1.คำศัพท์ Englishspeak.com
Vocabulary Of Englishspeak.com
http://www.englishspeak.com/th/english-lessons.cfm
http://www.stopmemo.com/2015/01/250-easy-english-conversations/
https://www.youtube.com/watch?v=uJHLX88pWPI
http://www.englishspeak.com/th/english-phrases.cfm
https://muaonpink.wordpress.com/2013/03/12/%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81-
http://www.manythings.org/audio/sentences/625.html
http://www.edufirstschool.com/learn-english/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0
What is Englishspeak.com?
Englishspeak.com is a free and award winning new system for learning to speak English. The program contains lessons that give special attention to English pronunciation and everyday language. With over 100 lessons, Englishspeak.com provides a large amount of audio content. Users have access to two different speeds of playback for each item.
Why is Englishspeak.com necessary?
Many people who have had trouble learning to speak in the past believe incorrectly that they "just are not good at learning English." In reality it is because most English class environments are not ideal for learning to speak.
The problem with most English course material is that it is not strictly focused on teaching spoken language. Students who learn from these materials often end up sounding strange and like they are reading from a textbook. In addition, most students practice with each other and not with native speakers which results in mispronunciations and bad habits that leave little room for progress.
-free (ฟรี) adj. =ฟรี, อิสระ, เสรี v.แก้, ปลดแอก, เปิดเผย
-award (อวอร์ด)n. =รางวัล v.ให้รางวัล
-win (วิน)v. =ชนะ, ได้มา n.ความมีชัย, ชัยชนะ
-system (ซิสเต็ม)n. =ระบบ, ระเบียบ
-learn (เลิร์น)v. =เรียน
-speak (สพีค)v. =พูด
-program (โปรแกรม)n. =รายการ
-content (คอนเทนท์)n. =ความจุ, สารบบ, สารบัญ, ข้อความภายใน
-lesson (เลซซัน)n. =บทเรียน
-give (กิฟว์)v. =ให้, มอบให้, ถวาย
-special (สเพคเซียล)adj. =พิเศษ, เฉพาะ
-attention (แอ็ทเทนชั่น)n. =ความสนใจ
-pronunciation (โพรนันซิเอชั่น)n. =การออกเสียง
-everyday (เอฟเวรี่เด)adj. =ทุกคน
-language (แลงเกจ)n. =ภาษา
-with (วิธ)prep. =กับ, ด้วย, โดย, ตาม
-over (โอเวอร์)prep. =มากกว่า, เหนือ, บน adj.เกิน, เหนือ, เบื้องบน Adv.เกิน, ทั่ว
-privide (โพรไวด์)v. =ให้, จัดหา, เอื้ออำนวย, เปิดช่องให้
-large (ลาจ)adj. =ใหญ่, กว้าง, มหึมา, เบ้อเร้อเทิ่ม
-amount (อะเม้านท์)n. =จำนวน, ปริมาณ, ปริมาตร. โควต้า, ผลรวม v.เท่ากับ, รวมเป็น, รวมเงิน, สรูปความ
-audio (ออดิโอ้)adj. =เสียง, เกี่ยวกับเสียง
-content (คอนเท็นท์)n. =เนื้อหา, สารบัญ adj.สำราญใจ, อิ่มอกอิ่มใจ v.สะใจ, ทำให้พึงพอใจ
-access (แอคเซส)n. =ทางเข้า
-different (ดิฟเฟอเรนทฺ)adj. =ต่าง, แตกต่าง, หลากหลาย, นานาประการ
-speed (สะพีด)n. =ความเร็ว v.เร่ง
-playback (พเลแบ็ค)v. =เล่นกลับ
-each (อิช)adj. =แต่ละ, อันละ, คนละ, รายตัว pro.ต่าง, ทุกคน, ทุกสิ่ง
-item (ไอเท็ม)n. =ชิ้น, อัน, ประการ
-notication (โนทิเคชั่น)n. =การประกาศ, การแจ้งเตือน
-homepage (โฮมเพจ)n. =หน้าแรก
-application (แอพพลิเคชั่น)n. =ใบสมัคร, คำขอร้อง, การร้องขอ
-revert (รีเวิร์ท)v. =คืนกลับ, คืนสู่, กลับสู่สภาพเดิม
-previous (พรีเวียส)adj. =ก่อน, แต่ก่อน, ข้างต้น
Why is Englishspeak.com necessary?
