ่อทราย, สติปัญญาก็วิเศษ
-การทายจร:- จะมีความสำเร็จในสิ่งต่างๆได้โดยง่าย, มีโชคลาภไม่ขาดสาย, คิดอะไรก็จะมีความสำเร็จสมปราถนา
๑๘ หมายถึง เลขของพระเจ้ามหาจักรพรรดิ
-เดิมหมายถึง อำนาจ
-ให้คุณในทาง:- อิทธิพล, อำนาจ, ความยิ่งใหญ่, การปกครอง, การยึดครอง, การช่วงชิงสิทธิและอำนาจ, การชำระสะสางผลประโยชน์, ผู้ก่อตั้งบริษัท ห้างร้าน โรงเรียน แะสมาคม, การหวังตำแหน่ง
-การทายจร:- จะประสบความสำเร็จในการจัดตั้ง, การกวาดล้าง, การปฏิวัติ, มีผลดีในการติดต่อแบบเผด็จการ
เลขกำลังวัน
๖ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระอาทิตย์
-เดิมหมาถึง ความดีเด่น
-ให้คุณในทาง:- พละกำลัง, การกระจายแสง, การกระจายความปราถนา, ความมักใหญ่ไฝ่สูง, ทิฏฐิมานะอันแรงกล้า
-การทายจร:- จะประสบความสำเร็จในการคิดอ่านเพื่อมวลโลก, ความตั้งใจ, ได้ชื่อเสียงเกียรติยศเกียรติคุณ, และการยกย่อง
๘ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระอังคาร
-เดิมหมายถึง ความกล้าหาญ
-ให้คุณในทาง:- ความแข็งแกร่ง, ความคล่องแคล่ว, ความมีพละเดช, และการแข่งขัน
-การทายจร:- มีผลดีในการใช้พลัง, การจู่โจม, การแข่งขันชิงดีชิงเด่นแบบซึ้งๆหน้า
-มีผลร้ายในการขัดใจกันเพราะการยุยง, การแข่งดีลับหลัง, หงุดหงิดไม่มีสาเหตุ, มีดบาด, ถูกอาวุธทิ่มแทง, ถูกกระสุนปืน, แผลแตก, เจาะ, ผ่า, แหวะ
๑๐ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระเสาร์
-เดิมหมายถึง ความอดทน
-ให้คุณในทาง:- การคุ้มครองป้องกัน, ความอดทน, ความลำบาก, การเปลี่ยนแปลงจากดีเป็นร้าย, โดยทั่วๆไปให้ทายหลักฐานดี ในเมื่อดาวพระเสาร์ตั้งอยู่บนฐานของเลขตัวนี้
-การทายจร:- มีผลดีในทางทหาร การทำเกษตรกรรม กสิกรรม และอุตสาหกรรม
-มีผลร้ายในทาง อุบัติเหตุ ไฟไหม้ ภัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติ, ถูกจับ, บาดเจ็บถึงกระดูกแตกหัก
๑๒ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระราหู
-เดิมหมายถึง นักเลง
-ให้คุณในทาง:- การพนัน, การพัฒนา, คนต่างชาติ (ชาวเอเซีย), และสิ่งแปลกปลอม
-การทายจร:- มีผลดีในทางคุ้มครองป้องกัน, การปราบปราม, การจัดตั้งโรงงานที่เป็นเครื่องดื่มทุกชนนิด, การก่อสร้างฐานทับและสนามบิน, ใจสปอร์ต
-มีผลร้ายในทาง การเป็นนักเลง ชอบสิ่งเสพติดและของมึนเมา ใช้อิทธิพลในทางที่ไม่ถูก, ชอบเบียดเบียนรังแกผู้อื่น
๑๕ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระจันทร์
-เดิมหมายถึง การคบค้าสมาคม
-ให้คุณในทาง:- การเดินทาง, การคล่องตัว, การปรับปรุงรูปโฉม, และการบรืการประชาชนที่ดี
-การทายจร:- มีผลดีในทางการวิจัย, ทางโภชนาหาร, การประมง, การขนส่งในทุกๆทางทั้งบนพื้นดินและอากาศ,
และการบริการประชาชนที่ดีทุกชนิด
๑๗ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระพุธ
-เดิมหมายถึง ความคิดอ่าน
-ให้คุณในทาง:- มีจิตสำนึกดี, มีความรับผิดชอบสูง, รู้จักการผ่อนปรนในการติดต่อและการเจรจา, รู้จักจังหวะและโอกาสอันสมควร, สมองกล
-การทายจร:- จะประสบผลสำเร็จในการค้นคิดและการประดิษฐ์, จะมีผลสำเร็จในทางด้านเอกสาร, การทูต, การพาณิชย์, และการติดต่อสื่อสารทุกชนิด
๑๙ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระพฤหัสบดี
-เดิมหมายถึง การศึกษา
-ให้คุณในทาง:- การศึกษา, การศึกษาทุกแขนง เช่น โรงเรียนของทางราชการและเอกชนทุกชนิด และมหา
วิทยาลัย, ความรอบรู้ในวิชาการต่างๆ
-การทายจร:- ฉลาดในการใช้ไหวพริบแก้ปัญหาในทุกๆด้าน, มีผลดีในด้านการศึกษา, การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการศึกษา, ได้เป็นที่ปรึกษาในทางวิชาความรู้
๒๐ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระเสาร์กำลังสอง
-เดิมหมายถึง ความผันผวน
-ให้โทษในทาง:- การผัดเปลี่ยนทางการเมือง, มีเหตุร้ายเกิดขึ้นโดยไม่ทันคิด, โชคลาภไม่แน่นอน, การถูกเนรเทศ, การฆ่าตัวตาย
-การทายจร:- เกิดเรื่องร้ายขึ้นโดยไม่คาดฝัน, ต้องเดินทางไปในลักษณะลี้ภัย, การถูกยึดทรัพย์, การถูกเนรเทศ
๒๑ หมายถึง เลขกำลังของดาวพระศุกร์
-เดิมหมาย ถึงศิลป์
-ให้คุณในทาง:- การมีศิลป์, มีศิลปะในการใช้ความรู้แทบทุกสาขา ทั้งการเงิน, การคลัง, และของสำเร็จรูปทุกประเภท
-การทายจร:- ได้รับรางวัลจากการแสดง, มีผลดีในการติดต่อสือสารและการโชว์ตัว, มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางการเงินได้สำเร็จ, ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงินและการคลัง
เลขกำลังเล็ก
๓ หมายถึง เลขของดาวอังคารเล็ก
-เดิมหมายถึง ความคล่องแคล่ว
-ให้โทษในทาง:- แตกทำลายเสียหายเพราะอุบัติเหตุ, เร่งรีบ, ผ่าตัด, ถูกจับกุมและการถูกลอบทำร้าย
-การทายจร:- มีเรื่องทะเลาะกันเพราะโทสะ, การปะทะขัดแย้ง, การเรียกร้องสิทธิ, เรื่องระหว่างนายทุนกับกรรมกร,
อุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาล, ต้องผ่าตัด, เรื่องชู้สาว, โดนศาลเตี้ย
๔ หมายถึง เลขของดาวพุธเล็ก
-เดิมหมายถึง ความเขื่อถือ
-ให้คุณในทาง:- เชื่อง่าย, มีความเพ้อฝันในทาผิด, หย่อนเหตุผล
-การทายจร:- ถูกชักชวนให้กระทำการต่างๆซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
๕ หมายถึง เลขของดาวพฤหัสบดีเล็ก
-เดิมหมายถึง ความศรัทธา
-ให้คุณในทาง:- ความเชื่อถือ, ควมยึดหมั่น, การมุ่งมั่นในทางความดี
-การทายจร:- มีผลดีในการสร้างบุญกุศลทางศาสนา, การศึกษาในระดับเล็ก
๗ หมายถึง เลขของดาวเสาร์เล็ก
-เดิมหมายถึง ความเข้มแข็ง
-ให้โทษทาง:- ความเสื่อมโทรม, การทำลายล้างและการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย, การทำแผลง
-การทายจร:-มีผลดีในการซ่อมแซม, การรื้อเพื่อสร้างใหม่
-มีผลร้ายในการหมดสัญญาการก่อสร้าง, ความเสียหายเพราะผิดสัญญา, เป็นคดีความ, เรื่องร้ายที่เรื้อรัง, ถูกต้องขัง
ตัวอย่างการพยากรณ์ตัวเลขในพื้นดวงชะตา
ดวงชะตาของ น.ส.ชนิสา แก้วบุดดา
-เกิดวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ตรงกับวัน ศุกร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุล
-วันศุกร์ = 6
-เดือน ๙ = 2 (ข้อนี้ให้เอาเลข 7 มาลบ 9 เหลือเศษ 2)
-ปีกุล = 5 (ข้อนี้ ให้เอาเลข 7 มาลบ 12 เหลือเศษ 5)
-ต่อไปให้เอาเลขวันเดือนปีเกิดไปตั้งเป็นเลขในพื้นดวงชะตาดังนี้
6 7 1 2 3 4 5
2 3 4 5 6 7 1
5 6 7 1 2 3 4
13 16 12 8 11 14 10
๑.วิธีการทำนายให้ถือเอาเลขในแถวของวันเกิดทั้ง 7 ตัวเป็นเกณฑ์ในการทำนาย
๒.ให้ดูความสัมพันธ์ของตัวเลขที่เป็นเลขตัวเดียวกันในแถวของวันเกิด, เดือนเกิด, และปีเกิดด้วย
๓.ให้ดูเลขในฐานบวกเป็นตัวตัดสินว่าดีหรือร้ายคือเป็นตัวชี้ขาดนั่นเอง โปรดสังเกตดูวิธีการทำนายข้างล่างนี้
๔.ให้เอาชื่อของภพที่ตัวเลขไปอยู่มาเป็นตัวทำนาย เช่น:-
-ทำนายเลข 6 เลข 6 ตรงกับภพ อัตตะ + ปุตตะ + สุภะ และมีเลข 16 เลขของเศรษฐีเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีนิสัยดีมีความรู้ดีมีรูปร่างสวยจิตใจชอบทำบุญสุนทาน จะได้บุตรดีมีบุญวาสนา ต่อไปเจ้าชะตาจะร่ำรวยเป็เศรษฐีมีทรัพย์สินเงินทองมาก"
-ทำนายเลข 7 ตรง กับภพ หินะ + อริ + กัมมะ และมีเลข 12 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "การงานจะมีอุปสรรคและมีศัตรูป้องร้ายมากแต่เจ้าชะตาก็จะเอาชนะศัตรูและ อุปสรรคได้ด้วยความสามารถของตนเองโดยไม่ต้องขอร้องให้ใครช่วย"
-ทำนายเลข 1 เลข 1 ตรงกับภพ ธนัง + ปัตตนิ + ลาภะ และมีเลข 8 เลขกำลังของดาวอังคารเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้สามีที่มีฐานะทางการเงินดี รูปร่างสันทัดผิวเนื้อดำแดง อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เจ้าชะตามักจะมีโชคลาภทางการเงินอยู่บ่อยๆ เมื่อเจ้าชะตามีเงินมากแล้วมักจะเก็บเงินนั้นไว้ไม่อยู่ จะมีพ่อแม่และพี่ชายมาขอความช่วยเหลือเรื่องการเงินอยู่เสมอ"
-ทำนายเลข 2 เลข 2 ตรงกับภพ ปิตา + ตนุ + พยายะ และมีเลข 11 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อ จะพึ่งพ่อและญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อไม่ได้เลยจะพึ่งตนเองมากกว่า"
-ทำนายเลข 3 เลข 3 ตรงกับภพ มาตา + กฎุมภะ + ทาสา และมีเลข 14 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "แม่ของเจ้าชะตาเป็นคนมีฐานะทางการเงินดีและมีลูกน้องที่เป็นชายมากและแม่ เป็นคนขยันในการหาเงินและเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม พึ่งพาอาศัยได้"
-ทำนายเลข 4 เลข 4 ตรงกับภพ โภคา + สหัชชะ + ทาสี และมีเลข 10 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะต้องเดินทางติดต่อกับมิตรสหายเพื่อนฝูงและลูกน้องอยู่เสมอจึงจะ ทำให้ได้ทรัพย์สมบัติเกิดขึ้นเรื่อยๆ มีคนใช้หรือบริวารที่เป็นหญิงดีเชื่อใจได้ "
-ทำนายเลข 5 เลข 5 ตรงกับภพ มัชฌิมา + พันธุ + มรณะ และมีเลข 13 เป็นฐานบวก ทำนายว่า " เจ้าชะตามีญาติพี่น้องมากแต่พึ่งพาอาศัยอะไรมิได้ พึ่งตัวเองมากกว่า ถึงพึ่งได้ก็เป็นเรื่องอื่น เรื่องการเงินพึ่งไม่ได้"
ดวงชะตาของนาย นรชัย ดวงดี
-นายนรชัย ดวงดี เกิดวันที่ 19 พฤษภาคม ๒๕๑๔ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีชวด
-วันศุกร์ = 6
-เดือน = 7
-ปีชวด = 1
6 7 1 2 3 4 5
7 1 2 3 4 5 6
1 2 3 4 5 6 7
14 10 6 9 12 15 18
-วิธีพยากรณ์มีดังนี้
-เลข 6 ตรงกับภพ อัตตะ + ปัตตนิ + ทาสา และมีเลข เลข 15 ซึ่งเป็นเลขกำลังของดาวจันทร์เป็นฐานบวก พยากรณ์ว่า "เจ้าชะตาเป็นคนลำบากมาก่อน เป็นกรรมกรเป็นลูกน้องเขา หาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเขากิน ด้วยความขยันมั่นเพียรเลยวัยกลางคนไปแล้วจึงจะดีมีความสุข เจ้าชะตาจะได้คู่ครองที่มีฐานะเท่าเทียมกันเป็นลูกน้องหรือลูกจ้างเขามา ก่อน ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาๆด้วยความเหนื่อยยากลำบากอาบเหงื่อต่างน้ำไม่ใช่ ได้มาโดยวิธีง่ายๆเหมือนผู้อื่น
-เลข 7 ตรงกับภพ หินะ + ตนุ + ทาสี และมีเลข 18 เลขของพระเจ้ามหาจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีนิสัยดื้อด้านถือดีจึงทำให้ตนเองตกต่ำไม่มีอำนาจ"
-เลข 1 ตรงกับภพ ธนัง + กฎุมภะ + มรณะ และมีเลข 14 เลขของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีฐานะทางการเงินไม่ดีหาเงินได้เท่าไหร่ก็ไม่เหลือ มีเงินมากยิ่งจะทำให้ตนเองเกิดความเดือดร้อนมากกว่า"
-เลข 2 ตรงกับภพ ปิตา + สหัชชะ + สุภะ และมีเลข 10 เลขกำลังของดาวพระเสาร์เป็นฐานบวก ทำนายว่า
"เจ้าชะตามีเพื่อนฝูงดีแต่พึ่งพาอาศัยไม่ได้ เรื่องการขอความช่วยเหลือคงยาก เมื่อถึงคราวอัตคัดขัดสนไปขอความช่วยเหลือก็จะบอกปัดเสีย"
-เลข 3 ตรงกับภพ มาตา + พันธุ + กัมมะ และมีเลข 6 ซึ่งเป็นเลขกำลังของดาวพระอาทิตย์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "ญาติพี่น้องทางฝ่ายมารดาก็พึ่งพาอาศัยไมค่อยได้ ช่วยเหลือได้บ้างนิดหน่อยเรื่องการงานแต่ก็เรียกเอาผลประโยชน์มากเกินไปจน น่าเกลียด"
-เลข 4 ตรงกับภพ โภคา + ปุตตะ + ลาภะ และมีเลข 9 เลขดาวเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาได้บุตรธิดาดีมีความกตัญญูดีต่อพ่อแม่ เจ้าชะตาจะมีบ้านเรือนและทรัพย์สมบัติอันเกิดจากลูกหามาให้"
-เลข 5 ตรงกับภพ มัชฌิมา + อริ + พยายะ และมีเลข 12 เลขกำลังพระราหูเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีศัตรูมากแต่ก็ทำอันตรายเจ้าชะตาไม่ได้ เพราะเจ้าชะตาเป็นคนถึงลูกถึงคนรู้เล่ห์เหลี่ยมที่จะหักล้างศัตรูได้"
**หมายเหตุ:- การ อ่านพื้นดวงชะตาต้องเอาภพอันเป็นที่อยู่ของตัวเลขมาอ่านรวมกันทั้ง 3 ภพ แล้วคิดเป็นคำทำนายที่สมบูรณ์แบบออกมาให้ได้และต้องเป็นคำทำนายที่สมบูรณ์ แบบและถูกต้องด้วย ตัวอย่างเช่น:-
-อัตตะ + ตนุ + ทาสา โดยมีเลข 14 เป็นฐานบวก จงอ่านภพทั้ง 3 ภพ ให้ออกมาเป็นคำทำนายที่เหมาะสมและถูกต้องด้วย ข้าพเจ้าจะผลิตคำทำนายที่ถูกตัองออกมาให้ดู
-อัตตะ + ตนุ + ทาสา มีเลข 14 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้า ชะตาเป็นนักต่อสู้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง หนักเอาเบาสู้ไม่ยอมท้อถอย ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วไม่สำเร็จไม่ยอมแพ้ง่ายๆ งานอะไรที่เขาลงมือทำแล้วจะต้องสำเร็จจนทำให้ตัวเองเป็นที่นิยมยกย่องเชื่อถือของคนทั่วไป ถ้าใครเดือดร้อนไปขอความช่วยเหลือมักจะช่วยเหลือด้วยความเต็มใจไม่หวังผลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น เป็นคนใจใหญ่ใจสปอร์ตเป็นนักเสียสละเป็นคนใจบุญอย่างที่คนอื่นๆคาดไม่ถึง"
นี้แหละคือตัวอย่างคำทำนายที่ข้าพเจ้าผลิตออกมาให้ดู ขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายโปรดพิจารณาดูให้ดีๆ ขอท่านทั้งหลายที่มีความสนใจในวิชาพยากรณ์ด้วยเลข 7 ตัว จงฝึกฝนคิดอ่านผลิตออกมาอยู่เรื่อยๆไม่นานท่านก็จะเก่งไปเอง
ดวงชะตาของ นายกิจ แตงม่วง
-นายกิจ แตงม่วง เกิดวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๒ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะแม
-วันอาทิตย์ = 1
-เดือน = 1
-ปีมะแม = 1
1 2 3 4 5 6 7
1 2 3 4 5 6 7
1 2 3 4 5 6 7
3 6 9 12 15 18 21
วิธีการพยากรณ์เลขในพื้นดวงชะตา
-เลข 1 ตรงกับภพ อัตตะ + ตนุ + มรณะ และมีเลข 3 เลขของดาวอังคารเล็กเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ทำอะไรมักจะล้มเหลวเป็นไปไม่ตลอด มีจิตใจไม่มั่นคงเป็นคนหวาดระแวง เจ้าชะตาจะได้มรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้แต่จะรักษาไว้ไม่ได้ จะขายกินหมดจนไม่มีอะไรเหลือ"
-เลข 2 ตรงกับภพ หินะ + กฎุมภะ + สุภะ และมีเลข 6 เลขกำลังของดาวพระอาทิตย์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนฐานะไม่ดีขี้เกียจในการทำมาหากินคอยแต่อาศัยผู้อื่นใจบาปไม่ค่อยทำบุญสุนทาน"
-เลข 3 ตรงกับภพ ธนัง + สหัชชะ + กัมมะ และมีเลข 9 เลขของดาวเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีเพื่อนฝูงดีมักช่วยเหลือเรื่องการเงินและชอบหางานดีๆให้ทำจนเจ้าชะตาเอาตัวรอดไปได้"
-เลข 4 ตรงกับภพ ปิตา + พันธุ + ลาภะ และมีเลข 12 เลขกำลังของดาวพระราหูเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้า ชะตามีญาติพี่น้องผู้ใหญ่ทางฝ่ายพ่อคอยให้ควาช่วยเหลือ แต่เจ้าชะตาก็ติดเหล้าและการพนัน พลาญทรัพย์สินเงินทองที่เขาให้มาจนหมด จนเขาเบื่อไม่ให้ความช่วยเหลืออีกต่อไป"
-เลข 5 ตรงกับภพ มาตา + ปุตตะ + พยายะ และมีเลข 15 เลขกำลังของดาวพระจันทร์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาถึงมีแม่ก็พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้เพราะแม่ป่วยไม่สบาย บุตรก็พึ่งได้ไม่นานพอจะพึ่งได้บางก็มีอันเป็นไป"
-เลข 6 ตรงกับภพ โภคา + อริ + ทาสา และมีเลข เลข 18 เลขมหาจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีทรัพย์สมบัติอะไรขึ้นมาไม่ได้จะต้องเดือดร้อนเกิดมีเรื่องราวทำ ให้ต้องเสียทรัพย์สินเงินทองไปจนหมด จนต้องเป็นคนใช้รับจ้างเขากินถึงจะอยู่สบาย"
-เลข 7 ตรงกับภพ มัชฌิมา + ปัตตนิ + ทาสี และมีเลข 21 เลขกำลังของดาวพระศุกร์เป็นฐานบวก ทำนายว่า " เจ้าชะตาจะได้ภรรยาเป็นคนชั้นเดียวกันกับเจ้าชะตารับจ้างเขากินหาเงินได้ ด้วยความเหนื่อยยากลำบากหาได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้นจะให้ร่ำรวย เหมือนคนอื่นเขานั้นยาก"
ขอเตือนให้ผู้เรียนอ่านตัวเลขในพื้นดวงชะตาแล้วคิดผลิตคำทำนายที่เหมาะสมออกมาให้จงได้ฝึกฝนทำนายบ่อยๆก็จะชำนาญไปเอง
ความสัมพันธ์ของตัวเลขในพื้นดวงชะตา
-ประโยชน์ของตัวเลขในพื้นดวงชะตามี ๔ ข้อ คือ:-
๑.เป็นตัวเลขที่แสดงคุณและโทษของชะตาเดิมและชะตาจร เพื่อจะได้รู้ว่าระยะใดปลอดโปร่งจากอุปสรรคมีความราบรื่นดี ระยะใดจะมีอุปสรรคมาขัดขวางจนทำให้เกิดความทุกข์โศกเดือดเนื้อร้อนใจ
๒. ความสัมพันธ์ของเลขชะตาแต่ละตัวให้พิจารณาดูคุณหรือโทษจากเลขในฐานบวกเป็นสำคัญข้อนี้จะลืมเสียมิได้
