2.การสร้างประโยคด้วย Question Words

 

   

                 https://www.slideshare.net/ehugas/5i-wh-words-question-words-poster-by-svetamarik
         เคล็ดลับในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 10 ข้อ
 รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษซะมากมายใช่มั้ย? ที่จริงการท่องศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเสมอไปหรอก เชิญอ่านเคล็ดลับในการเรียนศัพท์ดังต่อไปนี้แล้วนำไปใช้รับรองได้ผลดีอย่างแน่นอน!  ภาษาอังกฤษ, จำศัพท์ภาษาอังกฤษ, เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษ
   1.ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

        หมวดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ

   

     http://rianpasaonline.com/?p=456

       http://www.engisfun.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C-

ant    แอ็นท       =มด
bat    แบ็ท       =ค้างคาว
bear    แบ       =หมี
bee    บี       =ผึ้ง
beetle       บี๊เทิล       =แมลงปีกแข็ง
bird    เบิด       =นก
buffalo    บั๊ฟฟะโละ       =ควาย
butterfly    บั๊ทเทอะฟลาย   =ผีเสื้อ
camel    แค๊เมิล       =อูฐ
cat    แค็ท       =แมว
cheetah    ชี๊ทะ       =เสือชีต้าห์
chicken    ชิ๊คเคิน       =ไก่
cow    คาว       =วัว
crab    แครบ       =ปู
crocodile    คร็อกคะไดล       =จระเข้
deer    เดีย       =กวาง
dog    ดอก       =สุนัข
dolphin    ด๊อลฟิน       =ปลาโลมา
dragonfly    แดร๊เกินฟลาย   =แมลงปอ
duck    ดัค       =เป็ด
eagle    อี๊เกิล       =นกอินทรี
elephant    เอ็ลละเฟินท       =ช้าง
fish    ฟิช       =ปลา
fly    ฟลาย       =แมลงวัน
fox    ฟ็อกซ       =สุนัขจี้งจอก
frog    ฟรอก       =กบ
giraffe    เจอะร๊าฟ       =ยีราฟ
goat    โกท       =แพะ
goldfish    โก๊ลฟิช       =ปลาทอง
hamster    แฮ็มสเตอะ   
hippo    ฮิ๊พโพ       =ฮิปโป
horse    ฮอส       =ม้า
jellyfish    เจ็ลลิฟิช       =แมงกะพรุน
kangaroo      แค็งกะรู       =จิงโจ้
lion    ไล๊เยิน       =สิงโต
lobster    ล็อบสเตอะ       =กุ้งก้ามกราม
monkey    มั๊งคิ       =ลิง
mouse    เมาส       =หนู
octopus    อ็อคโทะเพิส       =ปลาหมึกยักษ์
ostrich    อ๊อสตริช       =นกกระจอกเทศ
owl    เอาล       =นกฮูก
panda    แพ็นดะ       =หมีแพนด้า
parrot    แพ๊เริท       =นกแก้ว
peacock    พี๊ค็อค       =นกยูง
penguin    เพ็นกวิน       =นกเพนกวิน
pig    พิก       =หมู
rabbit    แร็บบิท       =กระต่าย
rhino    ไร๊โน       =แรด
seahorse    ซี๊ฮอส       =ม้าน้ำ
seal    ซีล       =แมวน้ำ
shark    ชาค       =ปลาฉลาม
sheep    ชีพ       =แกะ
snail    สเนล       =หอยทาก
snake    สเนค       =งู
spider    สไป๊เดอะ       =แมงมุม
squid    สกวิด       =หมึกกล้วย
swan    สว็อน       =หงส์
starfish    สต๊าฟิช       =ปลาดาว
tiger    ไท๊เกอะ       =เสือ
turkey    เท๊อคิ       =ไก่งวง
turtle    เท๊อเทิล       =เต่า
vulture    วั๊ลเชอะ       =แร้ง
whale    เวล       =ปลาวาฬ
wolf    วูฟ       =หมาป่า
zebra    สี๊บระ       =ม้าลาย

   หมวดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับครอบครัว

       1.1ความเกี่ยวข้องกันภายในครอบครัว    เช่น:-
         -แม่มีความสัมพันธ์กับพ่อ
              -Mother  + Father
           -พ่อแม่มีความสัมพันธ์กับ ปู่ย่าตายายใช้คำศัพท์เดียวกัน
              -Parents  + Grandfather   +  Grandmother
              -Parents  +  Grandfather  +  Grandmother
           -พ่อแม่มีความสัมพันธ์กับลูกสาวลูกชาย
              -Parents  +  dauther  +  son
           -พ่อแม่มีความสัมพันธ์กับหลานเหลน
             -Parents  +  granddauther  +  grandson  +  great granddauther  +  great  grandson
         -สามีมีความสัมพันธ์กับภรรยา
            -husband  +  wife
         -สามีและภรรยามีความสัมพันธ์กับลูก
              -husband  and  wife  +  baby  +  boy  +  girl
         -สามีและภรรยามีความสัมพันธ์กับพี่ชายน้องชายและพี่สาวน้องสาว
            -husband  and  wife  +  older brother  +  younger brother
            -husband  and  wife  +  older  sister  +  younger sister
  สมาชิกในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ในทางสายเลือด
family    แฟ๊มมิลิ        =ครอบครัว
grandfather    แกร๊นฟาเธอะ    =ปู่ , ตา
grandmother    แกร๊นมัดเธอะ    =ย่า , ยาย
grandad    แกร๊นแดด    =ปู่ , ตา (ภาษาพูด)
granny    แกร๊นนิ    =ย่า , ยาย (ภาษาพูด)
father    ฟ๊าเดอะ    =พ่อ
mother    มั๊ดเดอะ    =แม่
dad    แดด    =พ่อ (ภาษาพูด)
mum    มัม    =แม่ (ภาษาพูด)
uncle    อั๊งเคิล        =ลุง , น้าชาย, อาชาย
aunt    อ๊านทึ       =ป้า , น้าหญิง , อาหญิง
brother    บรั๊ดเดอะ    =พี่ชาย , น้องชาย
sister    ซิ๋สเตอะ    =พี่สาว , น้องสาว
cousin    คั๊สเซิน    ลูกพี่ลูกน้อง
son    ซัน    =ลูกชาย
daughter    ด๊อเทอะ    =ลูกสาว
niece    นีซ    =หลานสาว (ลูกของพี่น้อง)
nephew    เน็ฟฟิว    =หลานชาย (ลูกของพี่น้อง)
grandson    แกร๊นซัน    =หลานชาย (ลูกของลูก)
granddaughter    แกร๊นดอเทอะ    =หลานสาว (ลูกของลูก)
สมาชิกในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์กันในทางกฏหมาย
in law แปลว่า ในทางกฏหมาย
mother in law    มั๊ดเดอะ อิน ลอ    =แม่ยาย
father in law    ฟ๊าเดอะ อิน ลอ    =พ่อตา
son in law    ซันอินลอ    =ลูกเขย
daughter in law    ด๊อเทอะ อิน ลอ    =ลูกสะใภ้
sister in law    ซิ๊สเตอะ อิน ลอ    =พี่สะใภ้ , น้องสะใภ้
brother in law    บรั๊ดเดอะ อิน ลอ    =พี่เขย , น้องเขย
     1.2ความเกี่ยวเนื่องของควาย
          -ควายหรือกระบือมีความเกี่ยวเนื่องกับสิ่งเหล่านี้   คือ:-
            -ชาวนา  คือ  farmer
            -กระบือตัวผู้  +  กระบือตัวเมีย  +  ลูกกระบือ
            -buffalo  +  buffalo bull  +  Female buffalo  +  calf  buffalo
            -แอก, คราด, ไถ, ทุ่งหญ้า, สนามหญ้า, หนองน้ำ, ไร่, นา
            -yoke     harrow     plow     meadow     lawn     marsh     farm     Paddy (a rice field) 

   2.เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่

      วิธีนำคำศัพท์มาเขียนเป็นเรื่องย่อๆ

      

  https://dict.meemodel.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8

     -I  am  a  farmer. I  have  three  buffalo, I  fete  them  with  soft  grass. They are completely fat. They will be plowed once a day on a daily basis. They are not lazy and good diligent, I love them so much. My  farm  has  fifty  acres. I planted 20 rai of rice, then planted herbs. Before I could do farming, I would have to do the yoke and plow it to fit the buffalo's neck.
   3.วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต

    

        http://xn----uwfr2hxa0ae2a0bgb.blogspot.com/
   4.แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น

        

           http://loadebookstogo.blogspot.com/2013/07/manner-action.html#.WOBukiDyjcs

                 คำศัพท์เกี่ยวกับการแสดงกิริยาอาการ

       -walk (วอล์ค) v. =เดิน

              -run (รัน) v. =วิ่ง

              -march (มาร์ช) v. =สาวก้าว

        -crawl (คราว) v. =คลาน

              -tiptoe (ทิพโท) v. =เดินเขย่ง, ย่องกริบ

         -drag (แดรง) v. =ดึง, ลาก

         -push (พุช) v. =ผลัก, ดัน

         -jump (จัมพ์) v. =กระโดด  (ภาษาอิสานว่า "เร่งจนสุด")

         -leap (ลีพ) v. =เผ่น, กระโจน

         -hop (ฮอพ) v. =กระโดดโลดเต้น

         -skip (สะคิพ)  v. =โจนข้าม

         -crouch (ครัช) v. = ยงโย้, หมอบคลาน, ยอบ

         -hit (ฮิท) v. =ตี, ฉะ, ตะบัน

         -stretch (สะเทรทชฺ) v. =ยืด, เหยียด, ถ่าง, ขึง

         -lift (ลิฟทฺ) v. =ยก, เวิก, ลิฟท์, เครื่องยก

         -put  down (พุท ดาวน์) v. =วางลง

         -dirve (ไดรฟ์) v. =ผลัก, ไส, ขับขี่

         -dive (ไดฟฺ) v. =กระโดดน้ำ, ดำน้ำ

         -lean (ลีน) v. =ยัน, พิง, ง้ำ, ตะแคง, พาด, เอนกาย

         -sit (ซิท) v. =นั่ง

         -squat (สคว็อท) v. =นั่งกอดเข่า

         -bend (เบ็นดฺ) v. =ก้มลง, โก่งต้ว

         -pick up (พิค อ้๊พ) v. =หิ้ว, กอบ

         -hold (โฮลดฺ) v. =ถือ

         -carry (แครรี่) v. =นำไป, พกติดตัวไป, ถือไป

         -slap (สแล็พ) v. =ตบ, ตบตี

         -hit (ฮิท) v. =ตี, ต่อย

         -punch (พันชฺ) v. =ชก, ตะบันหน้า

         -kick (คิค) v. =เตะ

         -catch (แคทชฺ) v. =จับ

         -throw (โธร) v. =ขว้าง, ปา, โยน

         -pull (พุล) v. =ดึง, ลาก
   5.สร้าง: ออกแบบ Wordcards คำศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย

             Wordcards

    

           http://www.prekinders.com/body-parts-picture-word-cards/

            http://www.earlylearninghq.org.uk/latest-resources/pinocchio-word-flashcards

              ตัวอย่างเวิร์คคาร์ด

    -

6.ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป

           หมวดคำศัพท์เกี่ยวกับสี

  

     http://www.rakenglish.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8

     ชื่อของสีต่างๆ

       1.red (เรด) n., adj. =สีแดง

       2.white (ไวท์) n., adj. =สีขาว

       3.green (กรีน) n., adj. =สีเขียว

       4.yello (เยลโล่) n., adj. =สีเหลือง

       5.pink (พิงค์) n., adj. =สีชมพู

       6.arange (ออเร้นจฺ) n., adj. =สีส้ม

       7.black (แบล็ค) n., adj. =สีดำ

       8.blue (บลู) n., adj. =สน้ำเงิน

       9.sky blue (สกาย บลู) n., adj. =สีฟ้า   ถ้า  blue  sky  แปลว่า "ท้องฟ้า"

       10.purple (เพอร์เพิล) n., adj. =สีม่วง

       11.gray (กเร) n., adj. =สีเท่า          
   7.ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น