Many people who have had trouble learning to speak in the past believe
incorrectly that they "just are not good at learning English." In reality
it is because most English class environments are not ideal for learning
to speak.
The problem with most English course material is that it is not strictly
focused on teaching spoken language. Students who learn from these
materials often end up sounding strange and like they are reading from a
textbook. In addition, most students practice with each other and not
with native speakers which results in mispronunciations and bad habits
that leave little room for progress.
-why (วาย)adv. =ทำไม, เหตุไฉน, เพราะเหตุใด
-why, wherefore, whereto =ทำไม
-why, wherefore =ไฉน, เพราะอะไร
-whereby, why =เพราะอะไร
-neccessary (เนซเซสซะรี่)adj. =จำเป็น, สำคัญ, แน่แท้
-many (เมนิ)adj. =มาก, หลาย, นานัปการ n.จำนวนมาก , มากมาย adv.นักหนา,ครั้น
-who (ฮู) pro. =ใคร, ผู้ใด, คนไหน, ผู้ซึ่ง
-has, have (แฮส,เฮฟ) had (เฮด) had (เฮด) =มี
-have, possess, own =มี
-have, get, secure, possess, fetch =ได้
-are, be, become, have, constitute, be able to =เป็น
-use, apply, spend, consume, employ, have =ใช้
-take, get, have, obtain, procure =เอา
-drink, imbibe, sup, take, have =ดื่ม
-earn, get, harvest, have, incur, obtain =ได้รับ
-have, pot =เอาได้, ยึด
-trouble (ทรับเบิล)n. =อุปสรรค, ข้อขัดข้อง, คัวปัญหา, ความทุกข์ยากลำบาก v.รุมเร้า, ตอแย, กินเศษกินเลย
-past (พาสทฺ)adj. = อดีต, แต่ก่อน, เมื่อก่อน adv. ผ่าน prep.ผ่าน, ล่วงเลย, คล้อยตาม, พ้นไป n.อดีตกาล v.ติด =stick, mount, next to, attach, set, past
-believe (บีลีฟ)v. =เชื่อ, เชื่อถือ, ศรัทธา,ไว้วางใจ
-incorrectly (อินคอร์เรคท์ลี่)adv. =อย่างไม่ถูกต้อง, อย่างไม่เหมาะสม
-just (จั๊สท์)adv. =เพียงแค่, เพิ่ง, พอดี, สัก, ตะกี้, สดๆ adj.ยุติธรรม, เที่ยงตรง
-reality (รีแอล'ลิที) n. ความเป็นจริง,สภาพที่เป็นจริง,การคล้ายของจริง,ของจริง,ความจริง,
-because (บีคอส)conj. =เพราะ, เพราะว่า. ด้วยว่า
-most (โมสทฺ)adj., adv. =มากที่สุด, ส่วนมาก, โดยมาก n.ส่วนมากที่สุด
-class (คลาส)n. =ชั้น, ขั้น
-environment (อินไวรอนเมนทฺ)n. =สิ่งแวดล้อม
-ideal (ไอดีล)n. =อุดมคติ, อุดมการณ์, ความใฝ่ฝัน, ความเพ้อฝัน adj.ในอุดมคติ
-problem (พรอบเล็ม)n. =ปัญหา, ข้อสงสัย adj.เป็นปัญหา
-course (คอร์ส)n. =หลักสูตร, คอร์ส, รายวิชา