๓.ใครจะโชคดีหรือโชคร้าย ทำอะไรจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ จงพิจารณาดูจากความสัมพันธ์ของตัวเลขนี้เป็นสำคัญ
๔.ความสัมพันธ์ของชะตาแบ่งออกเป็น ๑๒ คู่ คือ:-
๑.เลขคู่มิตร
๒.เลขคู่ธาตุ
๓.เลขคู่สมพล
๔.เลขคู่สมพงษ์
๕.เลขคู่อุปถัมภ์
๖.เลขคู่โชคอนันต์
๗.เลขคู่เกียรติยศชื่อเสียง
๘.เลขกำลังวัน
๙.เลขคู่ศัตรู
๑๐.เลขคู่อัตคัดขัดสน
๑๑.เลขคู่วิวาท
๑๒.เลขคู่ขัดแย้ง
เลขคู่มิตร
-เลขคู่มิตร แบ่งออกเป็น ๔ คู่ คือ:-
๑ กับ ๕ เป็นเลขคู่มิตรกัน คือเป็นเลขคู่มิตรในทาง ความรักใคร่นับถือกัน
๒ กับ ๔ เป็นเลขคู่มิตรกัน คือเป็นเลขคู่มิตรในทาง เจ้าเสน่ห์
๓ กับ ๖ เป็นเลขคู่มิตรกัน คือเป็นเลขคู่มิตรในทาง ความเจ้าชู้
๗ กับ ๘ เป็นเลขคู่มิตรกัน คือเป็นเลขคู่มิตรในทาง เจ้านักเลง
-เลขคู่มิตรให้คุณดังนี้
-อุปถัมภ์ค้ำชูกัน ช่วยเหลือกัน และพึ่งพาอาศัยกันได้ตั้งแต่เกิด
-ถ้าเลขอายุจรๆมาตกลงที่เลขคู่มิตร ชะตาชีวิตในปีนั้นจะสูงเด่นขึ้นมาก คิดจะทำสิ่งใดก็จะสำเร็จตามที่ปราถนาเอาไว้จะมีมิตรสหายมาให้ความช่วยเหลือ และความร่วมมือเป็นอย่างดี
เลขคู่ธาตุ
-เลขคู่ธาตุ แบ่งออกเป็น ๔ คู่ คือ:-
-๑ กับ ๗ เป็นเลขคู่ธาตุไฟ ให้คุณทางอำนาจ
-๒ กับ ๕ เป็นเลขคู่ธาตุดิน ให้คุณในทางความมานะพยายาม
-๓ กับ ๘ เป็นเลขคู่ธาตุลม ให้คุณในทางเจ้านักเลง
-๔ กับ ๖ เป็นเลขคู่ธาตุน้ำ ให้คุณในทางความอ่อนหวานนุ่มนวล
-เลขคู่ธาตุให้คุณดังนี้
-จะมีความมั่นคงสมบูรณืดี
-ถ้าเลขอายุจรๆมาตกลงที่เลขคู่ธาตุ โครงการที่ตั้งใจเอาไว้จะประสบความสำเร็จและจะมีความสุขสมบูรณ์ดี
เลขคู่สมพล
-เลขคู่สมพล แบ่งออกเป็น ๔ คู่ คือ:-
-๑ กับ ๖ เป็นเลขคู่สมพลกันในทางยศศักดิ์
-๒ กับ ๘ เป็นเลขคู่สมพลกันในทางการต่อสู้
-๓ กับ ๕ เป็นเลขคู่สมพลกันในทางการพนันและการพัฒนา
-๔ กับ ๗ เป็นเลขคู่สมพลกันในทางความจริง
-เลขคู่สมพลให้คุณดังนี้
-ให้คุณในทาง การคุ้มครองรักษาและมีพละกำลังดี
-ถ้าเลขของอายุจรๆมาตกลงที่เลขคู่สมพล ผู้นั้นจะได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือจากคนเป็นจำนวนมาก เหมาะแก่การทำงานเพื่อสังคมหรืองานส่วนรวมโดยทั่วๆไป
เลขคู่สมพงษ์
-เลขคู่สมพงษ์ มี ๑ คู่ คือ:-
๒ กับ ๖ เป็นเลขคู่สมพงษ์ในทางความรัก
-เลขคู่สมพงษ์ให้คุณดังนี้
-ให้คุณในทาง ในทางความรัก, จะเกิดความรักขึ้นโดยไม่คาดฝัน, จะมีโชคลาภนานาประการ
-ถ้าอายุจรมาตกลงที่เลขคู่สมพงษ์ ปีนั้นจะได้พบคนรักหรือมิตรแท้
เลขคู่อุปถัมภ์
-เลขคู่อุปถัมภ์มี ๑ คู่ คือ:-
๕ กับ ๖ เป็นเลขคู่อุปถัมภ์กันในทางการช่วยเหลือกัน
-เลขคู่อุปถัมภ์ให้คุณดังนี้
-ให้คุณในทาง จะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในเรื่องการเงินและคู่ครอง
-ถ้าเลขอายุจรมาตกเลขคู่อุปถัมภ์ ผู้นั้นจะได้พบผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือและอุปถัมภ์ค้ำชู
เลขคู่โชคอนันท์
-เลขคู่โชคอนันต์มี ๑ คู่ คือ:-
๔ กับ ๕ เป็นเลขคู่โชคอนันต์
-เลขคู่โชคอนันต์ให้คุณดังนี้
-ให้คุณในทาง มักจะมีโชคลาภอยู่เนืองๆ, จะมีโชคลาภอันไม่คาดฝันเกิดขึ้นอยู่เสมอ, มักจะได้รับความร่วมมือจากทุกวงการเป็นอย่างดี
-ถ้าเลขอายุจรมาตกลงที่เลขคู่โชคอนันต์ จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและจะมีโชคลาภอยู่เสมอ มักจะได้รับความร่วมมือจากทุกวงการเป็นอย่างดี จะประสบความสำเร็จในชีวิตและมีสติปัญญาอันแจ่มใส
เลขคู่แห่งเกียรติยศชื่อเสียง
-เลขคู่แห่งเกียรติยศชื่อเสียงมี ๑ คู่ คือ:-
๑ กับ ๔ เป็นเลขคู่แห่งเกียรติยศชื่อเสียง
-เลขคู่แห่งเกียรติยศชื่อเสียงให้คุณดังนี้
-ให้คุณในทาง:- มีความรู้ความสามารถและเกียรติยศชื่อเสียงดี
-ถ้าเลขอายุจรมาตกเลขคู่แห่งเกียรติยศชื่อเสียง ผู้นั้นจะเป็นที่นิยมยกย่องนับถือของบุคคลโดยทั่วไป
เลขกำลังวัน
-เลขกำลัง มี ๘ ตัว คือ:- ๖ ๘ ๑๐ ๑๒ ๑๕ ๑๗ ๑๙ ๒๑
-เลขกำลังวันให้คุณดังนี้
-ให้คุณในทาง จะมีความดีเด่นเป็นพิเศษ, จะมีกำลังเข้มแข็งดี, จะดีเด่นด้วยคุณสมบัติของของตนเอง
-ถ้าเป็นอัตตะหรือตนุ จะไม่ปรากฏเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเลย มักจะได้รับการลดหย่อนผ่อนปรนหรือาสมารถแก้ไขปัญหาต่างๆด้วยตนเองรอดเสมอ แม้ตัวเลขในภพต่างๆจะไม่ดีก็ตาม
-ถ้าอายุจรมาตกเลขกำลังวัน จะประกอบการสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จตามความปราถนาทุกประการ
เลขคู่ศัตรู
-เลขคู่ศัตรูแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ:-
๑.เลขคู่ศัตรูใหญ่
๒.เลขคู่ศัตรูเล็ก
เลขคู่ศัตรูใหญ่
-เลขคู่ศัตรูใหญ่แบ่งออกเป็น ๕ ชนิด คือ:-
-๑ กับ ๓ เป็นเลขคู่ศัตรูใหญ่ ในทางแก่งแย่งหักล้างกันและกัน
-๒ กับ ๓ ,, ,, ในทางกล้าทำในทางที่ผิด
-๒ กับ ๕ ,, ,, ในทางมีความคิดเห็นขัดแย้งทะเลาะวิวาทกัน
-๔ กับ ๘ ,, ,, ในทางการขัดคอกัน
-๖ กับ ๗ ,, ,, ในทางความสับสนวุ่นวาย
-เลขคู่ศัตรูใหญ่ให้โทษดังนี้
-จะตัดทอนชะตาชีวิตลงในทางคุณงามความดี อับโชค ได้รับแต่ความทุกทรมาน
-ถ้าเลขอายุจรมาตกลงที่เลขคู่ศัตรูใหญ่ จะทำสิ่งใดก็มีแต่อุปสรรคมาขัดขวางคือมักจะมีแต่เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นเสมอ
เลขคู่ศัตรูเล็ก
-เลขคู่ศัตรูเล็กแบ่งออกเป็น ๕ ชนิด คือ:-
-๑ กับ ๘ เป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ในทางเบียดเบียนกันและกัน
-๒ กับ ๗ เป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ในทางพลัดพรากจากกันและความผิดหวัง
-๓ กับ ๗ เป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ในทางอิทธิพลมืด
-๕ กับ ๘ เป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ในทางการสูญเสีย
-๖ กับ ๘ เป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ในทางความเสื่อมสลาย
-เลขคู่ศัตรูเล็กให้โทษดังนี้
-ทำอะไรมักจะกลับกลายเป็นเรื่องเดือดร้อนวุ่นวายไปหมด
-ถ้าอายุจรมาตกเลขคู่ศัตรูเล็ก จะสับสนวุ่นวายใจจะพลัดพรากจากของรักของชอบใจ
เลขคู่อัตคัดขัดสน
-๕ กับ ๗ เป็นเลขคู่อัตคัดขัดสน ให้โทษดังนี้
-จะเกิดความอัตคัดขัดสนและความขาดแคลนขึ้น
-ถ้าอายุจรมาตกที่เลขคู่อัตคัดขัดสน จะเกิดความขัดสนขึ้น ทำอะไรมักจะติดขัดไปหมด ไม่ปลอดโปร่ง
เลขคู่วิวาท
-๓ กับ ๔ เป็นเลขคู่อัตคัดขัดสน มีโทษดังนี้
-จะเกิดทะเลาะวิวาททุ้มเทียงกัน จนทำให้ผลงานเกิดความตกต่ำ แต่ถ้าทำการเสดาะพระเคราะห์จะกลับมีโชคลาภจากศัตรู
-ถ้าอายุจรมาตกลงที่เลขคู่วิวาท ให้ระมัดระวังเรื่องปากเสียให้ดี จะเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันได้ง่ายๆ จะเกิดความเดือดร้อนเพราะปาก
เลขคู่ขัดแย้ง
-๑ กับ ๒ เป็นเลขคู่ขัดแย้งกัน มีโทษดังนี้
-จะเกิดความขัดแย้งขึ้นภายในครอบครัว ห้ามแต่งงานโดยเด็ดขาด จะเกิดทะเลาะวิวาทกันในภายหลัง
-ถ้าอายุจรมาตกลงที่คู่ขัดแย้ง จะเกิดการขัดแย้งกันอย่างใหญ่หลวง ผลงานจะเกิดความเสียหาย
ระดับตวามสูงต่ำของพื้นดวงชะตา
-ระดับความสูงต่ำของพื้นดวงชะตาแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ:-
๑.พื้นดวงชะตาระดับสูง มีกฏข้อบังคับดังนี้
๑.๑เลขของวันเดือนปีเกิดจะไม่ตรงกับภพเสีย
๑.๒เลขของวันเดือนปีเกิดจะตั้งอยู่บนเลขฐานบวกที่ดี เช่น:-
ดวงชะตาระดับสูงชาย
6 7 1 2 3 4 5
6 7 1 2 3 4 5
1 2 3 4 5 6 7
13 16 5 8 11 14 17
-เลขวันเกิดตรงกับภพที่ดีคือ ตนุ และ ทาสา มีเลข 14 เลขเกีรติยศชื่อเสียงเป็นฐานบวก
-เลขเดือนเกิดตรงกับภพที่ดีคือ อัตตะ และ ทาสา มีเลข 14 เป็นฐานบวก
-เลขปีเกิดตรงกับภพที่ดีคือ สหัชชะ และ ธนัง มีเลข 5 เป็นฐานบวก
-เลขฐานบวกคือ เลข 14 เป็นเลขคู่แห่งเกียรติยศชื่อเสียง เป็นเลขฐานบวกของคนมีอำนาจวาสนา
ดวงชะตาระดับสูงหญิง
6 7 1 2 3 4 5
3 4 5 6 7 1 2
5 6 7 1 2 3 4
14 17 13 9 12 8 10
-เลขวันเกิดตรงกับภพที่ดีคือ พันธุ และ กัมมะ มีเลข 17 เป็นฐานบวก
-เลขเดือนเกิดตรงกับภพที่ดีคือ มาตา และ ทาสา มีเลข 8 เลฃกำลังของดาวอังคารเป็นฐานบวก
-เลขปีเกิดตรงกับภพที่ดีคือ สหัชชะ และ มัชฌิมา มีเลข 14 เป็นฐานบวก
-เลขฐานบวก คือเลข 16 เป็นเลขคู่เศรษฐี เป็นเลขคู่ที่ดี
๒.ดวงชะตาระดับกลาง มีกฎข้อบังคับดังนี้
๒.๑เลขของวันเดือนปีเกิดตรงกับภพที่เสียหรือมีความสัมพันธ์ถึงแต่ต้องตั้งอยู่บนฐานบวกที่ดี
๒.๒เลขของวันเดือนปีเกิดตรงกับภพที่ดีแต่ตั้งอยู่บนฐานบวกที่เสียหรือสัมพันธ์ถึง
๒.๓เลขของปีเกิดตั้งอยู่บนฐานบวกที่ดีหรือเสียก็ตาม เช่น:-
ดวงชะตาระดับกลางชาย
1 2 3 4 5 6 7
5 6 7 1 2 3 4
5 6 7 1 2 3 4
11 14 17 6 9 12 15
-เลขวันเกิดตรงกับภพที่ดีคือ พันธุ และ ลาภะ มีเลข 6 เลขกำลังของดาวอาทิตย์เป็นฐานบวก
-เลขเดือนเกิดตรงกับภพที่ดีและภพที่เสีย คือ มาตา และ มรณะ มีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก
-เลขปีเกิดตรงกับภพที่ดีคือ ตนุ และ มาตา มีเลข 11 เลขของราชาโชค เป็นฐานบวก
ดวงชะตาระดับกลางหญิง
2 3 4 5 6 7 1
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
16 5 8 11 14 17 13
-เลขวันเกิดตรงกับภพที่ดีคือ สหัชชะ และ กัมมะ มีเลข 8 เลขกำลังของดาวอังคารเป็นฐานบวก
-เลขเดือนเกิดตรงกับภพที่ดีคือ โภคา และภพเสียคือ มรณะ เป็นเลขฐานบวก
-เลขปีเกิดตรงกับภพที่ดีคือ ตนุ และ โภคา มีเลข 16 เลขคู่เศรษฐี เป็นเลขฐานบวก
๓.ดวงชะตาระดับต่ำ มีกฏข้อบังคับดังนี้
๓.๑เลขของวันเดือนปีเกิดตรงกับภพเสีย
๓.๒เลขของฐานบวกเป็นเลขที่ไม่ดี เช่น:-
ดวงชะตาระดับต่ำชาย
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
3 4 5 6 7 1 2
17 6 9 12 15 11 14
-เลขวันเกิดตรงกับภพดีคือ ตนุ และภพเสียคือ พายายะ มีเลข 15 เลขกำลังของดาวจันทร์ เป็นเลขฐานบวก
-เลขเดือนเกิดตรงกับภพดีคือ อัตตะ และภพเสียคือ พยายะ มีเลข 15 เลขกำลังของดาวจันทร์ เป็นเลขของฐานบวก
-เลขปีเกิดตรงกับภพดีคือ พันธุ และ ปิตา มีเลข 17 เลขคู่ธาตุ เป็นเลขฐานบวก
ดวงชะตาระดับต่ำหญิง
2 3 4 5 6 7 1
2 3 4 5 6 7 1
2 3 4 5 6 7 1
6 9 12 15 18 21 3
-เลขวันเกิดตรงกับภพดีคือ ตนุ และภพเสียคือ มรณะ มีเลข 6 เลขกำลังของดาวอาทิตย์เป็นฐานบวก
-เลขเดือนเกิดตรงกับภพดีคือ อัตตะ และภพเสียคือ มรณะ มีเลข 6 เลขกำลังของดาวอาทิตย์ เป็นเลขฐานบวก
-เลขปีเกิดตรงกับภพที่ดีคือ ตนุ และ อัตตะ มีเลข 6 เลขกำลังของดาวอาทิตย์เป็นฐานบวก
การศึกษาภาคที่ ๒
การศึกษาภาคที่ ๒ ว่าด้วยองค์ประกอบที่สำคัญของพื้นชะตา
องค์ประกอบของพื้นชะตาที่สำคัญแบ่งออกเป็น ๘ ชนิด คือ:-
๑.ความหมายของเลขทั้ง ๙ ตัว
๒.ชะตาแฝด
๓.ชะตาที่มีเลขซ้ำกันทั้ง ๓ ฐาน
๔.การศึกษาและอาชีพ
๕.เรื่องของคู่ครอง
๖.เรื่องของบุตร
๗.เรื่องของบ้านเรือน
๘.เรื่องของยวดยานพาหนะ
๙.เรื่องของการตรวจสอบชะตา
ความหมายของเลขทั้ง ๙ ตัว
๑.เลขที่เป็นบุคคล
๒.เลขที่เป็นสถานที่
๓.เลขที่เป็นอวัยวะร่างกายและโรคภัยไข้เจ็บ
๔.เลขที่เป็นทิศ
๕.เลขที่เป็นสี
๖.เลขที่เป็นมณี
๗.เลขที่เป็นธาตุ
๘.เลขที่เป็นแร่
๙.เลขที่เป็นรสอาหาร
เลขที่เป็นบุคคล
เลข ๑
-ถ้าเลข ๑ เป็น อัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- เล็กกระทัดรัด ใบหน้าเรียวมน ผิวเนื้อดำแดงจึงจะต้องโฉลก ถ้ารูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวจะอาภัพ (อาภัพ แปลว่า "ทำอะไรมักไม่ค่อยได้ดังใจนึก คนอื่นทำได้แต่เราทำไม่ได้ถ้าขืนทำต่อไปก็มีแต่จะเดือดร้อน"
-นิสัย:- ใจ ร้อน โกรธง่ายหายเร็ว เป็นคนไว้ตัว รักเกียรติยศชื่อเสียง เป็นคนทะเยอทะยาน เจ้าชู้ ถ้าเป็นชายจะเกรงใจเมีย ถ้าเป็นหญิงจะพูดเอาใจผัวดี
-รสนิยม:- ชอบความโอ่อ่าหรูหราภูมิฐาน และการแสดงอำนาจ
-ถ้าเลข ๑ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรืเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- พระราชา ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี เจ้าผู้ครองนคร เชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ข้าหลวง
-ระดับกลาง:- ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชสำนัก ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ ผู้บังคับบัญชา นักการเมือง เศรษฐีคหบดี
-ระดับต่ำ:- ข้าราชการชั้นผู้น้อย ช่างแรงงานต่างๆ
**หมายเหตุ:- การดูระดับของบุคคลให้ดูระดับของพื้นชะตาประกอบกันจึงจะแม่นยำดี
เลข ๒
-ถ้าเลข ๒ เป็น อัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- รูปร่างขาวท้วมหรือขาวบาง รูปทรงสมส่วนงามกระทัดรัด แก้มมีเนื้อเล็กน้อยจึงจะต้องโฉลก
-นิสัย:- วางจริต รักคำพูด รื่นเริง มักอ่อนไหวง่ายแต่มีจินตนาการดี
-รสนิยม:- ชอบการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม ชอบการดูแล ชอบสังคม
-ถ้าเลข ๒ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- พระราชินี ประธานาธิบดีหญิง นายกรัฐมนตรีหญิง ผู้นำหญิง ผู้อำนวยการหรือผู้จัดการหญิง
-ระดับกลาง:- ข้าราชการฝ่ายใน ท่านผู้หญิง คุณหญิงหรือคุณนาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายคมนาคม,การศึกษา
กิจการที่เกี่ยวข้องกับเด็กและสตรี องค์การระหว่างประเทศ มหาดไทย
-ระดับต่ำ:- เจ้าของกิจการและการบริการทุกชนิด ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับยวดยานพาหนะมีรถเรือและเครื่องบินเป็นต้น
เลข ๓
-ถ้าเลข ๓ เป็นอัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำแดง ผมหยักเล็กน้อย ใบหน้ากระดูก มักมีใฝ่ที่แก้ม จึงจะต้องโฉลก
-นิสัย:- มุทะลุดุดัน โมโหง่าย ขยันขันแข็ง มักจะเอาใจเพื่อนและผู้อื่น
-รสนิยม:- ไม่ค่อยแน่นอน ชอบความเย้ายวน ชอบบำเรออารมณ์ มักชอบผิดลูกผิดเมียหรือชอบผิดลูกผิดผัวเขา
-ถ้าเลข ๓ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- นายพลตำรวจ แพทย์ผ่าตัด นักเคมี นักวืทยาศาสตร์ อัยการตำรวจ
-ระดับกลาง:- ข้าราชการตำรวจ นายอำเภอ ป่าไม้ วิศวกร ผู้ค้าหรือผู้ผลิตเหล็กและโลหะต่างๆ ผู้ฝึกอาวุธ
-ระดับต่ำ:- เพชฆาต ผู้ฆ่าสัตว์ ผู้ผลิตเครื่องมือและเครื่องใข้ที่เป็นเหล็กและโลหะต่างๆ
เลข ๔
-ถ้าเลข ๔ เป็นอัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- รูปร่างท้วมผิวเนื้อค่อนข้างขาวหรือขาวอมแดง ริมฝีปากหยักบางจึงจะต้องโฉลก
-นิสัย:- ชอบคิดเป็นคนมีเหตุผล มีความเชื่อมั่นในตนเอง มักถ่อมตัว เป็นคนสุภาพ ฉลาดในการเจรจา
-รสนิยม:- ชอบเรียบๆ ชอบความสะดวกสบาย และชอบสังคม
-ถ้าเลข ๔ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- เป็นนักวิชาการ นักการทูต นักประพันธ์ พ่อค้าใหญ่ระดับชาติ
-ระดับกลาง:- ทนายความ นายทะเบียน นักข่าว นักการบัญชี ข้าราชฝ่ายสื่อสารและการพาณิชย์
-ระดับต่ำ:- บุรุษไปรษณีย์ ช่างเรียงพิมพ์ ช่างฝีมือ และพ่อค้าแม่ค้าย่อย
เลข ๕
-ถ้าเลข ๕ เป็นอัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- รูปร่างสันทัดผิวขาวหรือขาวเหลืองมีเนื้อเล็กน้อย หน้าผากกว้าง ใบหน้ารูปไข่ นิ้วมือนิ้วเท้าอูมจึงจะต้องโฉลก
-นิสัย:- เชื่อในความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่ หัวแข็ง ถืออุดมคติ
-รสนิยม:- ชอบเรียบๆ ชอบความมีระเบียบ มักสนใจในวิชาการต่างๆ
-ถ้าเลข ๕ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- สมณชีพราหมณ์ชั้นผู้ใหญ่ เป็นข้าราชการฝ่ายการศึกษา ฝ่ายศาสนา ตุลาการ โหราจารย์ นายแพทย์ผู้อำนวยการ ที่ปรึกษาประจำกระทรวงหรือระดับชาติ
-ระดับกลาง:- ข้า ราชการฝ่ายการศึกษา การศาสนา ผู้ค้าของชำขนาดใหญ่ ผู้จัดการธนาคาร เจ้าของภัตราคารร้านอาหารขนาดใหญ่ เจ้าของห้างขายยาหรือคลีนิกใหญ่ๆ
-ระดับต่ำ:- ช่างทอผ้า ร้านขายของชำยอย ช่างทำเครื่องสังฆภัณฑ์ ช่างทำเครื่องประดับศาลพระภูมิ
เลข ๖
-ถ้าเลข ๖ เป็นอัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- สูงโปร่ง กระดูกใหญ่ ใบหน้ากลม จึงจะต้องโฉลก ถ้ารูปร่างเล็กจะอาภัพ
-นิสัย:- สำรวย เจ้าชู้ ฟุ่มเฟือย หยิบโหย่ง ประณึต พิถีพิถัน