           

                 https://www.youtube.com/watch?v=MFIe1CZQk2w

           https://www.youtube.com/watch?v=BLeVV8BEWRk

                  คำศัพท์ภาษาอังกฤษชุดที่ 2

            http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/h5mo/test-350-vocab-level-2.html

            https://www.youtube.com/watch?v=_rRrjIBP0eo

                   ทดสอบภาษาอังกฤษชุดที่ 1, 2, 3

            http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%97%E0%B8%94

            http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A8

            http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A8

                     คำศัพท์ที่ออกเสียงคล้ายกับคำศัพท์ที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่    เช่น:-

                -sing (ซิง)   แปลว่า "ร้องเพลง"   คำที่ออกเสียงคล้ายกับคำนี้  คือ

             -singer (ซิงเกอร์)   แปลว่า "นักร้อง

                      -single (ซิงเกิล)   แปลว่า "โดดเดี่ยว, โสด, 

                      singing (ซิงกิง)   แปลว่า "การร้องเพลง"
   8.เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !

               

                   http://www.englishtutorzone.com/vocabulary/farm/

             https://dict.meemodel.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B81          

     หมวดคำศัพท์เกี่ยวกับ farm                 
   -คำศัพท์ภาษาอังกฤษในหมวดนี้ได้แก่
barn (บาร์น) n.    =ยุ้งฉาง
beehive (บีไฮฟ์) n.   =รังผึ้ง
bull (บุล) n.   =วัวกระทิง
calf (คลาฟ) n.   =ลูกวัว, ลูกควาย
cart (คาร์ท) n.   =เกวียน
cock  n ไก่ตัวผู้
coop n กรง
cow cow n วัวตัวเมีย
donkey n ลา
duck n เป็ด
duckling  n เป็ด
farmer n ชาวนา
fertilizer n ปุ๋ย
field n ทุ่งนา
firewood  n ฟืน
furrow  n ร่องดิน (ทางเกษตรกรรม)
goat  n แพะ
harvest  n ผลผลิต
hen n แม่ไก่
henhouse  n เล้าไก่
hoe  n จอบ
horse n ม้า
insecticide n ยาฆ่าแมลง
irrigation n การชลประทาน
ladder n บันได
milker  n คนรีดนม, เครื่องรีดนม
mud  n โคลน
pail n ถัง
pig n หมู
piglet n ลูกหมู
pitchfork n คราด
plow n คันไถ
pond  n สระน้ำ, บึง
rake n คราด (ใช้ในการทำสวน)
rice n ต้นข้าว
scarecrow n หุ่นไล่กา
sheep n แกะ
sheepdog n สุนัขเลี้ยงแกะ
sheepherd n คนเลี้ยงแกะ
sickle  n เคียว
spade n พลั่ว
turkey n ไก่งวง
wheat n ข้าวสาลี
wheelbarrow n รถเข็นล้อเดียว      

   9.ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้คุณสมองตื้อแทน

       

          http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&

         อันดับแรกเรามาดูอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมในการ ท่องคำศัพท์ ครับ
ก็มี สมุด 1 เล่ม ดินสอ(หรือปากกา) 1 แท่ง หูฟังหรือลำโพงไว้ฟังการออกเสียงที่ถูกต้องนะครับ (หากอยู่คนเดียวก็เปิดลำโพงเต็มที่เลยครับ หากอยู่กับเพื่อนก็อาจจะไส่หูฟังนิดนึง) โทรศัพท์หรืออะไรก็ได้ที่อัดเสียงได้และนี้คือเว็ปตัวช่วยของเราครับ
http://www.oxfordlearnersdictionaries.com/wordlist/english/oxford3000/
ธุรกิจโฆษณา และแน่นอนเว็ปที่ขาดไม่ได้คือ:https://translate.google.co.th/
ซึ่งเว็ปนี้เวลาเราจะใช้ ให้แปลที่ละคำนะครับ อย่ายกมาวางทั้งประโยค เพราะกูเกิ้ลแปลประโยคได้มั่วมากๆครับ