-material (แมททีเรียล)n. =วัตถุ, วัสดุ, เนื้อหา
-strictly (สทริคท์ลี่)adv. =อย่างเข้มงวด, อย่างเครงดรัด, อย่างกวดขัน
-focuse (โฟดัส)n. =จุดโฟกัส, จุดรวม
-teach (ทีช) taught (ทอท) taught (ทอท)v. =สอน
-language (แลงเกจ)n. =ภาษา
-student (สะทิวเด็นทฺ)n. =นักเรียน, นักศึกษา
-from (ฟรอม)prep. =จาก
-these (ดีส)pro. =เหล่านี้, พวกนี้, เช่นนี้
-often (ออฟเฟ็น)adv. =บ่อย, บ่อยๆ, เรื่อยๆ, มัก, เสมอ, เป็นนิตย์
-end (เอนดฺ)v. =จบ, สิ้นสุด n.ปลาย, ท้ายสุด, ตอนปลาย
-up (อ้๊พ) adv. =ขึ้นไป v.ขึ้น adj.สูง, เพิ่ม, เหนือ n.การขึ้น
-sound (ซาวน์ดฺ)n. =เสียง v.ออกเสียง, เปล่งเสียง
-strange (สะเทรนจฺ)adj. =แปลก, ประหลาด, น่าอัศจรรย์
-like (ไลคฺ)v. =ชอบ
-textbook (เท็คซฺบุ๊ค)n. =ตำราเรียน
-addition (แอ๊ดดิชั่น)n. =การเพิ่ม
-practice (แพรคทิค)n. =การฝึกหัด
-other (อัธเธอะ)adj. =อื่น, อื่นอีก, อีก pro.คนอื่น, อันอื่น, สิ่งอื่น
-native (เนทีฟว์)adj. =พื้นบ้าน, เนื้อแท้, พื้นเมือง, โดยสันดาน n.คนท้องถิ่น, ชนพื้นเมือง
-which (วิช)pro. =คนไหน, อันไหน, สิ่งไหน, อันที่, อันซึ่ง, อย่างใดอย่างหนึ่ง
-result (รีซัลทฺ)n. =ผล, ผลลัพธ์, คำตอบ v.บังเกิดผล, ก่อผล, เป็นผล
-mispronunciation (มิสโพรนันซิเอชั่น)n. =การออกเสียงผิด
-bad (แบด)adj. =เลว, ชั่วร้าย, ไม่ดี, ชั่ว
-habit (แฮบิท)n. =นิสัย, ความเคยชิน v.แต่งตัว, ใส่เสื้อผ้า
-leave (ลีฟว์)v. =ปล่อย, ทิ้ง, ออกจาก,สละ, ลาจาก, ร่ำลา
-little (ลิทเทิล)adj. =เล็กน้อย, น้อย, นิดหน่อย, ขจิริด
-room (รูม)n. =ห้อง
-progress (โพรเกรส)v. =ก้าวหน้า, เจริญ n.ความก้าวหน้า, ความเจริญรุ่งเรือง
What are the Benefits?
Huge amount of audio content.
Normal and slow playback speeds.Analysis features pronunciation, literal translation, meaning, and characters. 2500 common vocabulary and phrase items. Free.
How are we different?
Each English lesson simulates a conversation between the user and a native speaker. Users are put in a variety of real world situations and take part in conversations using the most frequently used english words and english
grammar. There is a tremendous emphasis put on pronunciation. Users have access to normal and slow playback speeds for each conversation, sentence, and word. Place your cursor over any word in the program and it will be pronounced slowly by our instructor, not by a computer generated voice.