-รสนิยม:- ชอบศิลปะ ชอบการตกแต่ง ชอบการเสริมสวย ชอบวรรณกรรม ชอบบทกวีและการแสดง
-ถ้าเลข ๖ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีลักษณะดังนี้
-ระดับสูง:- ขุนคลัง ผู้ว่าการธนาคาร นักธุรกิจระดับใหญ่ ข้าราชการระดับใหญ่ของกระทรวงการคลังและกรมศิลป์
-ระดับกลาง:- ข้า ราชการฝ่ายศิลป์ บัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑ์ นักโบราณคดี ผู้จัดการโรงแรม นักออกแบบเหรียญตราและคื่องประดับต่างๆ ผู้ออกแบบเสื้อผ้าและทรงผม
-ระดับต่ำ:- ร้านขายของสำเร็จรูปประเภทสวยงาม ร้านขายเครื่องประดับตกแต่งและภาพศิลป์ ช่างตัดเสื้อผ้าและทรงผม นักแสดง และนักศิลปะ
เลข ๗
-ถ้าเลข ๗ เป็นอัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- ท้วม หรืออ้วนสูง ผิวเนื้อดำคล้ำหรือดำมาก น่องอ่อน ท่าทางบึกบึนทะมัดทะแมง ริมฝีปากเผยอหรือฟันเขยินจึงจะต้องโฉลก ถ้ารูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวจะอาภัพ
-นิสัย:- เงียบขรึม ไม่ยอมเสียเปรียบใคร มักหวาดระแวง มักผูกอาฆาต
-รสนิยม:- ชอบการปกครอง การคุ้มครอง จิตมีมานะสูง
-ถ้าเลข ๗ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- ขุนพลทหาร ข้าราชการฝ่ายป้องกันและกลาโหม นักการเมืองคนสำคัญ ผ.อ.หรือ ผ.จ.เหมืองแร่และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
-ระดับกลาง:- ขัาราชการฝ่ายทหาร นักอุตสาหกรรม เจ้าของเหมืองแร่บ่อเพชรบ่อพลอย กิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม เกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติ และปศุสัตว์
-ระดับต่ำ:- ชาว ไร่ชาวนาชาวสวน นักค้าปุ๋ย ร้านขายเครื่งยนต์ ร้านขายเครื่องอุปกรณ์ทำเหมืองและทำเครื่องมือเครื่องใช้ทางเกษตร ร้านขายเครื่องอุปกรณ์การก่อสร้างเช่น อิฐดินหินปูนและกรวดทราย
เลข ๘
-ถ้าเลข ๘ เป็นอัตตะหรือตนุ ผู้นั้นจะมีลักษณะดังนี้
-รูปร่าง:- ถ้าเป็นชายรูปร่างท้วมใหญ่ ตาพอง อ้วนล้ำพุงยุ้ย ผิวเนื้อดำหรือดำคล้ำ ถ้าเป็นหญิงผิวดำสูงเพียวจึงจะต้องโฉลก
-นิสัย:- เสียงดังมีอำนาจ ชอบลุ่มหลงในอบายมุข ขาดสติ มีโทสะร้ายแรง หงุดหงิดหาเรื่องเอะอะโวยวาย
-รสนิยม:- ชอบของมึนเมา ชอบการพนัน ชอบการเป็นนักเลง เจ้าชู้ ชอบของแปลกๆ
-ถ้าเลข ๘ ตั้งอยู่บนเลขกำลังวันหรือเลขกำลังพิเศษ เจ้าชะตาจะมีระดับดังนี้
-ระดับสูง:- ผู้แทนราษฎร ผู้แทนสาคม นักพัฒนา นักปาฐกถา นักวิชาการ
-ระดับกลาง:- ฝูงชน หมอสมุนไพร นักไสยศาสตร์ ผู้นำฝูงชน
-ระดับต่ำ:- นักเลง นักพนัน นักดื่ม นักรบ
เลขที่เป็นสถานที่
-เลข ๑ หมายถึง:-
-พระราชวัง ที่ทำการของรัฐบาล
-รัฐวิสาหกิจทุกประเภท องค์กร โรงงานไฟฟ้า โรงงานแก้ว
-บริษัทห้างร้านที่หรูๆ สถานที่ใหญ่โตโอ่อ่า ร้านขายเพชรพลอย
-บ้านเรือนที่เด่นเป็นสง่า
-เลข ๒ หมายถึง:-
-วัง ที่ทำการของรัฐบาลที่เกี่ยวกับยวดยานพาหนะทุกชนิด
-กรมประมง กิจการประมง โรงงานผลิตสินค้าทางน้ำทุกชนิด ร้านขายสัตว์น้ำทุกชนิด
-ร้านขายพืชผลทางเกษตร
-บ้านเรือนที่ไม่ค่อยใหญ่มองดูกระจุ๋มกระจิ๋มสดชื่นดี
-เลข ๓ หมายถึง:-
-ที่ทำการของรัฐบาลที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและการปราบปราม
-โรงงานผลิตหรือเก็บอาวุธทุกชนิด โรงผลิตหรือเก็บอาวุธทางเคมี โรงงานเครื่องจักรกล
-สนามกีฬา สนามฝึกอาวุธ
-บ้านพักตำรวจ
-บ่อนการพนัน
-บ้านที่เป็นมุมหรือมีเนื้อที่ไม่เท่ากันคือเป็นเสี้ยวหรือเฉียง
-เลข ๔ หมายถึง:-
-ที่ทำการของรัฐบาลเกี่ยวกับการสื่อสาร กรมสื่อสาร โรงงานผลิตเครื่องมือสื่อสารต่างๆ
-กรมบัญชีกลาง การบัญชี การพาณิชย์
-การศึกษาในระดับต้น กรมสามัญศึกษา
-โรงงานผลิตสิ่งที่เป็นผืนหรือเป็นแผ่น
-บ้านเรือนที่ร่มรื่นเป็นแบบสวน
-เลข ๕ หมายถึง:-
-ที่ทำการของรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม ศาล
-โรงพยาบาล คลีนิค อนามัย กระทรวงสาธาสุข
-ราชภัฏ ทบวงมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
-วัด โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ กรมศาสนา กระทรวงศึกษา สถานที่เผยแพร่ความรู้ทางด้านศาสนา
-หัตถศาสตร์ โหราศาสตร์ วิชาพยากรณ์ต่างๆ วิชาพยากรณ์ด้วยเลข ๗ ตัว
-ช่างทอ
-การพิมพ์
-บ้านเรือนที่มีทรวดทรงกระทัดรัดเรียบร้อยตามเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
-เลข ๖ หมายถึง:-
-ที่ทำกรของรัฐบาล กระทรวงการคลัง ธนาคาร สถาบัญทางการเงิน
-กรมศิลปากร มหาวิทยาลัยศิลปากร
-ร้านขายของชำ เซเว้น โลตัส บิ๊กซี ห้างร้านต่างๆ
-ร้านขายของสำเร็จรูป โรงงานผลิตของสำเร็จรูปประเภทเครื่องสำอางค์หรือเครื่องประดับต่างๆ
-ร้านขายทอง
-บ้านที่มองดูเป็นศิลป์ฉูดฉาดสดใสแลดูชื่นฉ่ำบรรยากาศชวนฝัน
-เลข ๗ หมายถึง:-
-ที่ทำการของรัฐบาลอันเกี่ยวกับการป้องกันและการรักษาความปลอดภัย กระทรวงกลาโหม โรงฝึกทหาร บ้านพักทหาร
-กระทรวงเกษตร กรมปศุสัตว์ ชาวไร่ชาวนาชาวสวน
-โรงสี โรงเลื่อย ร้านขายไม้
-กระทรวงอุตสาหกรรม ร้านขายเครื่องอุปกณ์การก่อสร้าง ร้านขายเครื่งมือเครื่องใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
-กระทรวงแรงงาน กรรมกร ผู้ใช้แรงงาน
-บ้านที่แลดูเงียบสงัดทึบมีบรรยากาศเป็นแบบป่า
เลขที่เป็นอวัยวะร่างกายและโรคภัยไข้เจ็บ
-เลข ๑ หมายถึง:-
-อวัยวะร่างกาย คือ ผิวหนัง นัยน์ตาข้างขวา โลหิตแดง เส้นโลหิตใหญ่ในสมอง
-โรค คือ โรคที่เกี่ยวกับสายตา โรคผิวหนัง โรคที่เกี่ยวกับเส้นโลหิต โรคร้อนใน โรคเส้นโลหิตอุดตัน
-เลข ๒ หมายถึง:-
-อวัยวะร่างกาย คือ นัยน์ตาข้างซ้าย ระบบการดูดซึมอาหาร น้ำที่หล่อเลี้ยงร่างกาย เต้านม เนื้อเยื้อต่างๆ
-โรค คือ โรคเกี่ยวกับสายตา โคเบาหวาน โรคโลหิตระดูไม่ปกติ โรคบวมน้ำ โรคต่อมในเต้านม โรคเนื้อเยื้อักเสบ
-เลข ๓ หมายถึง:-
-อวัยวะร่างกาย คือจมูก อวัยวะเพศชาย เส้นโลหิตดำ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น พลังงาน ม้าม
-โรค คือโรคภูมิแพ้ โรคแพ้อากาศ โรคขาดความรู้สึกในการดมกลิ่น โรคกล้ามเนื้ออักเสบ โคเส้นเอ็นพืการ
โรคโลหิตเป็นพิษ โรคอัมพฤก โรคม้ามพิการ โรคอวัยวะเพศพิการ
-เลข ๔ หมายถึง:-
-อวัยวะร่างกาย คือสมอง ทรงอก มือ เท้า แขน ขา ปาก ทวารหนัก กระเพาะอาหาร ลำไส้
-โรค คือโรคเกี่ยวกับประสาท โรคสมองพิการ โรคปัญญาอ่อน โรคในทรงอก โรคมือเท้าพิการ โรคแขนขาพิการ โรคริดสีดวงทวาร โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้พิการ
-เลข ๕ หมาย:-
-อวัยวะร่างกาย คือหู หัวใจ ประสาทความจำ
-โรค คือโรคหูพิการ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคความจำเสื่อม โรคเบาหวาน โรคผิดสำแดง โรคประสาทแปรปรวน
-เลข ๖ หมายถึง:-
-อวัยวะร่างกาย คือคอ ไต มดลูก อวัยวะเพศหญิง โลหิตขาว น้ำกาม ไขมัน ต่อมน้ำเหลืองในร่างกาย
-โรค คือโรคคออักเสบ โรคไตพิการ โรคมดลูกพิการ โรคอวัยวะเพศพิการ โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
โรคโลหิตขาวมากกว่าโลหิตแดง โรคกามตายด้าน โรคไขมันอุดตัน โรคผิวหนังเสียเป็นเม็ดผื่นคัน โรคน้ำเหลืองเสีย
-เลข ๗ หมายถึง:-
-อวัยวะร่างกาย คือฟัน กระดูกโครงสร้างต่างๆของร่างกาย ประสาทใหญ่ เซลล์ต่างๆ
-โรค คือโรคฟัน โรคกระดูก โรคปวดในข้อ โรคอัมพฤกอัมพาต โรคผมร่วงล้าน โรคเซลล์เสื่อมสภาพ
** ขัอสังเกต:-
-ถ้าเลขใดก็ตามตั้งอยู่บนเลขฐานบวก ๑๒ ผู้นั้นจะมีสมุฏฐานของโรคที่เกิดจากการดื่มสุรา ยาเสพติด โรคใหม่ๆที่เจริญขึ้นมาจากสภาพของสิ่งแวดล้อมเช่น โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ เป็นต้น
-ให้ใช้ทำนายคู่กับภพต่างๆ เช่น หินะ อริ มรณะ พยายะ
-ถ้าเลขใดตั้งอยู่บนฐานบวก ๙ ผู้นั้นมักจะป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ
เลขที่เป็นทิศ
-เลข ๑ คือ ทิศอิสาณ ได้แก่ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
-เลข ๒ คือ ทิศบูรพา ได้แก่ ทิศตะวันออก
-เลข ๓ คือ ทิศอาคเณย์ ได้แก่ ทิศตะวันอกเฉียงใต้
-เลข ๔ คือ ทิศทักษิณ ได้แก่ ทิศใต้
-เลข ๕ คือ ทิศประจิม ได้แก่ ทิศตะวันตก
-เลข ๖ คือ ทิศอุดร ได้แก่ทิศเหนือ
-เลข ๗ คือ ทิศหรดี ได้แก่ทิศตะวันตกเฉียงใต้
-เลข ๘ คือ ทิศพายัพ ได้แก่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
-เลขที่เป็นทิศถ้าใช้ร่วมกับภพ สหัชชะ จะหมายถึงการเดินทาง, การท่องเที่ยว, ในระยะใกล้ๆ
-เลขที่เป็นทิศถ้าใช้ร่วมกับภพ พันธุ จะหมายถึงสถานที่ๆจะตั้งบ้านเรือน, บรืษัท, ห้างร้าน, โรงเรียน, สมาคม
-เลขที่เป็นทิศถ้าใช้ร่วมกับภพ มรณะ จะหมายถึงการเดินทางไปในต่างถิ่น, ต่างแดน, ชนบท, ตำบล,อำเภอ, จังหวัด
-เลขที่เป็นทิศถ้าใช้ร่วมกับภพ สุภะ จะหมายถึงการเดินทางไปต่างประเทศ
เลขที่เป็นสี
เลข ๑ = สีแดง สีทอง สีทองบรอนซ์
เลข ๒ = สีขาว สีเงิน สีขาวปรอท สีไข่มุก สีขาวบรอนซ์
เลข ๓ = สีชมพู สีน้ำตาล สีเลือดหมู
เลข ๔ = สีเขียว สีเขียวหัวเป็ค สีเขียวยอดตองอ่อน สีเขียวไข่กา สีหยกเขียว
เลข ๕ = สีเหลือง สีส้ม สีแสด สีกากี
เลข ๖ = สีฟ้า สีน้ำเงิน สีไพลิน
เลข ๗ = สีดำ สีคราม สีเทา สีนิล
เลข ๘ = สีดำมืด สีม่วงแก่ สีสำริด สีดำแดง
เลข ๙ = สีปลีกแมลงทีบ สีรุ่ง ฉัพพรรณรังสี หลายๆสีรวมกัน
เลขที่เป็นมณี
เลข ๑ คือ ทับทิม พลอยแดง พลอยสีเลือดนก
เลข ๒ คือ เพชร ไข่มุก
เลข ๓ คือ โกเมน เพชรสีชมพู
เลข ๔ คือ มรกต สีเขียวหยก
เลข ๕ คือ บุศราคัม พลอยสีส้ม พลอยสีแสด
เลข ๖ คือ ไพลิน พลอสีน้ำเงิน
เลข ๗ คือ นิล
เลข ๘ คือ จันทรคราส
เลข ๙ คือ โอปอ
**หมายเหตุ:- เลขที่เป็นสีและเลขที่เป็นมณี
-ถ้าทำนายร่วมกับภพ ธนัง จะหมายถึงเคริ่องประดับ
-ถ้าทำนายร่วมกับภพ พันธุ จะหมายถึงบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย
-ถ้าทำนายร่วมกับภพ สหัชชะ จะหมายถึงยวดยานพาหนะเช่น รถ เรือ เครื่องบิน
-จงเลือกสีและมณีที่อยู่ในภพที่ดีที่สุดเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตนเอง ตัวอย่าง เช่น:-
น.ส.ชนิสา แก้วบุดดา
6 7 1 2 3 4 5
2 3 4 5 6 7 1
5 6 7 1 2 3 4
13 16 12 8 11 14 10
-ดวงชะตาของ น.ส.ชนิสา แก้วบุดดา เลข 6 เป็นเลขที่เด่นที่สุดและเลข 6 ยังมีเลขของฐานบวกที่ดีอีกด้วย
-เครื่องประดับกายที่เหมาะสมกับชะตาชีวิตคือ ไพลิน หรือพลอยสีน้ำเงิน
-สีบ้านเรือนต้องเป็น สีฟ้า หรือ สีน้ำเงิน จึงจะต้องโฉลก
-สีของรถยนต์ต้องเป็นสีในโทนเขียวจึงจะต้องโฉลก
-สีที่ห้ามคือ สีดำ สีแดง สีเหลือง
-สีที่อนุญาตคือ สีฟ้า สีน้ำเงิน สีขาว สีชมพู สีเขียว
น.ส.นิรมล พลทวี
2 3 4 5 6 7 1
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
16 5 8 11 14 17 13
-ดวงชะตาของ น.ส.นิรมล พลทวี เลขที่เด่นที่สุดคือเลข 1 ซึ่งมีเลข 5 เป็นฐานบวก 1 กับ 5 เป็นเลขคู่มิตรกันจัดว่าเป็นเลขที่ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้นว่าเลข 5 จะเป็นเลขกำลังเล็กก็ตาม
-เครื่องประดับทีเหมาะสมกับชะตาคือ ทับทิมสยาม พลอยแดง
-สีของบ้านเรือน คือสีในโทนแดง สีน้ำเงิน สีฟ้า
-สีของรถยนต์ คือสีในโทนแดง สีน้ำเงิน สีฟ้า
-สีที่ห้าม คือสีขาว สีชมพู สีเขียว สีเหลือง สีดำ
-สีที่อนุญาต คือสีน้ำเงิน สีฟ้า และสีในโทนแดง
-ถ้าสีที่ดีที่สุดเป็นสีที่ท่านไม่ชอบให้เลือกเอาสีที่อนุญาตก็ได้
อัญมณีประจำวันเกิด
-ทิบทิม เป็นอัญมณีของวันอาทิตย์
-เพชร เป็นอัญมณีของวันจันทร์
-โกเมน เป็นอัญมณีของวันอังคาร
-มรกต เป็นอัญมณีของวันพุธ
-บุษราคัม เป็นอัญมณีของวันพฤหัสบดี
-ไพลิน เป็นอัญมณีของวันศุกร์
-นิล เป็นอัญมณีของวันเสาร์
-โอปอ เป็นอัญมณีของวันราหู
ประโยชน์ของทับทิม
-ทับทิมมีประโยชน์ดังนี้
-ทับทิมช่วยคงความสมดุลระหว่างร่างกาย, ความรู้สึก, และวิญญาณเอาไว้อย่างดีเยี่ยม เชื่อกันว่า "ทิบทิมมีเปลวไฟแห่งความสว่างที่ไม่มีวันดับ"
ทับทิม เป็นสัญญาลักษณ์แห่งความรักชั่วนิรันดร, การแต่งงาน, และพลังแห่งจิตวิญญาณ มันจะช่วยกระตุ้นพลังงานต่างๆในร่างกายให้มีอำนาจมากขึ้นและยังสามารถ เชื่อมต่อกับอณูเล็กๆที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ซึ่งเป็นตัวบรรจุความรู้ ต่างๆและความทรงจำในตัวของคนเราทั้งที่เป็นอดีต, อนาคต, และปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม เชื่อกันมาแต่โบราณว่า "ผู้ใดมีทับทิมไว้ครอบครอง ผู้นั้นก็จะพ้นจากพลังอำนาจที่ชั่วร้ายทั้งหลาย"
ทับทิมมีความสัมพันธ์กับเลือดในตัวเราเป็นอย่างดีสามารถเปลี่ยนสีของเลือด ในร่างกายของคนให้เปลี่ยนไปตามสุขภาพของผู้สวมใส่อย่างน่าพิศวง ถ้าใครมีทับทิมโตเท่าหัวแม่มือขึ้นไปให้ใช้ทับทิมถูไปมาที่ใบหน้าและหน้า ผากในตอนเช้าทุกวันผู้นั้นก็จะมีใบหน้าผ่องใสใบหน้าไม่เหี่ยวย่นเป็นหนุ มเป็นสาวเสมอไม่ค่อยแก่เฒ่า
ประโยชน์ของเพชร
-เพชรมีประโยชน์ดังนี้
-เพชรถ้ามีตำหนิเอามาบดเป็นผงละเอียดจะกลายเป็นยาพิษที่ร้ายแรง เพชรถ้าไม่มีตำหนิเอามาบดเป็นผงจะกลับกลายเป็นยาอายุวัฒน์ชั้นยอดเลยที เดียว เพชรยังช่วยปกป้องความฝันให้เป็นจริงและยังช่วยสามารถทำให้เราคาดการณ์ ในภายภาคหน้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพชรมีการกระจายแสงมากที่สุดในบรรดาอัญมณีทั้งหลาย ดังนั้นมันจึงช่วยขจัดปัดเป่าความมืดมน
ประโยชน์ของโกเมน
-โกเมนมีปะโยชน์ดังนี้
-ช่วยรักษาอาการซึมเศร้า โรคต่อมไธรอยไม่ทำงาน
-ช่วยคงความสมดุลของจักระในช่องขับถ่ายและแก้ปัญหาทางเพศได้โดยการกระตุ้น อารมณ์ปราถนาในผู้ที่มีความต้องการทางเพศต่ำและช่วยควบคุมสำหรับผู้ที่มีความ ต้องการทางเพศสูงมากเกินไป
-ช่วยสร้างความมั่นใจและนำชีวิตให้ประสบความสำเร็จ
-ช่วยทำให้โลหิตในร่างกายเกิดการไหลเวียนเป็นปกติ
ประโยชน์ของมรกต
-มรกตมีประโยชน์ดังนี้
-เป็นอัญมณีแห่งความรัก
-เป็นอัญมณีอันศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์และความซื่อสัตย์
-ช่วยกระตุ้นความจำและสมองจึงทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้สำเร็จ
-การใส่แหวนรกตขณะคลอดลูกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
-ในแง่ของจิตใจ มรกตช่วยให้ความคิดเห็นเกิดความกระจ่างและส่งเสริมความสามารถในการทำนาย
-มรกตมีผลดีสำหรับกระดูกละฟัน ถ้าคุณมีความู้สึกว่าความสัมพันธ์ด้านความรักกำลังเริ่มมีปัญหาควรจะสวมใส่มรกตไว้กับตัว
-หินที่มีสีเขียวมรกตจะเป็นผลดีต่อจักระของหัวใจสามารถสร้างความรักอันไม่มีขอบเขต
ประโยชน์ของบุษราคัม
-บุษราคัมมีปโยชน์ดังนี้
-บุษราคัมเป็นอัญมณีที่นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตและบรรเทาความเครียดและยังช่วยปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ให้รอดพ้นจากอันตราย
-เชื่อกันว่าบุษราคัมสามารถรักษาไข้หวัดและวัณโรคเพราะมีส่วนช่วยการทำงาน ของปอด ถ้าวางบุษราคัมไว้ใต้หมอนในเวลกลางคืนจะนอนหลับสบายและยังช่วยให้ร่าง กายกระชุ่มกระชวยแม้ในขณะนอนหลับ และยังช่วยคุ้มครองทางการเงิน ช่วยสร้างมิตรภาพและช่วยทำให้จิตใจเกิดความกล้าหาญอีกด้วย
ประโยชน์ของไพลิน
-ไพลินมีประโยชน์ดังนี้
- เสริม ดวงชะตา เสริมบารมีให้ผู้คนรักใคร่นับถือ สามารถใช้ได้ทั้งชาย และหญิง แต่หากเป็นหญิงที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต ควรสวมใส่ไพลินไว้เป็นเครื่องประดับ จะช่วยลดปัญหาระหว่างลูกน้องกับหัวหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ไพลินยังเหมาะกับผู้ที่ต้องใช้สมาธิ มีสติตลอดเวลา ช่วยให้เกิดความไม่ประมาท ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับผู้ป่วยที่พักฟื้นเกี่ยวกับระบบประสาท หรือผ่าตัดสมองได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของนิล
-นิลมีประโยชน์ดังนี้
-นิลเป็นหินที่พบมากในประเทศไทย ที่ จ.กาญจนบุรี จ.จันทบุรี จ.ตราด สามารถปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ และคุ้มครองให้รอดพ้น จากอุบัติเหตุ หรือจากคนที่ไม่หวังดี พกติดตัวไปงานศพ ก็สามารถแก้เคล็ดให้กับคนที่ไม่ค่อยถูกกับงานศพ และคนที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอป่วยบ่อยๆ จึงควรสวมใส่หรือพกติดตัวไว้ ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และนำพาโชคลาภมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ
ประโยชน์ของโอปอล
-โอปอมีประโยชน์ดังนี้
-โอปอล (Opal) เหมาะ กับคนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในวงการมายา หรือวงการบันเทิงทุกรูปแบบ และมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือ สามารถปกป้องคุ้มครองเสริมสิริมงคล ให้กับบุคคลที่เกิดในราศีตุลย์ ซึ่งเป็นการเสริมดวงชะตาให้เฉพาะกับราศีนี้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ นอกจากนี้ คนโบราณยังมีความเชื่อเรื่องการเสริมเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามให้มารักใคร่ เสน่หาอีกด้วย
-โอปอลที่สวยที่สุดในโลกคือโอปอลจากประเทศเอธิโอเปีย
กรุณาเปิดดูความสวยงามของโอปอลจากปนะเทศเอธิโอเปียที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้
https://www.opalauctions.com/learn/opal-information
เลขที่เป็นธาตุ
-เลข ๑ คือธาคุไฟ เป็นธาตุไฟที่ให้พลังความร้อนและแสงสว่าง
-เลข ๒ คืดธาตุดิน เป็นดินที่ชุ่มชื่น ดินที่อยู่ริมน้ำ
-เลข ๓ คือธาตุลม เป็นลมกรด ลมแก๊ส ลมพิษ
-เลข ๔ คือธาตุน้ำ เป็นน้ำที่ขุ่นข้นมีตะกอน น้ำในลำครอง
-เลข ๕ คือธาตุดิน เป็นดินที่แห้งงวดแข็งตัว ดินในที่ดอน
-เลข ๖ คือธาตุน้ำ เป็นน้ำฝน น้ำที่กลั่นกรองแล้ว
-เลข ๗ คือธาตุไฟ เป็นไฟที่เผาไหม้ ไฟหุงต้ม
-เลข ๘ คือธาตุลม เป็นลมพายุ ลมบนผิวโลก ลมหายใจ
-เลข ๙ คืออากาศธาตุ
**หมายเหตุ:- ตัวเลขที่เป็นธาตุเหล่านี้ ใช้ทำนายร่วมกับตัวเลขที่เป็นอวัยวะร่างกายและโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อจะทำให้รู้ว่าในร่างกายมีธาตุอะไรเสียบ้าง เป็นโรคอะไร
-ถ้าต้องการจะรู้ว่าในร่างกายมีธาตุอะไรเสียบ้าง ให้ทำนายร่วมกับภพ หินะ อริ มรณะ พยายะ
-ถ้าใครมีธาตุลมเสียผู้นั้นจะมีอายุสั้น ตัวอย่าง เช่น:-
นายอนุสิทธิ์ พิมพาเลิศ
1 2 3 4 5 6 7
5 6 7 1 2 3 4
5 6 7 1 2 3 4
11 14 17 6 9 12 15
-เลข 3 ธาตุลมยู่ในภพอริ เขาจะป่วยเป็นโรคเหล่านี้คือ:-
-โรคภูมิแพ้ โรคแพ้อากาศ โรคขาดความรู้สึกในการดมกลิ่น โรคกล้ามเนื้ออักเสบ โรคเส้นเอ็นพืการ โรคโลหิตเป็นพิษ โรคอัมพฤก โรคม้ามพิการ โรคอวัยวะเพศพิการ โรคเกี่ยวกับยาเสพติด โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับ
-เลข 3 ซึ่งเป็นเลขของธาตุลมในพื้นดวงชะตาเสียคือไปตกในภพ อริ และมีเลข 12 เลขกำลังของพระราหูเป็นฐานบวกเขาจะมีอายุสั้น เพราะเป็นโรคตับ
เลขที่เป็นแร่
-เลข ๑ เป็นแร่ทองคำ
-เลข ๒ เป็นแร่เงิน
-เลข ๓ เป็นแร่เหล็ก
-เลข ๔ เป็นแร่ปรอท
-เลข ๕ เป็นแร่สังกะสี
-เลข ๖ เป็นแร่ดีบุก
-เลข ๗ เป็นแร่ตะกั่ว
-เลข ๘ เป็นแร่ทองแดง
-เลข ๙ เป็นแร่ยูเรเนี้ยม แร่เหล็กไหล
**หมายเหตุ:- เลขที่เป็นแร่เหล่านี้ใช้ทำนายร่วมกับภพ โภคา และเลขฐานบวกของภพโภคาที่เป็นเลข ๙ และ เลข ๑๒
ได้อีกด้วย
-เลขที่เป็นแร่ทั้งหลายเหล่านี้มีประโยชน์ในการทำนายดังนี้
๑.เจ้าชะตาควรจะมีแร่อะไรจึงจะทำให้เกิดมีทรัพย์สินเงินทองมาก
๒.ในบ้านเรือนของเจ้าชะตาจะฝังแร่อะไรเอาไว้จึงจะเป็นศิริมงคลและโชคลาภ
๓.แร่อะไรจึงจะถูกโฉลกกับชะตา แต่ถ้าเลขของภพโภคาไปตรงกับภพที่เสียและมีเลขฐานบวกไม่ดีห้ามมีแร่นั้นเป็นเด็ดขาด
เลขที่เป็นรสอาหาร
-เลข ๑ รสเผ็ด
-เลข ๒ รสหวาน
-เลข ๓ รสขม
-เลข ๔ รสเปรี้ยว
-เลข ๕ รสมัน
-เลข ๖ รสฝาด
-เลข ๗ รสเค็ม
-เลข ๘ รสเมา
-เลข ๙ รสซ่า หรือหลายๆรสรวมกัน
**หมายเหตุ:- เลขที่เป็นรสอาหาร ใช้ทำนายร่วมกับตัวเลขที่เป็นบุคคลเพื่อที่จะทำให้รู้ว่าคนๆนั้นเขาชอบรสอะไร และให้ดูตัวเลขในภพที่ดีที่สุดในพื้นดวงชะตาประกอบไปด้วย
การทำนายชะตาแฝด
-ชะตาแฝดแบ่งออกได้เป็น ๒ ชนิด คือ:-
๑.ชะตาแฝดร่วมครรภ์ คือเกิดในท้องแม่เดียวกัน เรียกง่ายๆว่า "ลูกฝาแฝด"
๒.ชะตาแฝดร่วมวันเดือนปีเกิดเดียวกัน
การทำนายแฝดร่วมครรภ์
-แฝดร่วมครรภ์มีหลักในการทำนายดังนี้
-ผู้ใดคลอดออกมาจากท้องแม่ก่อน ให้ใช้เลขในภพอัตตะ เป็นตัวทำนาย ผู้ใดคลอดจากท้องแม่ทีหลังให้ใช้เลขในภพ ตนุ เป็นตัวทำนาย
-ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะยก เขาทรายและเขาค้อ กาแลคซี่ อดีตนักมวยแชมโลกซึ่งเป็นฝาแฝดร่วมแม่เดียวกันมาพยาการณ์ดูเป็นตัวอย่าง
-เขาทราย กาแลคซี่ และ เขาค้อ กาแลคซี่ เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๒
เลขในพื้นดวงชะตา
ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปึกุน
6 7 1 2 3 4 5
6 7 1 2 3 4 5
5 6 7 1 2 3 4
17 20 9 5 8 11 14
-เขาทรายและเขาค้อ กาแลคซี่
-เลข 6 เป็นเลขของภพอัตตะซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพสุภะ และมีเลข 20 ซึ่งเป็นเลขกำลังของเสาร์กำลังสอง เป็นฐานบวก
ทำนายว่า "เขาค้อและเขาทรายเป็นคนขยันนักเอาเบาสู้ ตั้งใจจะเอาอะไรต้องพยายามทำสิ่งนั้นจนประสบผลสำเร็จจนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ผลสำเร็จนั้นจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะเลขของฐานบวกเป็นเลขคู่ศัตรูใหญ่ยกกำลังสอง เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วชะตาชีวิตจะเกิดความผันผวนสับสนวุ่นวายจนไม่ สามารถจะรักษาชื่อเสียงนั้นเอาไว้ได้ฐานะทางการเงินที่มีอยู่ก็จะหดหายไปจะ มีหนี้สินจนแทบจะหมดตัวจนทำให้คู่ครองต้องหลบหนีตีจาก
-เลข 7 เป็นเลขของภพหินะซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพกัมมะ โดยมีเลข 9 คือเลขกำลังของญาณ เป็นฐานบวก ทำนายว่า "ฐานะทางการเงินและการงานจะตกต่ำเงินที่ได้มาจะหมดไปงานที่ทำอยู่ก็จะดำเนิน ต่อไปไม่ได้ต้องล้มเหลว ถึงมีโชคลาภก็มีเล็กน้อยไม่สามารถเอาไปลงทุนทำอะไรได้"
-เลข 1 เป็นเลขของภพธนังซึ่งจะไปตรงกับภพสหัชชะและภพลาภะ โดยมีเลข 5 กำลังเล็กเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีโชคลาภทางการเงินเพราะมีเพื่อนให้ความช่วยเหลือแต่จะเก็บเงิน นั้นไว้ไม่อยู่จะหมดเพราะภรรยาเป็นสาเหตุ"
-เลข 2 เป็นเลขของภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพพันธุและภพพยายะ โดยมีเลข 8 กำลังของดาวอังคารเป็นฐานบวก ทำนายว่า "ญาติพี่น้องที่มีก็พึ่งพาอาศัยกันไม่ได้ต่างคนต่างไปต่างคนต่างทำไม่ค่อยจะ ลงลอยกัน แม้กระทั่งพ่อก็ยังพึ่งพาอาศัยไม่ได้จะต้องตายจากไปก่อนหรือถ้ายังมีชีวิต อยู่ก็จะเป็นโรคร้ายแรงแบบพึ่งพาอาศัยไม่ได้"
-เลข 3 เป็นเลขของภพมาตาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพทาสา โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีแม่ดีเป็นเสาหลักและที่พึ่งของลูกได้หนักเอาเบาสู้ขยันขันแข็งใน การหาเลี้ยงครอบครัวและมีสุขภาพดี"
-เลข 4 เป็นเลขของภพโภคาซึ่ไปตรงกับภพของอริและภพทาสี โดยมีเลข 14 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "โภคะสมบัติที่มีและได้มาจะถูกศัตรูฉ้อโกงและเบียดเบียนเอาไปหมดศัตรูคนนี้ เป็นผู้หญิงที่อยู่ในครอบครัวก็คงหมายถึงภรรยานั่นเองในที่สุดก็จะกลายเป็น พ่อร้างคือเลิกลากันไป"
-เลข 5 เป็นเลขของภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพมรณะ โดยมีเลข 17 เป็นฐานบวก ทำนายว่า "ภรรยาจะมาจากแดนไกลแต่จะอยู่ด้วยกันไม่นานจะต้องเลิกร้างกันไปหรือมิฉะนั้นก็จะตายจากกัน
-เขาค้อและเขาทรายมีชะตาชีวิตคล้ายๆกัน แต่จะแตกต่างกันตรงนี้ คือ:-
๑.ศีล คือศีล ๕ ข้อจะมีคนละกี่ข้อ
๒.กรรม คือการกระทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
๓.นิสัยใจคอ
๔.รสนิยม
๕.ความรู้
ศีลและกรรมจะทำให้คนเรามีความแตกต่างกันทั้งในด้านของโชคลาภความสำเร็จหน้าที่การงานฐานะทางการเงินและความร่ำรวยข้อนี้โปรดจำไว้ให้ดี
ฝาแฝดคู่ที่สองคือไก่-ไข่
-ฝาแฝดคู่ที่ ๒ คือ เฮเดนและโจซัว ชื่อเล่นว่า "ไก่ ไข่" เป็นแฝดลูกครึ่งไทย-ออสเตเรีย เกิดเมื่วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีชวด
เลขในพื้นดวงชะตา
2 3 4 5 6 7 1
6 7 1 2 3 4 5
1 2 3 4 5 6 7
9 12 8 11 14 17 13
ทำนายเฮเดน ฟิชเชอร์
-เลข 2 เป็นเลขของภพอัตตะซึ่งไปตรงกับภพพันธุและภพสุภะ โดยมีเลข 12 เลขกำลังของพระราหูเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีญาติพี่น้องดีมีส่วนผักดันให้เขาเป็นคนมีชื่อเสียงเด่นดังในสังคมจะเป็นนักแสดงที่มีชื่ิเสียงมาก แต่บั้นปลายชีวิตจะลำบากเพราะติดเหล้าและการพนัน"
-เลข 3 เป็นเลขของภพหินะซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพกัมมะ โดยมีเลข 8 เลขกำลังของดาวพระอังคารอันเป็นดาวซึ่งเป็นกำลังของตนเองเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีบุตรมี่มีนิสัยซุกซนขี้เล่นถือดีสอนยากแต่ก็เป็นคนขยันใน กิจการงานช่วยเหลือในกิจการงานของพ่อแม่ได้ดี"
-เลข 4 เป็นเลขของภพธนังซึ่งไปตรงกับภพอริและภพลาภะ โดยมีเลช 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะถูกเขาหลอกและฉ้อโกงเกี่ยวกับเรื่องเงินจนเกิดเป็นคดีใหญ่โตแต่ ก็สามารถเอาชนะได้ในที่สุด"
-เลข 5 เป็นเลขของภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพพยายะ โดยมีเลข 14 เลขกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้คู่ครองเป็นคนที่มีอายุมากเป็นแม่ร้างหรือแม่หม้ายที่มีเงิน และมีชื่อเสียง"
-เลข 6 เป็นเลขของภพมาตาซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพทาสา โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพระพุธเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีนิสัยใจคอเหมือนแม่อ่อนหวานนุ่มนวลขยันขันแข็งเป็นคนรักครอบครัวดี"
-เลข 7 เป็นเลขของภพโภคาซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพทาสี โดยมีเลข 13 เลขของมหาอุจเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะเป็นผู้มีฐานะทางการเงินดีมีฐานะร่ำรวยจะครอบครองทรัพย์สินที่ ได้มาไว้ไได้ดีไม่ค่อยเสียหาย"
-เลข 1 เป็นเลขของภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพมรณะ โดยมีเลข 9 เลขกำลังของดาวพระเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า " เจ้าชะตาจะได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อการศึกษาและหน้าที่การงาน"
ทำนายโจซัว ฟิชเชอร์
-เลข 6 เป็นเลขของภพตนุซึ่งไปตรงกับภพมาตาและภพทาสา โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพระพุธเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีนิสัยใจคอและหน้าตาเหมือนแม่ เป็นคนขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพ มีจิตสำนึกดีมีความรับผิดชอบสูง รู้จักการผ่อนปรนในการติดต่อและการเจรจา เหมาะแก่การเป็นนักการทูต"
-เลข 7 เป็นเลขของภพกฎุมพะซึ่งไปตรงกับภพโภคาและภพทาสี โดยมีเลข 13 เลขของมหาอุจ หมายถึงวาสนาเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีฐานะร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติมาก จะรักษาทรัพย์สมบัตินั้นไว้ได้ดีไม่ค่อยเสียหาย"
-เลข 1 เป็นเลขของภพสหัชชะซึ่งไปตรงกับภพม้ชฌิมาและภพมรณะ โดยมีเลข 9 เลขกำลังของดาวพระเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อการศึกษาและหน้าที่การงาน จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี"
-เลข 2 เป็นเลขของภพพันธุซึ่งไปตรงกับภพอัตตะและภพสุภะ โดยมีเลข 12 เลขกำลังของดาวพระราหูเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีญาติพี่น้องเป็นคนดีใจบุญสุนทานพึ่งพาอาศัยได้"
-เลข 3 เป็นเลขของภพปุตตะซึ่งไปตรงกับภพหินะและภพกัมมะ โดยมีเลข 8 เลขกำลังของดาวพระอังคารเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้บุตรซุกซนมีนิสัยดื้อดึงแต่ต่อมาในภายหลังก็จะมีจิตสำนึกดี ขึ้นรู้จักทำมาหากินจนมีชื่อเสียงดี"
-เลข 4 เป็นเลขของภพอริซึ่งไปตรงกับภพธนังและภพลาภะ โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะถูกศัตรูเบียดเบียนเรื่องการเงินและขัดขวางในเรื่องของโชคลาภจน ทำให้ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากสูญเสียโอกาสดีๆไปตั้งหลายครั้ง แต่ด้วยความฉลาดของเจ้าชะตาก็จะสามารทำศัตรูให้พ่ายแพ้ไปเองและทำให้โชคลาภ นั้นบังเกิดขึ้นแก่ตนได้สำเร็จ"
-เลข 5 เป็นเลขของภพปัตตนิซึ่งไปตรงกับภพปิตาและภพพยายะ โดยมีเลข 14 เลขของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีคู่ครองที่ผู้ใหญ่เป็นคนจัดหาให้แต่คู่ครองเป็นคนขี้โรคมี สุขภาพไม่ดีอายุไม่ยืนจะทำให้เจ้าชะตาเป็นหม้าย"
การทำนายแฝดร่วมชะตา
-แฝดร่วมชะตา คือแฝดที่มีวัน เดือน ปีเกิดเหมือนกัน โดยมีหลักในการทำนายดังนี้
-คนทีหนึ่ง ให้ใช้ภพอัตตะเป็นการทำนายรูปร่างและรสนิยม
-คนที่สอง ให้ใช้ภพตนุทำนายรูปร่างและรสนิยม
-ตัวอย่างของคนที่มี วัน เดือน ปี เกิดเหมือน เช่น:-
-นายเป๋ง และ นายเพ็ง เกิดในวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๕ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
เลขในพื้นดวงชะตา
5 6 7 1 2 3 4
4 5 6 7 1 2 3
5 6 7 1 2 3 4
14 17 20 9 5 8 11
ทำนาย นายเภา
-เลข 5 เป็นเลขของภพอัตตะซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพมรณะ โดยมีเลข 14 เลขกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิ
เป็น ฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาเกิดมาในตระกูลของครอบครัวที่มีฐานะทางการเงินดีจะได้เดินทางไป ต่างประเทศเพื่อการศึกษาและหน้าที่การงาน"
-เลข 6 เป็นเลขของภพหินะซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพสุภะ โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพระพุธเป็นฐาน
บวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆเพราะธุรกิจการค้าให้ระวังเรื่องธุรกิจการค้าจะมีถูกฉ้อโกง
แต่ไม่สู้จะร้ายแรงนักพอจะแก้ไขได้"
-เลข 7 เป็นเลขของภพธนังซึ่งไปตรงกับภพพันธุและภพกัมมะ โดยมีเลข 20 เลขของเสาร์กำลังสองเป็นฐาน
บวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีญาติพี่น้องและพรรคพวกเพื่อนฝูงมารบกวนเรื่องการเงินยืมเงินไป แล้วไม่ส่งคืนจนทำให้การงานของเจ้าชะตาตกต่ำจนขาดความเชื่อถือเป็นกรรมเก่า ที่เจ้าชะตาจะต้องได้รับ"
-เลข 1 เป็นเลขของภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพลาภะ โดยมีเลข 9 เลขกำลังของดาวพระเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้บุตรดีมีนิสัยเรียบร้อยมีความสุขุมเป็นผู้ใหญ่จะนำโชคลาภมาให้ เจ้าชะตาอยู่เสมอพึ่งพาอาศัยได้ดี ถ้าเจ้าชะตามีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไฟฟ้าขึ้นมาจำหน่ายจะทำให้เจ้าชะตาร่ำรวย และมีเงินทองมาก"
-เลข 2 เป็นเลขของภพมาตาซึ่งไปตรงกับภพอริและพยายะ โดยมีเลข 5 เลขพฤหัสบดีเล็กเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามักจะไม่ค่อยลงลอยกับมารดา มารดามักจะทำให้เกิดอุปสรรคยู่เสมอ"
-เลข 3 เป็นเลขของภพโภคาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิแลัภพทาสา โดยมีเลข 8 เลขกำลังของดาวพระอังคารเป็นเลขบัมากของฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้ภรรยาที่มีทรัพย์สินสมบัติมากมีฐานะทางการเงินดีและเป็นคน ขยันในกิจการภายในครอบครัวดี ฉลาดและกล้าหาญ"
-เลข 4 เป็นเลขของภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพทาสี โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้ผู้รับใช้หญิงที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีไว้เนื้อเชื่อใจได้"
ทำนาย นายเภ็ก
-เลข 4 เป็นเลขของตนุซึ่งไปตรงกับภพมัชฌิมาและภพทาสี โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวกทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้ภรรยาที่ขยันในการหาเลี้ยงครอบครัวการงานภายในบ้านก็เรียบร้อยดีและมีความซื่อสัตย์ต่อสามีมาก"