  ที่นี้มาถึงคำถามที่หลายคนอาจเคยถาม  เริ่มท่องศัพท์ตั้งแต่คำไหนดี?  ซึ่งมีหลายคนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง จะท่องคำไหน ผมขอแนะนำให้ทุุกคนรู้จักกับ
'Oxford 3000 key words' ครับ (ตามลิ้งที่ผมให้ไป)  คือ คำศัพย์ 3000 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ หรือพูดง่ายๆก็คือคำศัพท์ 70% ที่ใช้อยู่ทุกคนวันก็มาจาก 3000 คำนี้และครับ  หลายคนอาจบอกว่า 'เยอะจังตั้ง 3000 แหน่ะ'   เยอะ แต่ทุกคำเราได้ใช้แน่นอนครับ สู้ไว้ครับ  เรามาเริ่มกันเลยครับ  อันดับแรกเข้าไปที่ ลิ้งค์แรกที่ผมให้ เลื่อนมาข้างล่างสักนิดนึง เราจะเจอคำศัพท์เรียงกันยาวตามลำดับตัวอักษร(A-Z)ครับ
ไม่ต้องกดเข้าไปนะครับ เพราะเราสนใจแค่คำศัพท์และวิธีออกเสียงพอ ถ้ากดเข้าไปเขาจะอธิบายความหมายไว้ในภาษาอังกฤษหรือพูดง่ายๆคือแปลอังกฤษเป็นอังกฤษอีกทีครับ แต่ถ้าใครจะเข้าไปดูก็ไม่เป็นไรนะครับ
  ที่นี้วิธีท่องคำศัพท์ของเราก็คือ ท่องอักษรละ 2 คำต่อวันครับ  เอ๊ะ หลายคนอาจจะงง อักษรละ 2 คำต่อวันยังไงหว่า ก็คือวันนี้ให้ เราท่องคำศัพท์ให้หมวด A-Z อย่างละสองคำ ก็จะตกอยู่วันละ 52 คำครับ อาจจะฟังดูเยอะนะ วันละตั้ง 52 ครับ แต่จริงผมว่ามันก็ไม่เยอะเท่าไหร่นะ แบ่งเวลาท่องออกเป็น 3 ช่วง   คือ:-
   1.เช้าท่อง 15 คำ
    2.เที่ยง 15 คำ
    3.เย็น 15 คำ
   ที่เหลือก่อนนอน
ถ้าใครฝืนตัวเองให้ทำจนเป็นนิสัยได้นะ ผมบอกเลยว่าคุณจะพัฒนาเยอะมากครับ  แต่ถ้าใครไม่ไหวจริงๆก็ให้ลดมาเหลือ อักษรละ 1 คำต่อวันก็ได้ครับ แล้วให้เราจดคำศัพท์ที่เราท่องแต่ละวันลงในสมุดนะครับ จดแค่ภาษาอังกฤษนะครับ คำแปลภาษาไทย
ไม่ต้องจด ก็อย่างที่เคยอธิบายไปในบทความที่แล้วครับ (ลองไปหาอ่านดูตอนที่ 1)  การที่เราไม่จดภาษาไทยไปเนี่ย จะเหมือนเป็นการบังคับให้เราใช้สมองเพื่อจดจำ และเมื่อผ่านไป 2-3 วัน เรากลับมาอ่านจะได้ ให้สมองใช้เวลานึกคำศัพท์ที่เราแปลความ
หมายไม่ได้ วิธีนี้แหละครับจะทำให้เราจำศัพท์ได้เร็วมาก แล้วไม่ใช้แค่จดอย่างเดียวนะครับ ให้ฟังด้วย  จะเห็นว่ามีปุ่มให้กดอยู่ 2 ปุ่ม สีน้ำเงิน กับสีแดง  ปุ่ม 2 ปุ่มนี้คือเสียงเจ้าของภาษาพูดคำศัพท์ครับ
   1.สีน้ำเงิน คือ สำเนียงอังกฤษ (ฺBritish English)
    2.สีแดง คือ สำเนียงอเมริกัน (American English)
  ให้เราเลือกฝึกพูดตาม 1 สำเนียงนะครับ ตาามใจชอบเลย ให้ลองอัดเสียงดูว่า เวลาเราพูดตามสำเนียงไหน เสียงเราฟังดูเหมือน มากกว่า หากเสียงเราไปทางสำเนียงอังกฤษ ก็ให้ฝึกพูดตาม สำเนียงอังกฤษนะครับ แต่ถ้าไปอีกสำเนียงก็ฝึกตามสำเนียงนั้น ต้องฝึกพูดตามและฟังให้ออกด้วยนะครับ เพื่อครั้งหน้าเราได้ยินหรือได้ใช้ จะได้รู้ว่าต้องออกเสียงยังไงให้ฝรั่งเข้าใจอ่อ อย่าลืมแปลความหมายคำศัพท์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าพูดได้สำเนียงเป๊ะ แต่ไม่รู้ความหมายก็ไม่ไหวนะครับ :DD
  สรุปนะครับ
1.ท่องคำศัพท์อักษรละ 2 คำหรือ 1 คำ ต่อวัน
2.จดแค่ภาษาอังกฤษ
3.บันทึกเสียงตัวเองแล้วฟัง
4.เลียนแบบเสียงให้เหมือนเจ้าของภาษาที่สุด
  นี่แหละครับแค่นี้เราก็มีวิธีการท่องคำศัพท์แบบมีประสิทธิภาพแล้ว
แล้วผมบอกได้เลยว่า ได้ใช้ทุกคำแน่นอนครับ เพราะ คำศัพท์3000นี้ คือคำที่ใช้บ่อยที่สุดคำ  มีทางลัดขนาดนี้แล้ว
อย่าท้อนะครับ อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อนๆด้วยละ  จะได้เก่งกันเยอะๆ  สุดท้ายก็เหมือนเดิมครับ สู้ต่อไป
   10.สังเกต: จงพยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คล้ายกับคำศัพท์ที่คุณกำลังอ่านหรือเขียนอยู่ว่ามันเหมือนกันตรงไหน   เช่น:-