benefit (เบเนฟิท)n. =ประโยชน์, รายได้, สิทธิพิเศษ, สารประโยชน์, ผลดี
huge (ฮิวจฺ)adj. =ใหญ่, มหาศาล, มหึมา, เบ้อเริ่มเทิ่ม
normal (นอร์มัล)adj. =ปกติ, ธรรมดา, เป็นมาตรฐาน n.แบบอย่าง, บรรทัดฐาน
slow (สะโลว์)v. =ช้า adj.ช้า, อืดอาด, เหงืองหง่อย, ค่อยๆ
analysis (อะนาลิซิส)n. =การวิเคราะห์, การวินิจฉัย, การพินิจพิเคราะ์
feature (ฟีเชอะ)n. =ลักษณะ, รูปแบบ, หน้าตา v.แสดงลักษณะ, ทำให้เด่น
literal (ลิทเทอะรัล)adj. =แท้จริง, ตามลักษณะ, ตามตัวหนังสือ
translation (ทรานสะเลชั่น)n. =การแปล
mean (มีน)v. =หมายความว่า, มุ่งหมาย, เจตนา adj.เฉลี่ย,ตระหนี่, เหนียวแน่น
character (แคแร็กเทอะ)n. =ตัวอักษร, อักขระ
common (คอมมอน)adj. =สามัญ, ธรรมดา
vocabulary (โวแคบบิวละรี่)n. =คำศัพท์
phrase (เฟรซ)n. =วลี, กลุ่มคำ
items (ไอเท็ม)n. = ข้อ, ข่าว, เรื่อง, อัน
different (ดิฟเฟอะเร็นทฺ)adj. =แตกต่าง, ซึ่งแตกต่าง, แปลกหูแปลกตา, หลายชนิด
lesson (เลซซัน)n. =บทเรียน
simulate (ซิมมิวเลท)v. =เสแสร้ง, แกล้งทำ
conversation (คอนเวอะเซชั่น)n. =การสนทนา, บทสนทนา
between (บีทะวีน)prep., adv. =ระหว่าง, ในระหว่าง
user (ยูเซอะ)n. =ผู้ใช้
put (พุท)v. =ใส่, วาง, บรรจุ, ยัด
-put in =ใส่ใน
-put on =สวมใส่
-put off =ชลอ
-put up =นำขึ้น
-put out =ยวนยี
-put into =ใส่ลงไปใน
variety (วะไรอิทิ)n. =ความหลากหลาย, ความแตกต่างกัน
real (รีล)adj. =จริง, แท้, แท้จริง, โดยแท้, จริงใจ
word (เวิร์ด)n. =คำ, ถ้อยคำ, คำพูด v.ใช้ถ้อยคำ, พูดมาก
situation (ซิทยูเอชั่น)n. =สถานการณ์
take (เทค)v. =เอา, กิน, จับ, หยิบ, พก, ฉกฉวย, เสพ, ดื่ม
-take off v. =เวิก, บินขึ้น, ลาพัก, เปลื้องผ้า
-take care v. =ดูแล, ฟูมฟัก
-take over v. =รับช่วงต่อ
-take up v. =ใช้เวลาถึง
-take out v. =เอาออก, นำออก
part (พาร์ท)n. =ส่วน,ตอน, ชิ้น, ฝ่าย, ซีก
frequently (ฟรีเควนท์ลี่)adv. =ถี่, บ่อย, อาจิณ, ร่ำไป, กิจวัตร
grammar (แกรมม่าร์)n. =ไวยกรณ์, หลักภาษา
tremendous (ทรีเมนดัส)n. =ใหญ่โต, มหึมา, น่าเกรงขาม
emphasis (เอ็มพะซิส)n. =การเน้น
sentence (เซนเทนซฺ)n. =ประโยค v.ตัดสินโทษ
place (เพลซ)n. =สถานที่, บริเวณ, เขต, จุดหมาย, ฐานะ, ตำแหน่ง, สถานการณ์
cursor (เคอเซอะ)n. =แถบสว่าง, แถบกะพริบ
program (โพระแกรม)n. =รายการ, โครงการ, แผน, หมายกำหนดการ, สูจิบัตร
pronounced (โพระนาวซทฺ)adj. =แน่ชัด, ชัดแจ้ง, ที่เปล่งเสียง
instructor (อินสทรัคเทอะ)n. =ผู้สอน, ครู, อาจารย์, อาจารย์ในมหาวิทยาลัย
computer (คอมพิวเทอะ)n. =คอมพิวเตอร์, คณิตกรณ์, เครื่องคำนวณ
generate (เจนเนอเรท)v. =ผลิต, บังเกิด, แพร่, ทำให้แพร่หลาย, สร้าง, กำเหนิด
vioce (วอยซฺ)n. = เสียง, การออกเสียง v.ออกเสียง
โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense
Present tense แปลว่า "ปัจจุบันกาล"
-Present tense แบ่งออกเป็น 4 อย่าง คือ:-
1.Present simple tense แปลว่า "เวลาขั้นสามัญในปัจจุบัน"
-โครงสร้างของประโยคคือ: S. + v.ช่องที่ 1 เช่น:-
-She eats rice. =หล่อนกินข้าว.