-เลข 5 เป็นเลขของภพกฎุมพะซึ่งไปตรงกับภพอัตตะและภพมรณะ โดยมีเลข 14 เลขกำลังพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาเป็นคนมีานะทางการเงินดีและจะได้มรดกจากพ่อแม่"
-เลข 6 เป็นเลขของภพสหัชชะซึ่งไปตรงกับภพหินะและภพสุภะ โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพุธเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาเมื่อเดินทางไปต่างประเทศจะมีคนให้ร้ายจนเสื่อมสียชื่อเสียงคอยขัดขวางในการกระทำของเจ้าชะตาจนเกิดความขัดข้องขึ้นในที่สุดด้วยการรู้จักการผ่อนปรนของเจ้าชะตาก็จะเอาตัวรอดไปได้ คนที่คอยขัดขวางคือผู้หญิงรูปร่างขาวท้วมคนนี้ก็คือภรรยาของเจ้าชะตานั้นเอง ข้อนี้ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าข้าพเจ้าไปเอาผู้หญิงรูปร่างขาวท้วมมาจากไหน ข้อนี้ข้าพเจ้าได้ย้อนขึ้นไปดูเลข 4 ซึ่งเป็นเลขของดาวพุธในพื้นดวง เลข 4 ในพื้นดวงเป็นเลขของภพมัชฌิมา, ภพตนุ, และภพทาสี ภพทาสีนี้แหละที่ข้าพเจ้านำเอามาร่วมในการทำนาย การทำนายย้อนขึ้นอย่างนี้ท่านผู้อ่านโปรดจดจำไว้ให้ดี เมื่อท่านทำได้อย่างนี้ท่านก็จะเข้าใจวิชาการพยากรณ์แบบเลข 7 ตัวตามแบบข้าพเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่งเลยที่เดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านก็จะกลายเป็นนักนักพยากรณ์หรือนักทำนายที่แม่นยำจนหาผู้ทัดเทียมได้ยาก"
-ลข 7 เป็นเลขของภพพันธุซึ่งไปตรงกับภพธนังและภพกัมมะ โดยมีเลข 20 เลขของเสาร์กำลังสองเป็นฐานบวก ทำนาย ว่า "เจ้าชะตาจะเกิดความเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องเงินในกิจการงานที่กระทำอยู่ คืองานขาดสภาพคล่องเพราะมีเงินหมุนเวียนในระบบน้อยเพราะญาติพี่น้องและพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นสาเหตุ แต่ไม่นานเจ้าชะตาก็สามรถทำให้งานกลับมามีสภาพคล่องเหมือนเดิมได้ไม่ล้มละลาย"
-เลข 1 เป็นเลขของภพปุตตะซึ่งไปตรงกับภพปิตาและภพลาภะ โดยมีเลข 9 เลขกำลังของดาวเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้บุตรที่มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่รูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อและจะได้รับ ความช่วยเหลือจากพ่อเป็นอย่างดี จะได้ลาภจากพ่อ ถ้าเจ้าชะตาขายเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับไฟฟ้าหรือขายเครื่องผลิตไฟฟ้าจะทำให้ร่ำรวยมาก"
-เลข 2 เป็นเลขของภพอริซึ่งไปตรงกับภพมาตาและภพพยายะ โดยมีเลข 5 เลขพฤหัสบดีเล็กเป็นฐานบวก ทำนาย ว่า "เจ้าชะตามักจะมีความคิดเห็นเรื่องความเชื่อถือเกี่ยวกับศาสนาที่ไม่ค่อยจะ ลงรอยกับมารดาจนทำให้มารดาเกิดความไม่สบายใจถึงกับล้มป่วยเสมอ"
-เลข 3 เป็นเลขของภพปัตตนิซึ่งไปตรงกับภพโภคาและภพทาสา โดยมีเลข 8 เลขกำลังของดาวพระอังคารเป็นฐานบวก ทำนายว่า "ภรรยาของเจ้าชะตาจะเป็นคนมีทรัพย์สมบัติมาก ทั้งฉลาดและขยันขันแข็งเข้มแข็งสปอร์ตพึ่งพาอาศัยได้ดีจนเจ้าชะตาต้องตกอยู่ ใต้อำนาจของนางอย่างสิ้นเชิง"
ตัวอย่างการตอบปัญหาเรื่องคำถามของคนที่มีเลขในพื้นดวงชะตาเหมือนกัน
-นายอนุศักดิ์ บุญแพง และนายเทพไทย บุญกู้ มีวันเดือนและปีเกิดตรงกันคือเกิดเมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๙ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง เลขในพื้นดวงชะตมีดังนี้
เลขในพื้นดวงชะตา
1 2 3 4 5 6 7
5 6 7 1 2 3 4
5 6 7 1 2 3 4
11 14 17 6 9 12 15
คำถามของคนที่หนึ่ง
-นายอนุศักดิ์ บุญแพง ถามเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ว่า "ผมเกิดที่จังหวัดอุทัยธานี รับราชการในกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง วิถีชีวิตในการรับราชการมีความราบรื่นดีในปี พ.ศ.๒๕๑๖ ผมมีเงินซื้อรถยนต์และปลูกบ้านและยังได้เลื่อนตำแหน่งอีกด้วย ขณะนี้ผู้ใหญ่ได้ขออัตราเงินเดือนให้ใหม่ แต่ผู้ใหญ่กว่าอีกท่านหนึ่งขอให้ผมย้ายไปเป็นสมุบัญชีผมจะไปดีหรือไม่ครับ?"
**คำเตือน:- การตอบคำามที่เขาถามมาให้ใช้หลักของอายุจร, วันจร, เดือนจร, และปีจร คำตอบจะแม่นยำที่สุด
-ตอบคำถามของนายอนุศักดิ์ บุญแพง:-
-เลขของอายุจร ไป ตกลงที่เลข 7 ในภพกัมมะซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพมัชฌิมา โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพธเป็นฐานบวก ทำนายว่า "ดีในตอนแรกคือผู้ใหญ่จะให้ความช่วยเหลือดี แต่ตอนหลังลูกน้องหรือคนใกล้ชิดจะ ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นจนถึงกับมีโทษได้"
-เลขวันจรไปตกที่เลข 4 ภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพทาสี โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวจันทร์เป็นเลขคู่มิตรและเป็นฐานบวก ทำนายว่า "การเดินทางไปรับตำแหน่งของเจ้าชะตาจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่และผู้ อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดีแต่ต่อมาในภายหลังลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับ บัญชาที่นิสัยไม่ดีจะทำให้เจ้าชะตาเกิดความเดือดร้อนมีโทษขึ้นแต่พอจะแก้ไข ได้"
-เลขของเดือนจรไปตกลงที่ภพปัตตนิซึ่งไปตรงกับภพปิตาและภพทาสี โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวจันทร์เป็นเลขคู่มิตรเป็นฐานบวก ทำนายว่า "การเดินทางไปรับตำแหน่งจะได้รับความเห็นชอบจากภรรยาและจะได้รับความช่วย เหลือจากผู้ใหญ่และลูกน้องที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดีแต่ต่อมาใน ภายหลังลูกที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาที่นิสัยไม่ดีจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น จนต้องเกิดเป็นคดีความ"
-เลขของปีจรไป ตกลงที่ภพมรณะซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพมาตา โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นเลขของฐานบวก ทำนายว่า "มารดาของเจ้าชะตาจะทุกข์ใจเกี่ยวกับคดีควมนี้มากจนล้มป่วยและเสียชีวิตได้"
-สรูปคำพยากรณ์ออกมาสั้นๆว่า "ไปไม่ดีจะเกิดเป็นคดีความและความเดือดร้อนขึ้นในภายหลัง"
คำถามของคนที่สอง
-ตอบคำถามของนายเทพไทย บุญกู้:-
-นายเทพไทย บุญกู้ ถาม เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519 "ผมเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด รับราชการในกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย วิถีชีวิตในการรับราชการไม่ค่อยจะราบรื่น ในปีพ.ศ.2516 ได้หย่าขาดจากภรรยา ถูกถอดออกจากราชการ ขณะนี้ผู้ใหญ่ให้ทำหนังสือยืนขอกลับเข้ารับราชการใหม่ อยากทราบว่าจะยืนได้สำเร็จหรือไม่?"
-ตอบคำถามของนายเทพไทย บุญกู้:-
-เลข 7 ภพกัมมะเป็นเลขของอายุจร ซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพมัชฌิมา โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพุธเป็นฐานบวก ทำนายว่า "สำเร็จแต่ช้าหน่อย"
-เลข 5 ภพมาตาเป็นเลขของวันจร ซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพมรณะ โดยมีเลข 11 เลขราชาโชคเป็นฐานบวก ทำนายว่า "ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะช่วยทำให้เบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญกลับคืนมา"
-เลข 4 ภพปัตตนิเป็นเลขของเดือนจร ซึ่งไปตรงกับภพปิตาและภพทาสี โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวจันทร์เป็นเลขของฐานบวก ทำนายว่า "ผู้ใหญ่ฝ่ายชายและภรรยามีส่วนช่วยให้ยื้นได้สำเร็จ"
-เลข 5 ภพมรณะเป็นเลขของปีจร ซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพมาตา โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก ทำนายว่า "ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะช่วยให้กลับคืนมารับราชการได้สำเร็จ"
การทำนายชะตาที่มีเลขซ้ำกันทั้ง 3 ฐาน
-หลักในการทำนายชะตาที่มีเลขซ้ำกันทั้ง ๓ ฐาน มีหลักในการทำนายดังนี้
๑.ให้ทำนายเลขในพื้นดวงชะตาไปตามลำดับ
๒.ให้ทำนายเลขของอายุจร, วันจร, เดือนจร, และเลขของปีจร ประกอบในการทำนาย
๓.ถ้าเลขในภพอัตตะก็ดี เลขในภพตนุก็ดี และเลขในภพพันธุก็ดี ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะไม่ได้อยู่ในถื่นกำเนิดหรือบ้านเกิด จะไปใช้ชีวิตในถิ่นอื่น"
๔.ให้ใช้เลขของทิศประกอบในการทำนาย
ตัวอย่างของผู้มีเลขพื้นชะตาซ้ำกันทั้ง ๓ ฐาน
-อาจารย์แสวง สารสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๗ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๒ ปีวอก เวลา ๑๗.๐๐ น.
เลขในพื้นดวงชะตา
2 3 4 5 6 7 1
2 3 4 5 6 7 1
2 3 4 5 6 7 1
6 9 12 15 18 21 3
-การทำนายเลขในพื้นดวงชะตามีดังนี้
-เลข 2 เป็นเลขของภพอัตตะซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพมรณะ โดยมีเลข 6 เลขกำลังของดาวพระอาทิตย์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีความเชื่อมั่นในนเองและมีความพยายามสูง จะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ จะได้เดินทางไปต่างประเทศ และไปประกอบอาชีพในถิ่นอื่นไม่ใช่บ้านเกิดของตนเองอย่างแน่นอน ให้ระวังจะเกิดความขัดแย้งขึ้นภายในครอบครัวเพราะภรรยาเป็นสาเหตุ
**หมายเหตุ:-
-การทำนายในข้อนี้บางคนอาจจะสงสัยว่าข้าพเจ้าไปเอาภรรยามาจากไหน?" จงดูข้าพเจ้าจะแจกแจงให้เห็นอย่างจะแจ้งไปเลย เลข 2 ที่เป็นภพอัตตะของเจ้าชะตามันเป็นเลขของดาวพระจันทร์ เลข 6 ที่เป็นเลขของฐานบวกมันเป็นเลขของดาวพระอาทิตย์ เลข 1 กับ 2 คือเลขของพระอาทิตย์และเลขของดาวพระจันทร์มาคู่กัน จะเป็นเลขคู่แห่งความขัดแย้ง ทีนี้ถ้าเราอยากรู้ว่าเจ้าชะตาจะเกิดความขัดแย้งกับใครก็ให้ดูจาก 6 ที่เป็นเลขกำลังของดาวพระอาทิตย์ ทีนี้ให้ไปดูที่เลข 1 ซึ่งเป็นเลขของพระอาทิตย์ในพื้นดวงชะตา ในพื้นดวงชะตาเลข 1 เป็นเลขของภพปัตตนิและภพทาสี คำว่า "ภรรยา" ข้าพเจ้าได้มาจากภพนี้นี้แหละ
-เลข 3 เป็นเลขของภพหินะซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพสุภะ โดยมีเลข 9 เลขของกำลังของดาวพระเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีฐานะทางการเงินค่อนข้างดีและจะดีเด่นในเรื่องของเกียรติยศชื่อเสียง"
-เลข 4 เป็นเลขของภพธนังซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพกัมมะ โดยมีเลข 12 เลขกำลังของพระราหูเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้เงินจากหน้าที่การงานและการเดินทางติดต่อค้าขายผลิตภัณฑ์ทางด้านอุตสาหกรรมบางประเภท"
-เลข 5 เป็นเลขของภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพพันธุและภพลาภะ โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวพระจันทร์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้ลาภจากพ่อและญาติพี่น้องเกี่ยวกับเรื่องของมรดก"
-เลข 6 เป็นเลขของภพมาตาซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพพยายะ โดยมีเลข 18 เลขของพระเจ้ามหาจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้บุตรหญิงที่มีนิสัยรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่มักจะเป็นคนมีโรคมาก พึ่งพาอาศัยได้น้อย"
-เลข 7 เป็นเลขของภพโภคาซึ่งไปตรงกับภพอริและภพทาสา โดยมีเลข 21 เลขกำลังของดาวพระศุกร์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะเป็นคดีความเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งปลูกสร้างที่ดินและคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา"
-เลข 1 เป็นเลขของภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพทาสี โดยมีเลข 3 เลขของดาวอังคารเล็กเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้ภรรยาที่รักครอบครัวดีแต่จะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เพราะเลข 3 อันเป็นเลขของฐานบวกเป็นเลขคู่ศัตรูใหญ่กับเลข 1 และถ้าเราจะรู็ว่า เลข 3 เป็นอะไรในพื้นดวงชะตา ถึงเป็นสาเหตุให้ภรรยาต้องตายก่อนวัยอันสมควร เราย้อนขึ้นไปดูเลข 3 ในพื้นดวง เราก็รู้ว่าเลข 3 ตกอยู่ในภพหินะ ซึ่งหมายถึงคนที่ตายจาก"
วิธีการดูการศึกษาและอาชีพ
-วิธีการดูการศึกษาและอาชีพมีหลักในการดูดังนี้
พื้นดวงชะตาของ น.ส.นฤมล ศรีบุญเรือง
เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๔ ตรงกับ วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ ปึระกา
4 5 6 7 1 2 3
5 6 7 1 2 3 4
3 4 5 6 7 1 2
12 15 18 14 10 6 9
-วิธีดูว่าเจ้าชะตาจะศึกษาและทำอาชีพไรดี?
๑.ให้ดูว่าเลขในพื้นดวงตัวไหนดีที่สุดและต้องมีฐานบวกที่ดีด้วย
๒.ให้ดูเลขในภพอัตตะประกอบด้วย เพื่อจะดูแนวความคิดของเจ้าชะตา
-ในพื้นดวงนี้เลขที่ดีที่สุดคือ เลข 4 เลข 6 เลข 1 เลข 2
-น.ส.นฤมล ศรีบุญเรือง ควรศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการสื่อสาร, การพาณิชย์, และการบัญชี
-อาชีพที่เหมาะสมกับน.ส.นฤมล ศรีบุญเรือง คืออาชีพสารสนเทศและการสื่อสาร, นักข่าว, ถ้าเป็นข้าราชการให้ทำงานที่ กระทรวงพาณิชย์และกรมบัญชีกลาง
ทำนายเลขในพื้นดวงชะตา
-เลข 4 เป็นเลขของภพอัตตะซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพสุภะ โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวพระจันทร์ซึ่งเป็นเลขคู่มิตรกับเลข 4 ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้คู่ครองดีและมีฐานะเท่าเทียมกัน"
-เลข 5 เป็นเลขของภพหินะซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพกัมมะ โดยมีเลข 18 เลขของพระเจ้ามหาจักรพรรดิเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีนิสัยดื้อดึงไม่ยอมคนง่ายๆ ต่อไปจะทำให้งานเกิดความเสียหายจนทำให้ชีวิตตกต่ำ"
-เลข 6 เป็นเลขของภพธนังซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพลาภะ โดยมีเลข 14 เลขพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก
ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะเป็นคนร่ำรวยอยู่ในขั้นเศรษฐีและมีเกียรติยศชื่อเสียงมาก"
-เลข 7 เป็นเลขของภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพพยายะ โดยมีเลข 10 เลขกำลังของดาวพระเสาร์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "พ่อของเจ้าชะตาเป็นคนกว้างขวางในวงสังคมมีพรรคพวกบริวารมาก จะเป็นป่วยเป็นโรคตายก่อนแม่"
-เลข 1 เป็นเลขของภพมาตาซึ่งไปตรงกับภพพันธุและภพทาสา โดยมีเลข 6 เลขกำลังของดาวพระอาทิตย์เป็นฐานบวก ทำนายว่า "แม่ของเจ้าชะตามีญาติพี่น้องมากและเป็นคนขยันในการประกอบอาชีพจนมีฐานะดี"
-เลข 2 เป็นเลขของภพโภคาซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพทาสี โดยมีเลข 9 เลขกำลังของดาวพระเกตุเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีลูกดีว่านอนสอนง่ายพ่อแม่พึ่งพาอาศัยได้ ถ้าเจ้าชะตาทำการผลิตเกี่ยวกับสิงที่เป็นผืนหรือแผ่นที่เป็นรูปภาพเกี่ยว แก่การบันเทิงจะดีมีชื่อเสียงมาก"
-เลข 3 เป็นเลขของภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพอริและภพพยายะ โดยมีเลข 12 เลขของกำลังของพระราหูเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามีศัตรูน้อยถึงมีก็ทำอะไรเจ้าชะตาไม่ได้ย่อมพินาศไปเองมีสุขภาพดี มีโรคน้อยและมีอายุยืน"
การดูคู่ครอง
-การดูคู่ครองมีหลักในการดูดังนี้
๑.ถ้าจะดูรูปร่าง, อุปนิสัยใจคอ, รสนิยม, แนวความคิด, และการกระทำของคู่ครอง ให้ดูเลขในภพปัตตนิ
๒.ถ้าจะดูอาชีพของคู่ครอง ให้ดูเลขในภพปัตตนิและเลขในภพสุภะประกอบกัน
๓.ให้ดูความหมายของตัวเลขประกอบกันไปด้วย เช่น:-
-น.ส.วรรณิภา แก้วไชยะ เกิดเมื่ิอวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๑ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย เวลา ๑๘.๐๐ น.
-ถาม:-จะไดคู่ครองรูปร่างอย่างไร? มีอุปนิสัยใจคอเป็นอย่างไร? มีรสนิยมอย่างไร? มีแนวความคิดอย่างไร? การกระทำของคู่ครองจะเป็นอย่างไร? และคู่ครองจะมีอาชีพอะไร?