         1.เขียนคล้ายกัน      เช่น:-

            -barn (บาร์น) n. =ยุ้งฉาง

            -barn (บ้าน) v. =บ้านเรือน

            -lamb (แลมบฺ) n. =ลูกแกะ

            -lamp (แลมพฺ) n. =ตะเกียง, หลอดไฟ

            -cat (แค็ต) n. =แมว

            -catch (แค็ตชฺ) v. =จับ, คว้า

            -bank (แบ็งค์) n. =ธนาคาร, ตลิ่ง, ฝั่ง

            -bang (แบ็งก์) v. =ทำเสียงดังปัง

         2.อ่านคล้ายกัน

             -sheep (ชีพ) n. = แกะ

             -sheap (ชีพ) n. =กอง

             -like (ไลค์) v. =ชอบ

             -write (ไรทฺ) v. =เขียน

             -read (รีด) v. =อ่าน

             -lead (ลีด) n. =ตะกั่ว

             -pig (พิก) n. =หมู

             -pick (พิค) v. =หยิบ, จับ

         คำศัพท์ที่ควรสังเกต

     

       https://jubjangkannika.wordpress.com/

     http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%84%E0


      Question Words
 Question words   คือคำที่ใช้ขึ้นต้นประโยค เพื่อใช้ในการถาม ซึ่งต้องการให้ผู้ฟังตอบโดยใช้ข้อมูล หรือข้อเท็จจริง
  ประโยคคำถามส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย   " Wh"  อักษรสองตัวนี้เป็นอักษรควบกล้ำเวลาอ่านให้อ่านออกเสียงเป็น "ว และ ฮ"  มี 8 คำ    คือ:-
    1.What (ว็อท )    แปลว่า "อะไร"                                       
    2.Where (แวร์ )   แปลว่า "ที่ไหน"                                  
    3.When ( เว็น )    แปลว่า "เมื่อไหร่"
    4.Why   (วาย )    แปลว่า "ทำไม"                                      
    5.Who ( ฮู )         แปลว่า "ใคร"                                         
    6.Whom ( ฮูม )   แปลว่า "ใคร"      ส่วนมาก whom  มักใช้เป็นกรรมในประโยค   เช่น:-
        -The person to whom we spoke was very helpful.
           = คนที่พวกเราพูดถึงเป็นประโยชน์มาก.
           -whom   เป็นกรรมของ   to
        -The person, whom we spoke with,  spoke very good.
           =คนที่เราพูดด้วยพูดดีมาก.
           -whom    เป็นกรรมของ   with    
        -To whom am I speaking?
           =ฉันกำลังพูดกับใคร?
           -whom    เป็นกรรมของ    to
        -Her brother, whom I met last year, is an attorney.
           =น้องชายของหล่อนที่ฉันพบเมื่อปีที่แล้วเป็นอัยการ.
           -whom    เป็นกรรมของ    met
    7.Whose ( ฮูส )   แปลว่า "ของใคร"                                   
    8.Which ( วิช )    แปลว่า "อันไหน"                               
    9.How ( ฮาว )    แปลว่า "อย่างไร"
          What
 - What ( ว็อท )  ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้   คือ:-
     1.ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ      เช่น:-
       -ถาม: What is that ?   
               =นั่นคืออะไร?
       -ตอบ: It is a toy car.
               =มันคือรถยนต์เด็กเล่น.
   2.ใช้ถามเกี่ยวกับอาชีพ     เช่น:-               
       -ถาม: What does he do ?   
               =เขาทำงานอะไร?
       -ตอบ: He is a teacher.   
               =เขาเป็นคุณครู?
   3.ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา    เช่น:-                 
       -ถาม: What time is it ?   
               =มันเป็นเวลากี่นาฬิกา?
       -ตอบ: It is ten o'clock.  