2.Present continuous tense แปลว่า "เวลาที่กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน"
-โครงสร้างของประโยคคือ: S. + verb to be + v.เติ่ม ing เช่น:-
-She is eating rice. =หล่อนกำลังกินข้าว.
3.Present perfect tense แปลว่า "เวลาที่ได้สมบูรณ์แล้วในปัจจุบัน"
-โครงสร้างของประโยคคือ:s. + verb to have + v.ช่องที่ 3 เช่น:-
-She has eaten rice. =หล่อนได้กินข้าวแล้ว.
-ประโยคที่เป็น Perfect เวลาแปลเป็นไทยตัองมีคำว่า "ได้" เข้ามาด้วยเสมอ
4.Present perfect continuous tense แปลว่า "เวลาที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องที่สมบูรณ์แล้วในปัจจุบัน"
-โครงสร้างของประโยค คือ: S. + verb to have +been +v.เติม ing เช่น:-
-She has been eating rice. =หล่อนได้กำลังกินข้าวแล้ว.
past Tense แปลว่า "อดีตกาล"
-Past tense แบ่งออกเป็น 4 อย่าง คือ:-
1.Past simple tense แปลว่า "เวลาแบบง่ายที่เป็นอดีต"
-โครงสร้างของประโยค คือ: S. + v.ช่องที่ 2 เช่น:-
-She ate rice. =หล่อนกินข้าวแล้ว.
2.Past continuous tense แปลว่า "เวลาที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแล้วในอดีต"
-โครงสร้าง คือ: S. + was or were +v.เติ่ม ing
-She was eating rice. =หล่อนกำลังกินข้าวแล้ว.
3.Past perfect tense แปลว่า "เวลาได้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วในอดีต"
-โครงสร้าง คือ:S. + had + v. ช่องที่ 3
-She had eaten. =หล่อนได้กินข้าวแล้ว.
4.Past perfect continuous tense แปลว่า "เวลาที่ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แล้วในอดีต"
-โครงสร้าง คือ: S. + had + been + v.เติม ing
-She had been eating rice. =หล่อนได้กำลังกินข้าวแล้ว. (กินอย่างต่อเนื่อง)
Future tense แปลว่า "อนาคตกาล"
-Future tense แบ่งออกเป็น 4 อย่าง คือ:-
1.Future simple tense แปลว่า "เวลาแบบง่ายในอนาคตกาล"
-โครงสร้างของประโยค คือ: S. + shall or will + v.ช่องที่ 1 เช่น:-
-She will eat rice. =หล่อนจะกินข้าว. (ยังไม่ได้กิน)
2.Future Continuous tense แปลว่า "เวลาที่ดำเนินต่อเนื่องไปในอนาคต"
-โครงสร้างของประโยค คือ:S. + will or shall +be +v.เติม ing เช่น:-
-She will be eating rice. =หล่อนกำลังจะกินข้าว.
3.Future Perfect tense แปลว่า "เวลาที่สมบูรณ์แล้วในอนาคต"
-โครงสร้างของประโยค คือ:S. + will or shall + has or have + v.ช่องที่ 3 เช่น:-
-She will has eaten rice. =หล่อนจะได้กินแล้วข้าวแล้ว.
4.Future perfect continuous tense แปลว่า "เวลาที่ได้ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ในอนาคต"
-โครงสร้างของประโยค: S. + wii or shall + have or has + been + v.เติม ing
-She will have been eating rice. =หล่อนกำลังจะได้กินข้าวแล้ว.
Structure Sentence
http://www.slideshare.net/SawsanSalih/english-and-arabic-basic-sentence-structure-55386650
โครงสร้างประโยคบอกเล่า
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ประธานเอกพจน์กริยาเติม s, es)
I, You, We, They, Cats =eat.
He, She, It, A cat =eats.
ประธาน +กริยาช่วย+กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
-I, You, We, They, Cats +can +should +must =eat
-He, She, It, A cat + can + should + must =eat
ตัวอย่าง
-I eat a banana. =ฉันกินกล้วย.
-She eats a banana. =หล่อนกินกล้วย.