เลขในพื้นดวงชะตา
2 3 4 5 6 7 1
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
16 5 8 11 14 17 13
-ตอบ:-เลข 6 เป็นในภพปัตตนิ
๑.เจ้าชะจะได้คู่ครองที่มีอายุมากรูปร่างขาวท้วมหน้าตาดีมีวาสนาสูง
๒.คู่ครองจะมีอุปนิสัยใจคอเป็นผู้ใหญ่ใจบุญสปอร์ตชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นนิสัย
๓.คู่ครองมีรสนิยมในทางศิลปะ, การแสดงและการประพันธ์
๔.คู่ครองมีแนวความคิดในทางสร้างสรรค์มีแนวความคิดใหม่ๆอยู่เสมอ
๕.คู่ครองชอบในการทำบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นคนขยันในการประกอบอาชีพจนมีฐานะทางการเงินดี
๖.คู่ครองมีอาชีพเป็นนักธุรกิจระดับใหญ่มีเกียรติยศชื่อเสียงดี ดวงชะตานี้ถ้าได้คู่ครองไม่ถูกกับโฉลกของตนเองจะทำให้มีคู่หลายคน
-เลข 2 เป็นเลขของภพอัตตะซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพกัมมะ โดยมีเลข 8 เลขของกำลังของดาวพระอังคารซึ่งเป็นเลขของคู่ศัตรูใหญ่ที่กล้าในการกระทำใน สิ่งที่ผิด ทำนายว่า "เจ้าชะตาชอบคบหาเพื่อนที่กล้ากระทำในสิ่งที่ผิด ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันทำงานจับจดไม่พอใจก็เลิกค่อนข้างจะเอาใจยาก"
-เลข 3 เป็นเลขของภพหินะซึ่งไปตรงกับภพพันธุและภพลาภะ โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก
ทำนายว่า "เจ้าชะตามีญาติพี่น้องเยอะแต่พึ่งพาอาศัยไม่ค่อยได้ โชคลาภมักอับเฉา หวังอะไรมักจะไม่ประสบความสำเร็จ"
-เลข 4 เป็นเลขของภพธนังซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพพยายะ โดยมีเลข 14 เลขของพระเจ้าจักรพรรดิเป็น
ฐาน บวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีลูกที่มีฐานะทางการเงินดีแต่พึ่งพาอาศัยไม่ได้ ไม่ตายก่อนก็จะเป็นโรคที่รักษายากต้องหมดเงินไปเยอะ"
-เลข 5 เป็นเลขของภพปิตาซึ่งไปตรงกับภพอริและภพทาสา โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพระพุธเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตามักจะมีความไม่ลงรอยกับพ่อ พ่อจะมีความประพฤติไม่ดีทำตนเองให้ตกต่ำจนเจ้าชะตาขาดความเชื่อถือ"
-เลข 6 เป็นเลขของภพมาตาซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพทาสี โดยมีเลข 13 เลขของมหาอุจเป็นฐานบวก
ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะได้สามีที่มีอายุมากเพราะแม่เป็นคนจัดแจงให้ สามีเป็นคนดีรักเจ้าชะตามาก"
-เลข 7 เป็นเลขของภพโภคาซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพมรณะ โดยมีเลข 16 เลขกำลังเศษฐีเป็นฐานบวก
ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีทรัพย์สมบัติมากและได้จะรับมรดกที่สามีทิ้งไว้ให้เป็นจำนวนมาก"
-เลข 1 เป็นเลขของภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพสุภะ โดยมีเลข 5 เลขของดาวพระพฤหัสบดีเล็กที่เป็นเลขคู่มิตรเป็นฐานบวก ทำนายว่า "เจ้าชะตาจะมีฐานทางการเงินดีมีความเป็นอยู่ค่อนข้างสบายเพราะผู้ใหญ่เป็นคน มอบให้"
คำถามเกี่ยวกับเรื่องของคู่ครอง
๑.ถาม:เมื่อแต่งงานไปแล้วจะดีหรือไม่?
-ตอบ:ถ้าเลขของภพปัตตนิเป็นเลขดีไปตรงกับภพที่ดีในอีกสองฐานและมีเลขฐานบวก เป็นเลขที่ดีด้วยขอรับประกันได้เลยว่าแต่งงานไปแล้วจะดีเอามากๆ แต่ถ้าเลขในฐานบวกของภพปัตตนิเป็นเลขไม่ดีแม้เลขในพื้นดวงจะดีก็ตาม แต่งงานไปแล้วะลำบากไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน.
๒.ถาม:คู่ครองจะเป็นคนดีหรือไม่?
-ตอบ:ถ้าเลขในภพปัตตนิดีไปตรงกับภพที่ดีอีกในสองฐาน และมีเลขในฐานบวกเป็นเลขที่ดีด้วยจะได้สามีที่เป็นคนดีอย่างแน่นอน แต่ถ้าเลขในภพปัตตนิไม่ดีและเลขในฐานบวกก็ไม่ดี ก็จะได้สามีที่ไม่ดี จะไม่ดีในเรื่องอะไรก็ให้ดูความสัมพันธ์ของเลขประกอบกันไปด้วยถึงจะทำนาย ได้แม่นยำดี.
๓.ถาม:คู่ครองจะเป็นคนหนุ่มหรือแก่?
-ตอบ:ถ้าเลขในภพปัตตนิไปตรงกับภพปิตาและภพมาตา หรือมีความสัมพันธ์ถึงภพทั้งสองนี้จะได้คู่ครองแก่ ถ้าไปตรงกับภพอื่นจะได้คู่ครองหนุ่ม.
๔.ถาม:แต่งงานเมื่อไหร่จึงจะดี?
-ตอบ:ให้ใช้หลักของการทายจรเป็นตัวทำนาย ถ้าเลขตัวใดไปตรงกับภพพันธุหรือมีความสัมพันธ์ถึงให้เลขของภพพันธุเป็นตัว ตัดสินชี้ขาด.
**ข้อสังเกตุ:-
๑.ถ้าเลขของภพปัตตนิไปตรงกับภพมัชฌิมาและภพทาสี เจ้าชะตาะมีคู่ครองหลายคน เว้นไว้แต่เลขในภพปัตตนินั้นจะมีความสัมพันธ์ถึงภพหินะซึ่งให้ผลว่าเป็นคน ขี้โรคและถ้าไปตรงกับภพพยายะซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีโรคประจำตัวที่รักษายากและ ต้องบาดเจ็บพิกลพิการอย่างหนึ่งอย่างใดมาก่อนก็จะมีคู่ครองคนเดียวหรืออาจจะ ไม่มีเลยก็ได้
๒.ถ้าเลขของภพมัชฌิมาไปตรงกับภพปุตตะและทาสี เจ้าชะตาจะได้กับคนที่สนิทสนมกันมาก่อน ซึ่งเหินห่างกันไปนานแล้วแต่จะกลับมาสนิทสนมกันใหม่
๓.การแต่งงานจะเร็วหรือช้าให้พิจารณาดูจากอายุจรเป็นสำคัญ เลขของอายุจรไปตกที่ภพดีหรือไม่ดีเป็นจุดสังเกตุที่สำคัญในขั้นแรก ต่อมาก็ให้ดูที่เลขของเดือนจรและปีจรเป็นจุดการดูตัวที่สอง
ความหมายของตัวเลขที่เป็นคู่ครอง
-ถ้าเลข 1 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่ครองที่พึ่งพาอาศัยได้ รูปร่างงามกระทัดรัดผิวเนื้อดำแดงไม่ค่อยแก่ แต่ใจร้อนโกรธง่ายหายเร็วเป็นกำพร้ามีใจโอบอ้อมอารีดี เจ้าชู้ความรู้ดี แต่มักดุมีคนยำเกรง"
-ถ้าเลข 2 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่ครองที่มีเชื้อสายสกุลดี รูปร่างน่ารัก ผิวขาวแต่ใจน้อยแสนงอนอ่อนไหวง่ายและเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่ได้ มีความรู้ดีมักได้เป็นหัวหน้าคน รู้จักการประจบในที ผู้คนมักเอ็นดู"
-ถ้าเลข 3 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่ครองที่มีความคิดอ่านดี รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำแดง เป็นกำพร้า ปากร้ายใจนักเลง ใจร้อนมุทะลุ
เก็บทรัพย์ไม่อยู่ มักตามใจคนฃักนำ เพื่อนฝูงรักใคร่ดี"
-ถ้าเลข 4 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่ครองที่มีหัวคิดดี ฉลาดอ่อนโยน รูปร่างท้วมเล็กน้อย ผิวขาวอมแดงหรือขาวเหลือง ทำมาหากินเก่ง รู้จักเก็บรู้จักำ รู้จักการถ่อมตน ผู้คนมักชอบใจในการเจรจา แต่มักเชื่อคนง่าย"
-ถ้าเลข 5 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่ครองที่มีหลักฐานดี ชอบทำบุญสร้างกุศล รูปร่างขาวท้วมใจคอหนักแน่นเยือกเย็นสุขุมดี รู้จักจังหวะและโอกาศอันสมควร เป็นหม้าย วางท่าสมถะผู้คนมักยกย่องนับถือ"
-ถ้าเลข 6 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่คองที่มีหลักทรัพย์ดี ใจบุญชอบในการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น รูปร่างท้วมหรือสูงโปร่ง ผิวขาวมักมีเสน่ห์อยู่ในตัว เป็นคนประณีตและพิถีพิถัน รู้จักเก็บกำรักษา ชอบความสวยงาม มักยินดีในโลภะเจตนาเป็นคนอยากได้อยากดี มีศิลปะในการพูดและการแสดง ผู้คนทั้งหลายมักนิยมชมชอบ"
-ถ้าเลช 7 เป็นเลขของภพปัตตนิ
-ทำนายว่า "จะได้คู่ครองที่มีหลักฐานมั่นคงดี เป็นหม้าย หย่าร้างหรือมีพันธะผูกพันธ์มาก่อน รูปร่างท้วมแก่ ผิวดำคล้ำ ผมบางมีความรู้ เป็นคนมีความอดทนดีใจคอมั่นคงหนักแน่น แต่พูดจาไม่ค่อยแน่นอนและมักเป็นคนเจ้าชู้"
**หมายเหตุ:-
๑.ถ้าจะให้แม่นยำและถูกต้องควรดูเลขในภพที่เกี่ยวข้องกันและเลขของฐานบวกประกอบด้วยข้อนี้จะลืมเสียมิได้โดยเด็ดขาด
๒.คนที่มีชะตาแต่งงานช้ากว่าปกติให้ดูเลขของฐานบวกประกอบจะได้รู้ว่าช้า เพราะเหตุอะไร มีอุปสรรคมาตัดรอนหรือไม่ เจ้าชะตาอาจจะเลือกมากหรืออาจจะตั้งความวังไว้สูงเกินไปเลือกเท่าไร่ก็ไม่ ถูกใจสักที
๓.การแต่งงานที่เร็วกว่ากำหนดก็เหมือนกัน ให้พิจารณาดูเลขฐานบวกของภพปัตตนิจะช่วยให้เรารู้ว่าเร็วเพราะเหตุอันใด ตลอดไปถึงการแต่งงานที่ถูกต้องตามประเพณีนิยมเป็นการสมัครใจกันเองไม่มีผู้ ขัดขวาง หรือขัดขวางแต่ก็ไม่สำเร็จ
การทำนายบุตร
-การทำนายบุตรมีหลักเกณฑ์ในการทำนายดังนี้
-บุตรคนที่ ๑ ให้ดูจากภพปุตตะ
-บุตรคนที่ ๒ ให้ดูจากภพปัตตนิ
-บุตรคนที่ ๓ ให้ดูจากภพสุภะ
-บุตรคนที่ ๔ ให้ดูจากภพลาภะ
-บุตรคนที่ ๕ ให้ดูจากภพตนุ
-บุตรคนที่ ๖ ให้ดูจากภพสหัชชะ
-ถ้ามีบุตรมากกว่า ๖ คน ให้นับเริ่มต้นที่ภพปุตตะซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่าทำนายซ้ำกันในเรื่องของรูปร่าง ลักษณะท่าทาง รสนิยม อุปนิสัยใจคอ แนวความคิดและการกระทำ และให้ดูเลขของฐานบวกประกอบด้วยเสมอ
การทำนายเพศของบุตร
๑.ถ้าเป็นเลขของดาวสุภะเคราะห์คือ ๒ ๔ ๕ ๖ ให้ทำนายเป็นเพศหญิง
๒.ถ้าเป็นเลขของดาวบาปเคราะห์คือ ๑ ๓ ๗ ๘ ให้ทำนายเป็นเพศชาย และให้ดูเลขของฐานบวกประกอบด้วย
๓.ถ้าเลขในภพปุตตะ ตรงกับเลขในภพปิตาหรือมีความสัมพันธ์ถึง แม้เลขในภพปุตตะจะเป็นเลขของดาวสุภะเคราะห์ก็ตาม ให้ทำนายเป็นเพศชายทั้งหมด
-ตัวอย่างเช่น:- น.ส.วรรณิภา แก้วไชยะ เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๑ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย
เลขในพื้นดวงชะตาของน.ส.วรรณิภา แก้วไชยะ
2 3 4 5 6 7 1
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
16 5 8 11 14 17 13
-ในพื้นดวงชะตานี้ เลขในภพปุตตะเป็นเลข 4 บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นเพศหญิง มีเลข 14 เป็นเลขของฐานบวก เลข 14 เป็น เลขของพระเจ้าจักรพรรดิซึ่งเป็นเลขของผู้ชาย ดูให้ลึกลงไปอีกให้เอาเลขฐานบวกของภพปัตตนิบวกกันคือให้เอาเลข 14 บวกกันก็จะได้เลข 5 และให้ดูเลข 5 ในพื้นดวงชะตาเป็เลขของภพปิตาซึ่ไปตรงกับภพอริและภพทาสา โดยมีเลข 17 เลขกำลังของดาวพุธเป็นเลขของฐานบวก บ่งบอกให้รู้ว่าจะได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน
-ถ้าเลขในภพปุตตะ ไปตรงกับเลขของภพมาดา หรือมีความสัมพัธ์ถึง แม้เลขในภพปุตตะจะเป็นเลขของดาวบาปเคราะห์ก็ตามให้ทำนายเป็นเพศหญิง
-ตัวอย่างเช่น:- นายอัครนันท์ มิ่งสรวงเกื้อชัย เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๙ ตรงกับวันพุธกลางคืน
แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย
เลขในพื้นดวงชะตาของนายอัครนันท์ มิ่งสรวงเกื้อชัย
1 2 3 4 5 6 7
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
15 4 7 10 13 16 19
-ในพื้นดวงชะตานี้ เลขในภพปุตตะเป็นเลข 4 บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นผู้หญิงแต่เลขในภพปัตตนิมีความสัมพันธ์ถึงภพปิตาซึ่งเป็นผู้ชาย และ เมื่อเอาเลขของฐานบวกในภพปัตตนิบวกกันคือเอาเลข 13 บวกกันก็จะได้เท่ากับ 4 ให้ดูเลข 4 ในพื้ดวงก็จะเป็นเลขของภพปิตา ให้ทำนายได้เต็มปากว่าลูกคนแรกของเจ้าชะตาเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน
การทำนายลักษณะของบุตร
-การทำนายลักษณะของบุตรว่าจะดีหรือไม่ดีให้ดูเลขในภพปุตตะเป็นสำคัญ ถ้ามันไปตรงกับภพดีก็จะได้บุตรดี แต่ถ้ามันไปตรงกับภพไม่ดีก็จะได้บุตรไม่ดี บุตรจะดีหรือไม่ดีให้ดูเลขในฐานบวกประกอบด้วยจึงจะทำนายได้ถูกต้องแม่นยำ
การคลอดลูกจะยากหรือง่าย
-การคลอดลูกจะยากหรือง่ายให้ดูเลขในภพ อัตตะ ตนุ มรณะ ถ้าตั้งอยู่ในฐานบวกคู่ศัตรู และเลขในภพปุตตะ ตั้งอยู่บนเลขฐานบวกคู่ศัตรู หรือมีความสัมพันธ์ถึงภพที่ร้ายก็จะให้ผลร้ายคือจะต้องมีการผ่าตัดออกอย่างแน่นอน
การทำนายเรื่องของบ้านเรือน,ยวดยานพาหนะ,และสถานที่ต่างๆ
-การทำนายเรื่องของบ้านเรือน, ยวดยานพาหนะ, และสถานที่ต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้ชะตาว่า
-เมื่อไหร่จะมีบ้านเรือนเป็นของตนเอง?
-เมื่อไหร่จะมีรถยนต์เป็นของตนเอง?
-เมื่อไหร่จึงจะตั้งโรงงานได้สำเร็จ?
-วิธีการพิจารณาให้ดูเลขในภพพันธุ ถ้าตั้งอยู่บนเลขของฐานบวกที่ดี และไม่ไปตรงกับภพที่ร้ายหรือมีความสัมพันธ์ถึง มีแล้วจะเจริญุ่งเรืองและถาวรดี แต่ถ้าเลขในภพพันธุตั่งอยู่บนฐานบวกที่ร้าย ตรงกับภพที่ร้ายหรือสัมพันธ์ถึง ถึงมีก็ไม่สามารถปกครองรักษาเอาไว้ได้คือไม่เจริญรุ่งเรืองในทรัพย์สมบัติ
อนึ่งการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของบ้านเรือนหรือยวดยานพานะก็เหมือนกัน เมื่อเลขจรบ่งบอกว่าดีหรือไม่ดีก็ให้
พิจรณาทำนายไปตามเกณฑ์ของเลขจรดีหรือร้ายตามที่เห็นนั้นเถิด
-ถาม:-อายุเท่าไหร่จึงจะมีรถยนต์?
-ตอบ:- วิธีการทำนายให้ปฏิบัติดังนี้
๑.ให้ดูเลขของอายุจร ถ้าเลขอายุจรไปตกเลขในภพที่ดี เลขของฐานบวกดี และสัมพันธ์ถึงภพที่ดีก็จะได้ในปีนั้น
๒.เลขอายุจรไปสิ้นสุดลงที่ภพใดก็ให้คิดเป็น พ.ศ.ปัจจุบัน และวันเดือนปีเกิดด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าจะได้รถยนต์ใน วัน
เดือน ปีอะไร
-ตัวอย่างเช่น:-
-น.ส.ชนิสา แก้วบุดดา เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ตรงกับวัน ศุกร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุล ปัจจุบันอายุได้ ๓๒ ปี
เลขในพื้นดวงชะตา
6 7 1 2 3 4 5
2 3 4 5 6 7 1
5 6 7 1 2 3 4
13 16 12 8 11 14 10
-ถาม:-เจ้าชะตาจะมีบ้านเรือนเป็นของตนเองเมื่ออายุเท่าไร่?
-ตอบ:- เลข ในภพพันธุคือเลข 5 ตรงกับภพที่ร้ายคือ ภพมรณะ แต่ตั้งอยู่บนเลขฐานบวกที่ดี เจ้าชะตาจะมีบ้านเรือนเป็นของตนเองอยู่ระหว่างอายุได้ 31 - 34 ปีอย่างแน่นอน
-ถาม:- เจ้าชะตาจะมีรถยนต์ขี่เมื่ออายุเท่าใด?
-ตอบ:- เจ้าชะตาจะมียนต์ขี่เมื่ออายุอยู่ระหว่าง 24 - 29 ปี
-ถาม:- เจ้าชะตาจะมีบริษัทเป็นของตนเองเมื่ออายุเท่าไหร่?
-ตอบ:- เจ้าชะตาจะมีบริษัทเป็นของตนเองเมื่ออายุอยู่ระหว่าง 32-34 ปี
การตรวจสอบชะตา
-การตรวจสอบชะตามีหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบดังนี้
-ถาม:- ถ้ามีคนมาให้พยากรณ์ แต่เขาไมรู้วัน เดือน ปีเกิด จะทำอย่างไร?
-ตอบ:- ถ้าคนมาให้พยากรณ์แต่ไม่รู้วันเดือนปีเกิดให้ทำดังนี้
๑.ให้เอาวันที่ เดือน และพ.ศ.ในวันที่เขามานั้น เช่น น.ส.ฤทัย ใจดี มาให้พยากรณ์ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๕๑ น. ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะแม ไม่รู้วันเดือนปีเกิด
เลขในพื้นดวงชะตาของน.ส.ฤทัย ใจดี
3 4 5 6 7 1 2
1 2 3 4 5 6 7
1 2 3 4 5 6 7
5 8 11 14 17 13 16
-เจ้าชะตามีคำถาม ๔ ข้อ คือ:-
๑.เจ้าชะตาถามว่า "จะได้แต่งงานหรือไม่?"
๒.เมื่อแต่งงานไปแล้วฐานะทางการเงินจะเป็นอย่างไร?
๓.ลูกจะพึ่งพาอาศัยได้หรือไม่?
๔.ธุรกิจที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้จะไปรอดหรือไม่?