               =มันเป็นเวลา 10 นาฬิกา.
   4.ใช้ถามชื่อและนามสกุล     เช่น:-
       -ถาม: What  is  your  name?
               =ชื่อของคุณคืออะไร?
       -ตอบ: My  name  is  Pornchai
                =ชื่อของผมคือพรชัย.
       -ถาม: What  is  your  family name?
               =นามสกุลของคุณคืออะไร?
       -ตอบ: My  family  name  is  Duangmalai.
    5.ใช้ถามเกี่ยวกับการกระทำ     เช่น:-
       -ถาม: What  are  you  doing  now?
               =คุณกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้?
       -ตอบ: I  am  eating  rice.
                =ฉันกำลังกินข้าว.
        Where
    -Where ( แวร์ ) ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่        เช่น:-           
       -ถาม: Where do you live ?    คุณอยู่ที่ไหน
       -ตอบ: I live in the city.    ฉันอยู่ในเมือง
       -ถาม: Where are you now ?    คุณอยู่ที่ไหนขณะนี้
       -ตอบ: I sit under the big tree.    ฉันนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
       -ถาม Where do you drive?    คุณขับรถไปไหน
       -ตอบ: I drive to the countryside.    ฉันขับรถไปชนบท
       -ถาม: Where is your school?    โรงเรียนคุณอยู่ที่ไหน
       -ตอบ: My school is in the village.   โรงเรียนของฉันอยู่ในหมู่บ้าน
       -ถาม: Where do you travel ?     คุณเดินทางไปไหน
       -ตอบ: I travel to Roi-Et. (เขียนถูกคือ Royed)   ผมเดินทางไปเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด
          When
       1.When  ( เว็น )  แปลว่า "เมื่อไหร่"     ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา   
        -การถามด้วย when ผู้ตอบจะต้องบ่งบอกเวลาที่ชัดเจน เช่น วัน  เดือน  ปี หรือเวลา เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้     เช่น:-
           -ถาม: When will  you  come  back?
                  =คุณจะกลับมาเมื่อไหร่?
           -ตอบ: I  will  come  back  on  twenth  day. 
                   =ผมจะกลับมาในวันที่สิบสอง.
           -ถาม:When is Wannisa's party ?
                =งานเลี้ยงของวันนิสาเมื่อไหร่?
           -ตอบ:It’s on next Friday, at 6 p.m.
                =วันศุกร์หน้าเวลาบ่าย 6 โมงเย็น.
           -ถาม: When do you usually have breakfast ?
                =คุณมักจะรับประทานอาหารเช้าเมื่อไหร่?
          -ตอบ: I usually have breakfast at 6.30 a.m.
                =ฉันมักจะรับประทานอาหารเช้าเวลา 6 นาฬิกา 30 นาที
      2.When  ใช้เป็นคำเชื่อม แปลว่า "เมื่อ, ตอน "       เช่น:-
          -You say it best when you say nothing at all.  
              =คุณพูดได้ดีที่สุดเมื่อคุณไม่พูดอะไรเลย.
          -The sky is beautiful when the sun goes down.  
             =ท้องฟ้าสวยเมื่อพระอาทิตย์ตก.
          -Sing when you’re ready.  
             =จงร้องเพลงเมื่อคุณพร้อม.
          -He arrived when we were sleeping.  
             =เขามาถึงเมื่อพวกเรากำลังนอนหลับ.
         -We lived in Japan when we were young.   
             =เราอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นตอนเราเป็นเด็ก.
         -We feel cool when the wind blows.  
             =พวกเรารู้สึกเย็นเมื่อลมพัด.
     3.When ใช้เป็นคำถามโดยทั่วๆไป
        -When do the Olympic Games start?  