-We should eat bananas. =พวกเราควรจะกินกล้วย.
-He can eat banana. =เขาสามารถกินกล้วย.
-A cat must eat fishes. =แมวต้องกินปลา.
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
ประธาน + do/ does + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
-I, You, We, They, Cats =do not eat
-He, She, It, A cat = does not eat.
ตัวย่อ
do not = don’t (โด้นท) / does not = doesn’t (ดัสเซินท)
ตัวอย่าง
-I don’t eat a banana. =ฉันไม่กินกล้วย.
-She doesn’t eat a banana. =หล่อนไม่กินกล้วย.
ประธาน + กริยาช่วย + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
-I, You, We, They, Cats = cannot, should not =eat
-He, She, It, A cat =cannot, should not =eat
ตัวย่อ
cannot = can’t แค้นท /should not = shouldn’t ชุ๊ดดึนท / must not = mustn’t มัสซึนท
ตัวอย่าง
-I can’t eat a banana. =ผมไม่สามารถกินกล้วย.
-She shouldn’t eat a banana. =หล่อนไม่ควรกินกล้วย.
-You must not eat bananas. =คุณต้องไม่กินกล้วย.
โครงสร้างประโยคคำถาม
-การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคคำถาม ให้ดูว่ามี กริยาช่วย อยู่ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีให้เอากริยาช่วยนำหน้าได้เลย ถ้าไม่มีกริยาช่วยให้เอา Verb to do (Do, Does did) มาใช้แทน เช่น:-
-Do I, you, we, they, cats =eat?
-Does he, she, it, a cat =eat?
ตัวอย่าง
-Do you eat a banana? =คุณกินกล้วยใช่ไหม?
-Yes, I do. /No, I don’t. =ใช่ / ไม่.
-Does she eat a banana? =หล่อนกินกล้วยใช่ไหม?
-Yes, she does. /No, she doesn’t. =ใช่ / ไม่.
หลักของการแปลคำตอบ จริงๆแล้ว ต้องตอบว่า Yes, I do eat a banana. แต่เนื่องจากว่าถ้าตอบอย่างนี้มันก็จะซ้ำกับคำถาม เลยถูกตัดทอนอยู่ที่กริยาช่วยแค่นั้นพอ และเวลาแปลจะแปลว่า “ใช่” หรือ “ใช่ ผมกินกล้วย” ขึ้นอยู่กับผู้เรียนเอง แต่ขอให้เข้าใจว่า มันมีที่มาที่ไปอย่างไร
can, should, must
-I, You, We, They, Cats =eat?
-He, She, It, A cat =eat?
ตัวอย่าง
-Can you swim? =คุณสามารถว่ายน้ำได้ไหม?
-Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)
-Can’t you swim? คุณ ไม่สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำไม่เป็นใช่ไหม)
-Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)
-Should I go now? ผม ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
-Yes, you should. ใช่ (ควรไป) No, you shouldn’t. ไม่ (ไม่ควรไป)
-Must she go now? หล่อน ต้องไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
-Yes, she must. ใช่ (ต้องไป) No, she mustn’t. ไม่ (ไม่ต้องไป)
ประเด็นที่ต้องจดจำ
1. ประโยคบอกเล่า ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาจะต้องเติม s แต่ถ้าประโยคนั้นมีกริยาช่วยแทรกอยู่ด้วย ก็ไม่ต้องเติม s เช่น:-
-She swims everyday. =หล่อนว่ายน้ำทุกวัน.
-She can swim. =หล่อนสามารถว่ายน้ำได้.
-She must swim. =หล่อนต้องว่ายน้ำ.
-She should swim. =หล่อนควรจะว่ายน้ำ.
2. ประโยคปฏิเสธ และคำถาม แม้จะเป็นประธานเอกพจน์ กริยาแท้ไม่เติม s ทุกกรณี เช่น
-Does she swim everyday?
-She does not swim.
-Can she swim?
-She can’t swim.