-เริ่มทำนาย:-
๑.จะได้แต่งงานอย่างแน่นอนกับผู้ชายที่มีอายุมากมีทรัพย์สมบัติมากเป็นคน เข้มแข็งในการประกอบอาชีพและเป็นคนรัก และซื่อสัตย์ต่อครอบครัวดีมาก
๒.ฐานะทางการเงินพอปานกลางทรัพย์สมบัติที่มีอยู่จะหมดสิ้นไปมากพราะลูกและญาติพี่น้อง
๓.ลูกจะพึ่งพาอาศัยได้น้อยมาก
๔.จะดำเนินไปได้ดีเพราะสามีเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการค้าขายดีมาก
๒.ให้พยากรณ์โดยวิธีของเลขศาสตร์ การพยากรณ์โดยวิธีของเลขศาสตร์นี้จะแสดงวิธีการพยากรณ์ให้ศึกษาในบทเรียนข้างหน้า
**ข้อควรสังเกต:-
-ผู้ที่จะเป็นแพทย์หรือพยาบาลหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับแพทย์และพยาบาล เลขของวันเดือนปีเกิดมักจะตรงกับภพหินะ อริ มรณะ พยายะ หรือมีความสัมพันธ์ถึง
-ถ้าเลขในภพอัตตะไปตรงกับเลขในภพพันธุและมรณะ โดยมีเลข ๑๒ เป็นเลขฐานบวก จงทำนายไปได้เลยว่า "เจ้าชะตาเป็นคนต่างประเทศ"
การศึกษาภาคที่ ๓
-การศึกษาภาคที่ ๓ ว่าด้วยกลวิธีในการทำนายจรของวิชาเลข ๗ ตัว ซึ่งมีหลักการและวิธีการดังนี้
๑.วิธีการหาชะตาจร
๒.เกณฑ์ดีและเกณฑ์ร้ายของของชะตา
๓.เลขประจำจังหวัดและภูมิประเทศ
๔.การทำนายชั้นและตำแหน่ง
๕.การทำนายวิธีการโยกย้ายตำแหน่ง, หน้าที่การงาน, และบ้านเรือน
๖.การทำนายเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยและอายุขัย
วิธีการหาชะตาจร
-การหาชะตาจรมีหลักเกณฑ์ในการทำนายดังนี้
๑.ต้องอ่านตัวเลขในพื้นชะตาให้ถูกต้อง
๒.ต้องหาอายุจร
-วิธีการหาอายุจร ให้ตั้งเลข พ.ศ.ในปัจจุบันลงไปแล้วเอาเลขของ พ.ศ. เกิดของเจ้าชะตามาลบออกเหลือเท่าไหร่ ให้นับเป็นอายุในปัจจุบัน แต่ต้อง หักเดือนเกิดและวันเกิดออกไปด้วย ข้อนี้ควรระวังให้มากๆอาจจะผิดได้ง่ายๆ ถ้าปีเกิดของใครยังไม่ถึง วันที่ ๑๓ เมษายน จะป็นอายุเต็มไม่ได้ เช่น:-
-นายทองทิว ไผ่งาม เกิดเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๕ ตรงกับวัน อาทิตย์ ขึ้น ๓ เดือน ๒ ปีวอก
-เขามาขอให้ทำการพยากรณ์ให้เขา ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ ตรงกับวัน พฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑
-เมื่อเอา พ.ศ.ปัจจุบันคือ พ.ศ.๒๕๕๘ ตั้งแล้วลบด้วย พ.ศ.เกิด คือ ๒๕๓๕ จะได้เท่ากับ ๒๓ เพราะฉะนั้นอายุของเขายังไม่ถึง ๒๓ ปี เหลืออีก ๒๘ วัน เขาจึงจะมีอายุเต็ม ๒๓ ปี เวลาจะหาอายุจร ถ้าเราเอาเลข ๒๓ ไปหาจะผิดทันที เมื่อหาอายุจรผิดเราก็จะทำนายไม่แม่นข้อนี้ควรจะจำเอาไว้ให้ดี แต่ถ้าเอาเลข ๒๒ ไปหาอายุจรมันจะถูกและแม่นยำทันที
-การหาอายุจรตามวัยทีละหลักดังนี้
-ตัวอย่างเช่น:-
-น.ส.วรรณิภา แก้วไชยะ เกิดวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๑ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย
-ให้เอา พ.ศ.๒๕๕๘ ตั้งแล้วเอา พ.ศ.๒๕๓๑ มาลบ 2558 - 2531 = 27 อายุปัจจุบัน 27 ปี มาให้พยากรณ์เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ อายุเริ่ม 27 ปี มาได้ 5 เดือน กับ 23 วันแล้ว
เลขในพื้นดวงชะตา
2 3 4 5 6 7 1
7 1 2 3 4 5 6
7 1 2 3 4 5 6
16 5 8 11 14 17 13
-เริ่มหาอายุจร:-
-วัยที่หนึ่ง เริ่มที่เลข 2 ในภพอัตตะ
-อายุ 1 - 2 ปี อยู่ในวัยจันทร์
-อายุ 3 - 9 ปี อยู่ในวัยเสาร์
-อายุ 10 - 16 ปี อยู่ในวัยเสาร์
-วัยที่สอง เริ่มที่เลข 3 ในภพหินะ
-อายุ 17 - 19 ปี อยู่ในวัยอังคาร
-อายุ 20 ปี อยู่ในวัยอาทิตย์
-อายุ 21 ปี อยู่ในวัยอาทิตย์
-วัยที่สาม เริ่มที่เลข 4 ในภพธนัง
-อายุ 22 - 25 ปี อยู่ในวัยพุธ
-อายุ 26 - 27 ปี อยู่ในวัยจันทร์
-อายุ 28 - 29 ปี อยู่ในวัยจันทร์
-วัยที่สี่ เริ่มที่เลข 5 ในภพปิตา
-อายุ 30 - 35 ปี อยู่ในวัยพฤหัสบดี
-อายุ 36 - 38 ปี อยู่ในวัยอังคาร
-อายุ 39 - 42 ปี อยู่ในวัยอังคาร
-วัยที่ห้า เริ่มที่เลข 6 ในภพมาตา
-อายุ 43 - 48 ปี อยู่ในศุกร์
-อายุ 49 - 52 ปี อยู่ในวัยพุธ
-อายุ 53 - 56 ปี อยู่ในวัยพุธ
-วัยที่หก เริ่มที่เลข 7 ในภพโภคา
-อายุ 57 - 63 ปี อยู่ในวัยเสาร์
-อายุ 64 - 68 ปี อยู่ในวัยพฤหัสบดี
-อายุ 69 - 73 ปี อยู่ในวัยพฤหัสบดี
-วัยที่เจ็ด เริ่มที่เลข 1 ในภพมัชฌิมา
-อายุ 74 ปี อยู่ในวัยอาทิตย์
-อายุ 75 - 80 ปี อยู่ในวัยศุกร์
-อายุ 81 - 86 ปี อยู่ในวัยศุกร์ ถ้าจะนับอายุให้ถึง 100 ปี ให้เริ่มต้นที่เลข 2 วัยจันทร์ใหม่อีก
-วัยที่แปด เริ่มที่เลข 2 ในภพอัตตะ
-อายุ 87 - 88 ปี อยู่ในวัยจันทร์
-อายุ 89 - 95 ปี อยู่ในวัยเสาร์
-อายุ 96 - 102 ปี อยู่ในวัยเสาร์
-เจ้าชะตามาขอให้ทำนาย วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2558 เวลา 15.44 น. ตรงกับวันพุธ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 1
ปีมะแม
-เจ้าชะตามีคำถามอยู่ 3 ข้อ คือ:-
๑.สามีเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเขาจะมีเงินกลับมาหรือไม่?
๒.ได้เอาเงินไปลงทุนกับเพื่อนจะถูกเขาโกงหรือไม่?
๓.ไปสอบเข้าทำงานจะสอบเข้าได้หรือไม่?
-ตอบคำถามของเจ้าชะตา
-วิธีหาอายุจร เจ้าชะตามีอายุได้ 27 ปี อายุจรไปตกลงที่เลข 2 ในภพสหัชชะซึ่งไปตรงกับอัตตะและภพกัมมะ โดยมีเลข 8 เลขกำลังของดาวพระอังคาร เป็นฐานบวก ซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูใหญ่กับเลข 2 ที่เป็นเลขอายุจร
-วิธีหาวันจร ให้ดูว่าวันที่เขามาให้ทำนายนั้นเป็นวันพุธคือเลข 4 ไปตกอยู่ที่ภพไหนในแถวของวันเกิด ในข้อนี้เลข 4 ไปตกอยู่ในภพธนัง ซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพพยายะ โดยมีเลข 14 เลขกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก
-วิธีหาเดิอนจร ให้ดูว่าเดือนที่เขามาให้พยากรณ์เป็นเดือนอะไรก็ให้ดูในแถวของเดือนว่า หมายเลขของเดือนไปตกอยู่ภพไหน ในข้อนี้เขามาให้พยากรณ์ในเดือน 1 เลขของเดือนไปอยู่ที่ภพกฎุมพะ ซึ่งไปตรงกับภพมัชฌิมาและภพสุภะ โดยมีเลข 5 เลขของดาวพฤหัสบดีเล็กเป็นฐานบวก
-วิธีหาปีจร ให้ดูหมายเลขของเดือนที่เขามาให้ดูนั้นในแถวของปีเกิดว่ามันไปอยู่ที่ภพไหน ข้อนี้หมายเลขของปีเกิดคือ เลข 7 ไปอยู่ที่ภพมรณะ ซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพโภคา โดยมีเลข 16 เลขกำลังเศรษฐีเป็นฐานบวก
-ตอบคำถามข้อที่ 1:- ได้เงินมาน้อยเพราะไปเสียในการเล่นการพนันมาก
-ตอบคำถามข้อที่ 2:- จะถูกเขาโกงอย่างแน่นอน
-ตอบคำถามข้อที่ 3:- จะสอบเข้าไม่ได้
**หมายเหตุ:-
-เมื่อมีใครมาให้เราทำการพยากรณ์ จงทำนายไปโดยไม่ต้องถามเขาว่าเขามีความประสงค์จะให้ทำนายเรื่องอะไร ตอนแรกถ้าเราพิจารณาไม่รอบคอบอาจจะทำนายผิดพลาดไปบ้าง แต่ถ้าเข้าใจและรอบคอบดีแล้วจะทำนายไม่ผิดเลย ให้ถือเอาจุดทำนายจรนี้เป็นเกณฑ์ในการทำนายจรอื่นๆ ถ้าเขาบอกว่าไม่แม่นก็จะเกิดจากสาเหตุ ๒ ประการนี้คือ:-
๑.เขาบอกวันเดือนปีเกิดผิด
๒.เขาจะลองภูมิเรา
-การทำนายดีหรือร้าย ให้คุณหรือให้โทษ ให้ยึดเอาเลขของฐานบวกของตัวเลขนั้นๆเป็นจุดในการทำนาย และให้ตามทำนายไปถึงความสัมพันธ์ของภพที่สัมพันธ์ถึงกันด้วยจึงจะเต็มเปรียม ไม่มีจุดบกพร่อง
ข้อเตือนใจจากชะตาจร
-ชะตาทุกชะตาจะต้องมีทั้งชะตาดีและชะตาร้าย
-ชะตาดีมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
๑.เลขของภพอัตตะหรือตนุ จะต้องตรงกับภพที่ดี คือ ธนัง โภคา กฎุมพะ สุภะ ลาภะ หรือมีความสัมพันธ์ถึง
๒.เลขตัวใดมาตรงกับภพ ธนัง โภคา กฎุมพะ สุภะ ลาภะ ย่อมให้ผลดีเช่นเดียวกัน เว้นไว้แต่เลขในฐานบวกของภพเหล่านี้เป็นเลขในเกณฑ์ร้าย หรือเลขในภพอีก 2 ภพ ไปตรงกับภพที่ร้ายก็จะต้องตัดทอนความดีลงไปบ้าง
๓.เมื่อเลขของอายุจร เลขของวันจร เลขของเดือนจร เลขของปีจร ไปตรงกับภพทีดีทั้งหลายเหล่านี้ และเป็นเลขคู่มิตร เลขคู่ธาตุ เลขคู่สมพล เลขคู่สมพงษ์ เลขคู่อุปถัมภ์ เลขคู่โชคอนันต์ เลขคู่เกียรติยศชื่อเสียง เลขกำลังวัน และเลขกำลังพืเศษ ย่อมจะทำให้เกิดผลดีทั้งนั้น
-ส่วนชะตาร้ายมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
๑.เลขในภพอัตตะหรือตนุ ไปตรงกับเลขในภพที่ร้าย คือ หินะ อริ มรณะ พยายะ และตั้งอยู่ในเลขฐานบวกที่ร้าย
๒.เลขใดมาตรงกับภพหินะ ภพอริ ภพมรณะ ภพพยายะ หรือมีความสัมพันธ์ถึง ย่อมให้ผลร้ายดุจเดียวกัน เว้นไว้แต่เลขในฐานบวกของภพเหล่านี้เป็นเลขที่อยู่ในเกณฑ์ดีหรือเลขในอีก ๒ ภพไปตรงกับภพที่ดีก็จะทำให้ความเลวร้ายน้อยลงไปอีก เวลาทำนายก็ให้ตัดทอนความเลวร้ายลงไปอีกหน่อย
๓.เมื่ออายุจร วันจร เดือนจร ปีจร ไปตรงกับภพที่ร้ายเหล่านี้ และเป็นเลขคู่ศัตรู เลขคู่อัตคัดขัดสน เลขคู่วิวาท เลขคู่ขัดแย้ง ย่อมจะทำให้เกิดผลร้ายทั้งนั้น
เลขประจำจังหวัดและภูมิประเทศ
-จังหวัดที่ใช้เลข ๑ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๓ จังหวัด คือ:-
๑.อยุธยา
๒.อ่างทอง
๓.อุทัยธานี
-ภาคเหนือมี ๑ จังหวัด คือ:- จังหวัดอุตรดิตถ์
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี ๓ จังวัด คือ:-
๑.อุดรธานี
๒.อุบลราชธานี
๓.อำนาจเจริญ
-ภาคใต้ ไม่มี
-จังหวัดที่ใช้เลข ๒ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.กรุงเทพมหานคร
๒.กาญจนบุรี
-ภาคเหนือมี ๑ จังหวัด คือ:- จังหวัดกำแพงเพขร
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.กาฬสินธุ์
๒.ขอนแก่น
-ภาคใต้มี ๑ จังหวัด คือ:- จังหวัดกระบี่
-จังหวัดที่ใช้เลข ๓ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๔ จังหวัด คือ:-
๑.จันทบุรื
๒.ฉะเชิงเทรา
๓.ชลบุรี
๔.ชัยนาท
-ภาคเหนือมี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.เชียงใหม่
๒.เชียงราย
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี ๑ จังหวัด คือ:- จังหวัดชัยภูมิ
-ภาคใต้มี ๑ จังหวัด คือ:- จังหวัดชุมพร
-จังหวัดที่ใช้เลข ๔ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางไม่มี
-ภาคเหนือไม่มี
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มี
-ภาคใต้ไม่มี
-ถ้าจะดูเลขของ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ให้เอาอักษรตัวหน้าของหมู่ บ้าน ตำบล อำภอ ไปเทียบอักษรเป็นตัวเลข
การเทียบอักษรเป็นตัวเลข
-ก ถ ภ = เลข ๑
-ข ช ซ = เลข ๒
-ค ศ = เลข ๓
-ฆ ม = เลข ๔
-ง = เลข ๕
-จ ฉ ล ส = เลข ๖
-ฌ ฒ = เลข ๗
-ญ = เลข ๘
-ฎ ฏ = ๙
-ฐ ธ ร = ๑
-ฑ ท = ๒
-ณ น = ๓
-ด ต = ๔
-บ ป ษ = ๕
-ผ ฝ ย = ๖
-พ ฟ ฬ = ๗
-ห = ๘
-ว อ ฮ = ๙
ตัวอย่างเช่น:- บ้านหนองบอน ต.นาโป่ง อ.เมือง
-หนองบอน ห = เลข ๘
-นาโป่ง น = เลข ๓
-เมือง ม = เลข ๔
-จังหวัดที่ใช้เลข ๕ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๓ จังหวัด คือ:-
๑.ประทุมธานี
๒.ปราจีนบุรี
๓.เพชรบุรี
-ภาคเหนือมี ๖ จังหวัด คือ:-
๑.พิษณุโลก
๒.พิจิตร
๓.เพชรบูรณ์
๔.แพร่
๕.พะเยา
๖.แม่ฮองสอน
-ภาคอิสานมี ๓ จังหวัด คือ:-
๑.บุรีรัมย์
๒.มหาสารคาม
๓.มุกดาหาร
-ภาคใต้มี ๕ จังหวัด คือ:-
๑.พังงา
๒.พัทลุง
๓.ประจวบคีรีขันธ์
๔.ปัตตานี
๕.ภูเก็ต
-จังหวัดที่ใช้เลข ๖ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๗ จังหวัด คือ:-
๑.สิงห์บุรี
๒.สระบุรี
๓.สมุทรปราการ
๔.สมุทรสงคราม
๕.สมุทรสาคร
๖.สระแก้ว
๗.สุพรรณบุรี
-ภาคเหนือมี ๑ จังหวัด คือ:- สุโขทัย
-ภาคอีสานมี ๕ จังหวัด คือ:-
๑.สกลนคร
๒.ศรีสะเกษ
๓.สุรินทร์
๔.หนองคาย
๕.หนองบัวลำพู
-ภาคใต้มี ๓ จังหวัด คือ:-
๑.สุราษฎร์ธานี
๒.สงขลา
๓.สตูล
-จังหวัดที่ใช้เลข ๗ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๕ จังหวัด คือ:-
๑.นนทบุรี
๒.นครปฐม
๓.นครนายก
๔.ตลาด
๕.นครสวรรค์
-ภาคเหนือมี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.ตาก
๒.น่าน
-ภาคอีสานมี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.นครพนม
๒.นครราชสีมา
-ภาคใต้มี ๓ จังหวัด คือ:-
๑.นครศรีธรรมราช
๒.ตรัง
๓,นราธิวาส
-จังหวัดที่ใช้เลข ๘ เป็นสัญญาลักษณ์
-ภาคกลางมี ๓ จังหวัด คือ:-
๑.ลพบุรี
๒.ราชบุรี
๓.ระยอง
-ภาคเหนือมี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.ลำปาง
๒.ลำพูน
-ภาคอีสาน ๓ จังหวัด คือ:-
๑.เลย
๒.ร้อยเอ็ด
๓.ยะโสธร
-ภาคใต้มี ๒ จังหวัด คือ:-
๑.ยะลา
๒.ระนอง
**หมายเหตุ:-
-เลข ๘ ใช้เลขฐานบวก ๑๒ แทน
-เลข ๙ ใช้เลขฐานบวก ๙ แทน
-เลข ๑๐ ใช้เลขฐานบวก ๑๐ แทน
การทำนายชั้นและยศตำแหน่ง
-การทำนายยศตำแหน่งมีหลักการในการทำนายดังนี้
๑.จงพิจารณาพื้นดวงชะตาว่าเป็นพื้นดวงชะตาระดับไหน
๒.อาชีพที่เจ้าชะตากระทำอยู่ในปัจจุบันถูกต้องกับแนวความคิดของเจ้าชะตาหรือไม่
๓.ยศตำแหน่งของเจ้าชะตาบ่งบอกไว้สูงแค่ไหน
๔.มีเกณฑ์ที่จะออกจากราชการก่อนการเกษียณอายุหรือไม่
**หมายเหตุ:-
-ในเวลาทำการทำนายนั้นให้ดูว่า อายุจร และปีจร อยู่ในเกณฑ์ดีหรือร้าย มีอะไรที่ตรงกันหรือสัมพันธ์ถึงกันหรือไม่ ถ้าหากพื้นชะตาดี จรดี ย่อมให้ผลในทางดี ถ้าหากพื้นชะตาร้าย จรร้าย ย่อมให้ผลในทางร้าย ส่วนดีบ้างร้ายบ้างนั้นโปรดพิจารณาดูให้รอบคอบจงพยยามให้อยู่ในหลักเกณฑ์มาก ที่สุด
-ตัวอย่างเช่น:-
-นายนรเศรษฐ์ อรรถวิภาควาที เกิดเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๑ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๗ ปีชวด เจ้าชะตามีอาชีพราชการ เจ้าชะตาถามว่า "ในชีวิตราชการจะได้ยศตำแหน่งสูงขนาดไหน?"
เลขในพื้นดวงชะตา
3 4 5 6 7 1 2
7 1 2 3 4 5 6
1 2 3 4 5 6 7
11 7 10 13 16 12 15
-วิธีการทำนาย:-
๑.ให้ดูตัวเลขในภพอัตตะและตัวเลขในภพตนุ เพื่อจได้รู้ว่าเจ้าชะตามีพื้นชะตาระดับไหน
-ในพื้นชะตานี้เลขในภพอัตตะคือเลข 3 ซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพสุภะ โดยมีเลข 7 เลขของเสาร์เล็กเป็นฐานบวกซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูเล็กที่มีความหมาย "ในทางพลัดพรากจากกันและความผิดหวัง"
-ในพื้นดวงชะตาเลขในภพตนุคือเลข 7 ซึ่งไปตรงกับภพมาตาและภพทาสี โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวพระจันทร์เป็นฐานบวก เลข 2 คือเลขของดาวพระจันทร์เป็นเลขคู่ศัตรูเล็กกับเลข 7 คือเลขของดาวพระเสาร์ ด้วยวิธีการดูระดับของพื้นดวงชะตาเราก็รู้ได้ว่า "เจ้าชะตามีพื้นดวงชะตาอยู่ในระดับต่ำ"
๒.เจ้า ชะตามีอาชีพราชการ เมื่อดูระดับของพื้นดวงชะตาแล้วแสดงให้เห็นว่าเจ้าชะตามีอาชีพที่ไม่เหมาะสม กับดวงชะตาชีวิตของตนเอง เจ้าชะตาถ้ามีอาชีพเป็นกรรมกรจึงจะถูกโฉลกกับชะตาชีวิตของตนเอง เมื่อเจ้าชะตามามีอาชีพราชการ ชะตาชีวิตจะเดือดร้อนจะทุกข์ยากลำบากมาก จะเจอกับอุปสรรคที่ใหญ่ๆจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด จะมีตำแหน่งในขั้นสูงรู้สึกจะยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา จะเจอศัตรูและอุปสรรคทุกรูปแบบจนแทบจะฆ่าตัวตาย
๓.ยศตำแหน่งของเจ้าชะตาบ่งบอกไว้ต่ำ
๔.เจ้าชะตามีเกณฑ์บ่งบอกเอาไว้ว่าจะต้องได้ออกจากราชการก่อนการเกษียณอายุอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอาชีพราชการของเจ้าชะตาจะไม่ยังยืนตำแหน่งจะไม่สูง
**หมายเหตุ:-
-เลขของวันเกิด และเลขของปีเกิด จะบ่งบอกให้รู้ถึงชั้นพิเศษ
-เลขฐานของปีเกิด จะบ่งบอกให้รู้ถึงชั้นเอก
-เจ้าชะตาจะมียศตำแหน่งสูงสุดในตำแหน่งหน้าที่การงาน มีเกียรติยศชื่อเสียงดี ถ้าเป็นฆารวาสจะได้เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นสมณะจะได้เป็นเจ้าอาวาสและพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ จะมีความรู้ในพุทธธรรมได้อย่างลึกซึ่ง
การทำนายเรื่องการเดินทาง
-การทำนายเรื่องของการเดินทางไม่ว่าจะเดินทางไปทำธุรกิจอะไรก็ตามเช่น การเดินทางไปท่องเทียว การเดินทางเพื่อติดตาม การเดินทางไปเพื่อการแข่งขัน ก่อนอื่นจะต้องพิจารณาดูว่า "ในขณะนั้น เลขของอายุจร เลขของวันจร
เลขของเดือนจร และเลขของปีจร ไปตกในภพสหัชชะ ภพมรณะ และภพสุภะ หรือสัมพันธ์ถึงภพเหล่านี้หรือไม่ หากในวันนั้นไม่มีจงพิจารณาดูว่า "ในวันข้างหน้า เดือนข้างหน้า ปีข้างหน้าจะมีหรือไม่ ถ้าไม่มีจงอย่าคล้อยตามจงตรวจดูให้แน่ใจว่า "เลขพื้นชะตาถูกต้องหรือไม่ เลขวันเดือนปีเกิดถูกต้องหรือไม่ ถ้ามีเกณฑ์ได้เดินทางให้พิจารณาดูว่า "ขณะนั้นเจ้าชะตาอยู่ในเกณฑ์ดีหรือเกณฑ์ร้าย" ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีการเดินทางก็จะราบรื่นดีสะดวกและปลอดภัย ถ้าอญุ่ในเกณฑ์ร้าย การเดินทางก็จะไม่ราบรื่น จะเกิดอันตรายต้องพิจารณาดูเลขในพื้นชะตาให้รอบคอบ แม้พื้นชะตาเดิมดี จรดีก็ยิ่งดีเด่นชัดยิ่งขึ้น พื้นชะตาดีแต่จรเสียกับพื้นชะตาเสียแต่จรดี ก็ดีพอปานกลางเดินทางได้แต่ต้องระมัดระวังให้ดีอย่าประมาท แต่ถ้าพื้นชะตาเสียและจรเสียไม่ดีเลยห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด
-เจ้าชะตามีคำถาม ๔ ข้อ คือ:-
๑.จะมีเกณฑ์ได้เดินทางไปนอกหรือไม่?
๒.จะได้ไปเมื่อไหร่?
๓.จะได้ไปประเทศไหน?
๔.จะได้ไปนานเท่าใด?
-ตัวอย่างเช่น:-
-นายโจม ครองสิน เกิดเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๐ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน
-มาขอให้พยากรณ์ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๙.๒๔ น. ตรงกับวันจันทร์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะแม
เลขในพื้นดวงชะตา
4 5 6 7 1 2 3
3 4 5 6 7 1 2
5 6 7 1 2 3 4
12 15 18 14 10 6 11
-วิธีการพยากรณ์ ให้หาเลขของอายุจร วันจร เดือนจร ปีจร ก่อนเป็นอันดับแรก
-ในปี พ.ศ.2558 เจ้าชะตามีอายุได้ 2558 - 2500 เหลือเท่ากับ 58 ปี
-ให้เอาอายุจริงคืออายุที่คิดได้ในวันที่มาขอให้พยากรณ์ได้แก่เลข 58 ไปไล่หาอายุจร วันจร เดือนจร ปีจร
-เลขของอายุจรคือเลข 1 ที่อยู่ในภพลาภะ ซึ่งไปตรงกับภพมาตาและภพและภพอริ โดยมีเลข 14 เลขกำลังพระเจ้าจักรพรรดิเป็นฐานบวก
-เลขของวันจรคือเลข 2 ไปอยู่ในภพโภคา ซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพพยายะ โดยมีเลข 10 เลขกำลังของดาวพระเสาร์เป็นฐานบวกซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ให้โทษในทางพลัดพรากจากกันและความผิดหวัง
-เลขของเดือนจรคือเลข 3 ที่ไปอยู่ในภพตนุ ซึ่งไปตรงกับภพมัชฌิมาและภพทาสา โดยมีเลข 6 เลขกำลังดาวพระอาทิตย์เป็นฐานบวกซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูใหญ่กับเลข 3 ให้โทษในทางแก่งแย่งหักล้างกันและกัน
-เลขของปีจรคือเลข 5 ที่อยู่ในภพมรณะซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพหินะ โดยมีเลข 12 เลขกำลังพระราหูเป็นฐานบวกซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูเล็ก ให้โทษในทางการสูญเสีย
-ตอบคำถาม:-
๑.เลขของอายุจรบอกว่า "มีเกณฑ์จะได้ไป" แต่ไม่สามารถไปได้เพราะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้ขัดขวางเอาไว้
๒.เลขของวันจรบอกว่าผิดหวังจะไม่ได้ไป
๓.เลขของเดือนจรบ่งบอกว่าจะเกิดทะเลาะวิวาทแก่งแย้งกันกับคนที่ทำงานร่วมกันจนเป็นเหตุให้ถูกยกเลิก
๔.เลขของปีจรบ่งบอกว่าจะสูญเสียโอกาสที่จะได้ไป
การทำนายเรื่องการโยกย้าย
-การทำนายเรื่องการโยกย้ายใช้หลักการทำนายแบบเดียวกันกับการเดินทางแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ:-
๑.การโยกย้ายบ้านเรือน
๒.การโยกย้ายสถานที่
๓.การโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงาน
การโยกย้ายบ้านเรือน
-ตัวอย่างการโยกย้ายบ้านเรือน นายวาที ใจแก้ว เกิดเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐ ตรงกับวันอังคาร แรม ๕
ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู
-มาให้พยากรณ์ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๑๔.๓๔ น. ตรงกับวันจันทร์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะแม
-มีคำถามว่า
๑.ในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๙ จะย้ายบ้านไปอยู่จังหวัดนนทบุรีจะได้ย้ายหรือไม่?
๒.ย้ายไปแล้วจะดีหรือไม่?
เลขในพื้นดวงชะตา
3 4 5 6 7 1 2
5 6 7 1 2 3 4
2 3 4 5 6 7 1
10 13 16 12 15 11 7
-วิธีพยากรณ์:-
1.ให้หาเลขของอายุจร โดยการเอาพ.ศ.ปัจจุบันคือ 2558 ตั้งแล้วเอาพ.ศ.เกิดคือ 2530 มาลบ 2558 - 2530
จะ ได้ผลลัพธ์เท่ากับ 28 ในขณะมาให้พยากรณ์เจ้าชะตามีอายุได้ 28 ปี เต็ม แล้วให้เอาเลข 28 ไปไล่หาอายุจรโดยเริ่มต้นที่ภพอัตตะ เมื่อไล่ตามลำดับไปแล้วเลขของอายุจรคือเลข 5 ไปตกลงที่ภพธนัง ซึ่งไปตรงกับภพตนุและภพลาภะ โดยมีเลข 12 เลขกำลังของพระราหูเป็นฐานบวกซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูเล็กในการสูญเสีย
2.เลขของวันจรคือเลข 2 ไปตกที่ภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพมรณะ โดยมีเลข 10 เลขกำลังของดาวพระเสาร์
เป็นฐานบวกซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูเล็กกับเลข 2 ที่ให้โทษในทางพลัดพรากจากกันและความผิดหวัง
3.เลขของเดือนจรคือเลข 1 ไปตกที่ภพพันธุซึ่งไปตรงกับภพโภคาและภพทาสี โดยมีเลข 7 เลขของเสาร์เล็กเป็นฐานบวก
ซึ่งเป็นเลขคู่ธาตุกับเลข 1 ให้คุณในทางอำนาจ
4.เลขของปีจรคือเลข 7 ไปตกที่ภพทาสาซึ่งไปตรงกับภพมาตาและภพสหัชชะ โดยมีเลข 11 เลขของราชาโชคเป็นฐานบวก
-ตอบคำถาม:-
1.จะได้ย้ายอย่างแน่นอน แต่ก่อนจะได้ย้ายจะต้องมีการสูญเสียตำแหน่งหน้าที่การงานไป
2.ย้ายไปแล้วจะทำมาหากินคล่องกว่าเดิม
ทำนายการโยกย้ายสถานที่
-การโยกย้ายสถานที่ใช้หลักในการพยากรณ์เหมือนการโยกย้ายบ้านเรือน เช่น:-
-นางอรุณรัตน์ ดวงแก้ว เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๓ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๘
ปีจอ ทำงานอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด แผนกประชาสัมพันธ์ มีความประสงค์อยากจะย้ายไปอยู่แผนกที่ดินในปี ๒๕๕๙ -เจ้าชะตามีคำถามอยู่ ๒ ข้อ คือ:-
๑.ในปี พ.ศ.๒๕๕๙ จะได้ย้ายงานไปอยู่แผนกที่ดินหรือไม่?
๒.ถ้าได้ย้ายจะได้ย้ายในเดือนอะไร วันที่เท่าไหร่?
-เจ้าชะตามาขอให้พยากรณ์ ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ ในเวลา ๑๒.๒๕ น. ตรงกับวันอังคาร แรม ๔
เดือน ๑ ปีมะแม
เลขในพื้นดวงชะตา
4 5 6 7 1 2 3
1 2 3 4 5 6 7
4 5 6 7 1 2 3
9 12 15 18 7 10 13
-วิธีการทำนาย:-
1.หาเลขอายุจร
-ให้เอาพ.ศ.ปัจจุบันคือ 2558 ตั้งแล้วลบด้วยพ.ศ.เกิดคือ 2513 2558 - 2513 ได้ผลลัพธ์เท่ากับ 45 เป็นอันทราบได้ว่าในขณะที่มาขอคำทำนายเจ้าชะตามีอายุได้ 45 ปีเต็ม ให้เอาเลข 45 ไปไล่ในเลขพื้นดวงชะตา เริ่มตั้งแต่ ภพอัตตะเป็นต้นไปตามลำดับ อายุ 45 ปี เลขของอายุจรไปตกลงที่เลข 4 ในภพพันธุ ซึ่งไปตรงกับภพอัตตะและภพมรณะ โดยมีเลข 9 เลขกำลังของดาวพระเกตุเป็นฐานบวก
2.หาเลขของวันจร เลขของวันจรคือเลข 3 ไปตกลงที่ภพมัชฌิมาซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพทาสี โดยมีเลข 13 เลขของมหาอุจเป็นฐานบวก
**คำเตือน:- อธิบาย การหาเลขวันจรคือให้เอาวันที่เขามาขอให้พยากรณ์เป็นตัวหา ให้หาดูว่าเลขของวันที่เขามาขอคำพยากรณ์นั้นมันไปตกอยู่ที่ภพไหน เช่นตัวอย่างข้างบนนี้เขามาขอให้พยากรณ์ในวันอังคาร เพราะฉะนั้นจึงได้เอาวันอังคารไปหาเลขของวันจร เลขของเดีอนจรและเลขของปีจรก็หาแบบเดียวกันโปรดจำเอาไว้ให้ดี
3.หาเลขของเดือนจร เลขของเดือนจรคือเลข 1 ไปตกอยู่ในภพตนุซึ่งไปตรงกับภพมาตาและภพพยายะ โดยมีเลข 7 เลขของเสาร์เล็กเป็นฐานบวก เลข 7 เป็นเลขคู่ธาตุกับเลข 1 ให้คุณในทางอำนาจ
4.หาเลขของปีจร เลขของปีจรคือเลข 7 ไปตกอยู่ในภพลาภะซึ่งไปตรงกับภพปิตาและภพปัตตนิ โดยมีเลข 18
เลขของพระเจ้ามหาจักรพรรดิเป็นฐานบวก
-ตอบคำถามข้อที่ 1 :- ได้ย้ายไปอย่างแน่นอน 100 %
-ตอบคำถามข้อที่ 2:- จะได้ย้ายไปใน เดือน 4 วันที่ 3
ทำนายการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงาน
การทำนายเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงานใช้หลักการเดียวกันกับการโยกย้ายสถานที่ เช่น:-
-นายอัมพร บุรเชฏฐ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๗ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๘ เดือน ๑๐ ปีชวด ทำงานอยู่ที่กรมการข้าวกระทรวงเกษตร
-เจ้าชะตามีคำถามดังนี้
๑.ในปี ๒๕๕๙ จะได้ย้ายงานหรือไม่?
๒.ถ้าย้ายจะย้ายไปอยู่ที่ไหนจึงจะดี?
๓.จะได้ย้ายเมื่อไหร่?
-เจ้าชะตามาขอให้พยากรณ์เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๘.๒๗ น. ตรงกับวันพุธ แรม ๕ ค่ำ
เดือน ๑ ปีมะแม
เลขในพื้นดวงชะตา
2 3 4 5 6 7 1
3 4 5 6 7 1 2
1 2 3 4 5 6 7
6 9 12 15 18 14 10
-วิธีการพยากรณ์:-
1.หาเลขของอายุจร ให้เอาพ.ศ.2558 ตั้งแล้วลบด้วยพ.ศ.เกิด คือ 2527 2558 - 2527 = 31 เจ้าชะตาในปัจจุบันมีอายุ 31 ปี เลขของอายุจรคือเลข 3 ไปอยู่ในภพกัมมะซึ่งไปตรงกับภพหินะและภพตนุ โดยมีเลข 12 เลขกำลังของพระราหูเป็นฐานบวก ซึ่งเป็นเลขคู่ธาตุกับเลข 3 ให้คุณในทางเจ้านักเลง
2.เลข ของวันจรคือเลข 4 อยู่ในภพธนังซึ่งไปตรงกับภพกฎุมพะและภพลาภะ โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวพระจันทร์เป็นฐานบวก ซึ่งเป็นเลขคู่มิตรกับเลข 5 ให้คุณในทางความมานะพยายาม
3.เลขของเดือนจรคือเลข 1 อยู่ในภพอริซึ่งไปตรงกับภพมัชฌิมาและภพมรณะ โดยมีเลข 6 เลขกำลังดาวพระอาทิตย์เป็นฐานบวก
4.เลขของปีจรคือเลข 7 อยู่ในภพทาสีซึ่งไปตรงกับภพปุตตะและภพโภคา โดยมีเลข 10 เลขกำลังของดาวพระเสาร์เป็นฐานบวก ซึ่งเป็นเลขกำลังของตนเอง
-ตอบคำถามของเจ้าชะตา
1.เจ้าชะตามีเกณฑ์จะได้ย้าย
2.ย้ายไปอยู่ที่กรมชลประทานจึงจะดีจะมีทรัพย์สินเงินทองมาก
3.จะได้ย้ายในวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม 2559
การทำนายความเจ็บไข้ได้ป่วย
-การทำนายเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยมีหลักในการพยากรณ์ดังนี้
๑.ให้ดูจากเลขของอายุจร ถ้าเลขของอายุจรไม่ตรงกับภพเหล่านี้คือ หินะ อริ มรณะ พยายะ หรือไปตกลงที่ภพที่เป็นเลขเดียวกับภพเหล่านี้ หรือสัมพันธ์ถึงกับภพเหล่านี้ และไม่เป็นเลขคู่ศัตรู เลขคู่อัตคัดขัดสน เลขคู่วิวาท
เลขคู่ขัดแย้ง จะมีผลดี ๒๕ %
๒.เลขของวันเกิดไม่ตรงกับภพหินะ อริ มรณะ พยายะ หรือสัมพันธ์ถึง และจะต้องไม่เป็นเลขคู่ศัตรู เลขคู่อัตคัดขัดสน เลขคู่วิวาท เลขคู่ขัดแย้ง และไม่สัมพันธ์ถึงภพเหล่านี้ จะมีผลดี ๒๕ %
๓.เลขของเดือนเกิด ไม่ตรงกับภพหินะ อริ มรณะ พยายะ และไม่สัมพันธ์ถึงภพเหล่านี้ และไม่เป็นเลขคู่ศัตรู เลขคู่อัตคัดขัดสน เลขคู่วิวาท เลขคู่ขัดแย้ง และไม่สัมพันธ์ถึงเลขคู่เหล่านี้ จะมีผลดี ๒๕ %
๔.เลขของปีเกิดไม่ตรงกับภพเหล่านี้คือ หินะ อริ มรณะ พยายะ และไม่สัมพันธ์ถึงกับภพเหล่านี้ จะต้องไม่เป็นเลขคู่ศัตรู เลขคู่อัตคัดขัดสน เลขคู่วิวาท เลขคู่ขัดแย้ง และไม่สัมพันธ์ถึงภพเหล่านี้ จะมีผลดี ๒๕ %
-ตัวอย่างเช่น:- คนป่วยคือ นายอรุณเวช เก่งดี เกิดเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๐ ตรงกับวันเสาร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน
-มีญาติมาให้พยากรณ์เกี่ยวกับเขาในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๓๒ น. ตรงกับวันพุธ แรม ๕ ค่ำ
เดือน ๑ ปีมะแม
-ถาม:-
๑.เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เขาจะหายจากโรคร้ายนี้หรือไม่?
๒.จะรักษาโดยวิธีไหนเขาจึงจะหายจากโรคนี้?
๓.เขาจะมีอายุได้ประมาณกี่ปี?
เลขในพื้นดวงชะตา
7 1 2 3 4 5 6
1 2 3 4 5 6 7
7 1 2 3 4 5 6
15 4 7 10 13 16 19
-วิธีการทำนาย:-
๑.หาเลขอายุจร ให้เอา พ.ศ. ปัจจุบันตั้งแล้วเอา พ.ศ. เกิดมาลบออกคือ 2558 - 2490 = 68 เลขอายุปัจจุบันคือเลข 68 แล้วนำเอาไปไล่หาเลขของอายุจรในพื้นดวงชะตา เลขของอายุจรคือเลข 5 อยู่ในภพทาสา ซึ่งไปตรงกับภพโภคาและภพปุตตะ โดยมีเลข 16 เลขกำลังเศรษฐีเป็นฐานบวก
๒.เลขของวันจรคือเลข 4 อยู่ในภพมาตาซึ่งไปตรงกับพันธุและภพพยายะ โดยมีเลข 13 เลขของมหาอุจเป็นฐานบวก
3.เลขของเดือนจรคือเลข 1 อยู่ในภพตนุซึ่งไปตรงกับภพหินะและภพสุภะ โดยมีเลข 4 เลขของพุธเล็กเป็นฐานบวก
4.เลขของปีจรคือเลข 7 อยู่ในภพมรณะซึ่งไปตรงกับภพปัตตนิและภพอัตตะ โดยมีเลข 15 เลขกำลังของดาวพระจันทร์เป็นฐานบวก ซึ่งเป็นเลขคู่ศัตรูเล็กกับเลข 7 ให้โทษในทางพลัดพรากจากกันและความผิดหวัง
-ตอบคำถาม:-
1.ใน 125 % เขามีโอกาสหายจากโรคนี้เพียง 25 % โอกาสจะหายจากโรคนี้ยากมาก ตอบง่ายๆคือไม่หาย
2.เลขที่ดีที่สุดในพื้นดวงชะตาคือเลข 5 เป็นเลขที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ต้องสวดมนต์ไหว้พระ สวดคาถารักษาโรค
สวดคาถาต่ออายุและคาถาอายุวัฒนะ กินยาอายุวัฒนะ ทำบุญให้มากนั่งสมาธิให้มาก ปล่อยวางอย่าไปยึดติดกับเรื่อง
ของ โรคที่กำลังเป็นอยู่และเรื่องราวที่จะทำใจไม่ให้สบาย ไม่ต้องกลัวตาย ถ้าท่านทำใจได้เช่นนี้โรคจะหายไปแล้วครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว อย่ายอมแพ้โดยเด็ดขาด โรคที่เป็นอยู่อาจจะเกิดปาฏิหาริย์ก็ได้ขอให้ลองดู
3.ถ้าเขาไม่ถูกโรครุมเร้ามากเกินไป เขาจะมีอายุยืนได้ 75 ปี
การศึกษาภาคพิเศษ
-การศึกษาภาคพิเศษแบ่งออกเป็น ๖ ชนิด คือ:-
๑.การทำนายกาลชะตา
๒.ทำนายกลบทงูกินหาง
๓.ทำนายกลบทฤาษีแปลงสาร
๔.ทำนายกลบทหนุมานประสานกาย
๕.เคล็ดลับเบ็ดเตล็ด
๖.การทำนายเรื่อหายของหาย
การทำนายด้วยกาลชะตา
-การทำนายด้วยกาลชะตา ใช้เลขของยามอัฏฐกาลเป็นจุดในการทำนาย ถ้ามีคนมาขอคำพยากรณ์ต้องรู้ว่า เขามาใน วัน เดือน ปีอะไร เวลาเท่าไหร่ และในขณะที่เขามาขอให้พยากรณ์นั้นมันเป็นเลขของยามอะไร ให้ถือเอาเวลาของยามนั้นเป็นจุดในการทำนายเช่น วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖ เวลา ๙.๐๗ น. ตรงกับวันศุกร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ มีผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำแดง มาขอคำพยากรณ์ว่า "ลูกคนโตของเขาไปเล่นน้ำกับเพื่อนในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อวานนี้ซึ่งตรงกับ วันพฤหัสบดี แรม ๑ เดือน ๖ ปีเถาะ ยังไม่กลับมาบ้านจนกระทั่งปานนี้ ไมรู้หายไปไหนจะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ ขอให้ดูให้หน่อยว่า "เด็กจะเป็นอะไรหรือไม่? จะกลับมาบ้านหรือเปล่า?"
-วิธีการทำนายมีดังนี้คือ:-
๑.ให้ตั้งเลขของพื้ดวงชะตาขึ้นมา เช่น:-
6 7 1 2 3 4 5
6 7 1 2 3 4 5
4 5 6 7 1 2 3
16 19 8 11 7 10 13
-วิธีการพยาการณ์
๑.ให้ถือเอาเวลา 9.07 น. เป็นจุดในการททำนาย
๒.ต้องรู้ว่าเวลา 9.07 น. เป็นเวลาของยามอะไร
๓.เวลา 9.07 น. เป็นเลขของยามพุธะ
๔.จุดเวลาของยามพุธะุไปตกลงที่เลข 1 ในภพธนังซึ่งไปตรงกับภพสหัชชะและภพพยายะ โดยมีเลข 7 เลขของเสาร์เล็กเป็นฐาน ซึ่งเป็นเลขคู่สมพลกับเลข 1 ทำนายว่า "เด็กคนนี้ไปเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยากับเพื่อนได้เกิดอุบัติเหตุรถชนมีคนช่วย เหลือเอาไว้แล้วนำส่งโรงพยาบาล เมือมีอาการดีขึ้นแล้วก็จะออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้าน
-ตอบ:- เด็กคนนี้ไม่เป็นอะไร อีกประมาณ 6-7 ก็จะได้กลับมาบ้าน
ยามอัฏฐกาล
ยามอัฏฐกาลภาคกลางวัน ๘ ยาม
-วันอาทิตย์: สุริชะ สุกระ พุธะ จันเทา เสารี คะรู ภุมมะ สุริชะ
-วันจัทร์: จันเทา เสารี คะรู ภุมมะ สุริชะ สุกระ พุธะ จันเทา
-วันอังคาร: ภุมมะ สุริชะ สุกระ พุธะ จันเทา เสารี คะรู ภุมมะ
-วันพุธ: พุธะ จันเทา เสารี คะรู ภุมมะ สุริชะ สุกระ พุธะ
-วันพฤหัสบดี: คะรู ภุมมะ สุริชะ สุกระ พุธะ จันเทา เสารี คะรู
-วันศุกร์: สุกระ พุธะ จันเทา เสารี คะรู ภุมมะ สุริชะ สุกระ
-วันเสาร์: เสารี คะรู ภุมมะ สุริชะ สุกระ พุธะ จันเทา เสารี
เวลายามวันอาทิตย์ภาคกลางวัน
-ยามสุริชะ เวลาตั้งแต่ 6.00 น. - 7.30 น.
-สุกระ เวลาตั้งแต่ 7.30 น. - 9.00 น.
-พุธะ เวลาตั้งแต่ 9.00 น. - 10.30 น.
-จันเทา เวลาตั้งแต่ 10.30 น. - 12.00 น.
-เสารี เวลาตั้งแต่ 12.00 น. - 13.30 น.
-คะรู เวลาตั้งแต่ 13.30 น. - 15.00 น.
-ภุมมะ เวลาตั้งแต่ 15.00 น. - 16.30 น.
-สุริชะ เวลาตั้งแต่ 16.30 น. - 18.00 น.
-หลักในการจำมีดังนี้
1.ให้ท่องชื่อยามในแต่ละวันให้ได้ให้หมดเสียก่อน พยายามว่าเรื่อยๆจนคล่องปาก
2.ชื่อของยามของแต่ละวันเหมือนกันต่างแต่ว่าเวลาทำนายถ้าเขามาขอให้ทำนายใน วันไหนก็จงเอาชื่อของยามของวันนั้นขึ้นก่อนโปรดพิจารณาดูข้างบน
3.เวลาของแต่ละวันก็เหมือนกันคือเริ่มตั