ดูวิธีการสร้างประโยค Pinerest
https://www.pinterest.com/pin/425942077242535088/?utm_campaign=bprecs&
https://www.pinterest.com/pin/374502525248564488/
https://www.pinterest.com/pin/425942077242535060/
https://www.pinterest.com/pin/425942077242535051/
https://www.pinterest.com/pin/348466089903657253/
Active Voice กับ Passive Voice คืออะไร
ได้ยินคำเหล่านี้แล้วอย่าเพิ่งงงนะครับ มันเป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้น จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือการมาเรียนรู้โครงสร้างของประโยค ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร แตกต่างจาก
โครงสร้างของภาษาเราอย่างไร สองคำนี้เป็นชื่อเรียกประโยคในภาษาอังกฤษที่มีความแตกต่างกันสองชนิดดังนี้
-Active Voice หมายถึงประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ (ใคร ทำอะไร) เช่น:-
-Thai people eat rice. คนไทยกินข้าว (ประธานคือ คนไทย)
-Passive Voice หมายถึงประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (ใคร ถูกทำ) เช่น
-Rice is eaten by Thai people. ข้าวถูกกินโดยคนไทย (ประธานคือ ข้าว)
-โครงสร้าง Passive Voice เป็นอย่างไร มีเท่าไหร่
โครงสร้างก็คล้ายกับ Active Voice ( Tense ทั้ง 12 ที่ได้เรียนไปแล้ว ) เพียงแค่มี Verb to be มาคั่น และกริยาหลักคือ ช่อง 3 หมดเลย และมีอยู่ทั้งหมด 12 รูปแบบประโยคเช่นกัน ถ้าจะพูดให้ฟังใหม่ก็คือว่า Tense ย่อย มี 12 ตัว แต่ละตัวสามารถแบ่งออกเป็นสองชนิด ดังนี้
=คนไทยปลูกข้าวในฤดูฝน (ใครปลูกข้าว ก็คนไทยไง)
-Rice is grown in rainy season.
=ข้าวถูกปลูกในฤดูฝน (ใครปลูกไม่สน สนแต่ว่าปลูกเมื่อไหร่)
-Rice is grown by Thai people.
=ข้าวถูกปลูกโดยคนไทย (ปลูกเมื่อไหร่ไม่สน สนแต่ว่าใครปลูก)
-That woman is hitting a cat.
=หญิงคนนั้นกำลังตีแมว (ใครตี ก็ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนตี)
-A cat is being hit.
=เขาได้สร้างบ้านมาแล้วเป็นเวลาสองปี
-The house has been built for two years.
=บ้านได้ถูกสร้างมาแล้วเป็นเวลาสองปี
Past Tense
-We grew rice yesterday.
=พวกเราปลูกข้าวเมื่อวานนี้
-Rice was grown yesterday.
=ข้าวถูกปลูกเมื่อวานนี้
Future Tense
-We will grow rice tomorrow.
=เราจะปลูกข้าวพรุ่งนี
-Rice will be grown tomorrow.
=ปลาถูกกินไปแล้วโดยแมวตัวหนึ่ง ประโยคนี้เป็นการสื่อความแบบสมบูรณ์
-Mr. Tom was arrested yesterday.
1.Simple sentence (ซิมเพิล เซนเทนซ์) แปลว่า "ประโยคธรรมดา"
2.Compound sentence (คอมเพานดฺ เซนเทนซ์) แปลว่า "ประโยคร่วมกัน"
3.Complex sentence (คอมเพล็คซ์ เซนเทนซ์) แปลว่า "ประโยคคละเคล้ากัน"
นอกจากประโยคทั้ง 3 เหล่านี้แล้วยังแบ่งย่อยลงไปอีก 6 ประโยค คือ:-
-He get up at six o'clock everyday.
-My parents go to work in the town.
-bear (แบร์) bore (บอร์) born (บรอน)v. =เกิด
-I was born at Nakornpanom province.
-Because I pity you, I say so.
-Today, she doesn't go to school.
-He doesn't get up six o'clock everyday.
=เขาไม่ได้ตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกา ทุกวัน.
-My parents don't go to work in the town.
=พ่อแม่ของฉันไม่ได้ไปทำงานในเมือง.
5.ประโยคคำสั่ง, ประโยคขอร้อง, ประโยควิงวอน
เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด
กรุณาใส่ข้อความ …