           =กีฬาโอลิมปิกเริ่มเมื่อไหร่?
        -When were you born?  
           =คุณเกิดเมื่อไหร่?
        -When will you come back to Thailand?  
           =คุณจะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่?
        -When will I see you again! 
           =ผมจะพบคุณอีกครั้งเมื่อไหร่?
        -When will you visit your aunt in America? 
           =คุณจะไปเยี่ยมป้าในอเมริกาเมื่อไหร่?
        -When will you go to England?  
           =คุณจะไปอังกฤษ เมื่อไหร่?
        -When did it happen?  
           =มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
        -When is your birthday?  
           =วันเกิดของคุณเมื่อไหร่?
        -When does the school start?  
           =โรงเรียนเปิดเมื่อไหร่?
        -When will I find my love?  
            =ฉันจะพบรักของฉันเมื่อไหร่?
        -When will you love me?  
           =คุณจะรักฉันเมื่อไหร่
               Why
      -Why (วาย)   แปลว่า “ ทำไม”    คำตอบของ  Why  มักใช้คำว่า because เสมอ
          -โครงสร้างที่ 1 คือ  Why + verb  + นาม/ สรรพนาม + adjective  ?     เช่น:-
           -ถาม: Why are you happy ?
              =ทำไมคุณจึงมีความสุข?
           -ตอบ: I am happy because I get good mark.
              =ฉันมีความสุขเพราะฉันได้คะแนนดี.
           -ถาม: Why is your mother angry ?
              =ทำไมแม่ของคุณจึงโกรธ?
           -ตอบ: My mother is angry because I broke a lot of glasses.
               =แม่ของฉันโกรธเพราะฉันทำแก้วแตกเป็นจำนวนมาก.
          -โครงสร้างที่ 2 คือ Why + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้  + (กรรม)  ?     เช่น:-
             -ถาม: Why does the baby cry ?
               =ทำไมเด็กทารกจึงร้องไห้?
             -ตอบ: The baby cries because hungry.
              =เด็กทารกร้องไห้เพราะหิว.
             -ถาม: Why does Susan sing ?
              =ทำไมซูซานจึงร้องเพลง.   
             -ตอบ: She sings because she is happy.
              =หล่อนร้องเพลงเพราะหล่อนมีความสุข.   
           Who
     -คำว่า " Who " เราจะคุ้นเคยกับคำนี้ว่า "คำนี้แปลว่า ใคร"     แต่จริงๆแล้วมันสามารถนำไปใช้เชื่อมประโยคได้อีกด้วย ซึ่งถ้าทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมจะแปลว่า "ผู้ที่, ผู้ซึ่ง"
     -Who (ใคร) ใช้เป็นคำถาม       เช่น:-
         -Who is that?  
           =นั่นใคร?
         -That is John.  
           =นั่นคือจอห์น.
         -Who came to school yesterday. 
            =ใครมาโรงเรียนเมื่อวาน.
         - Jo did. 
           =โจมา.
     **คำถามเป็น past simple tense  คำตอบก็ต้องเป็น past simple tense   แต่ในประโยคนี้ใช้ did  แทน came
         -Who are they?

            =พวกเขาเป็นใคร?
         -They are my parents.  
            =พวกเขาคือ พ่อแม่ของฉัน.
         -Who ate my cake?  
            =ใครกินเค้กของฉัน.
         -He did.  
           =เขากิน.
       **คำถามเป็นpast simple tense  คำตอบก็เป็น past simple tense  แต่ใช้ did  แทน ate
        -Who wants the money?  
          =ใครต้องการเงิน.
        -Jane does.  
           =เจน ต้องการ  
      **คำถามเป็น  present simple tense   คำตอบก็ต้องเป็น  present simple tense  แต่ในประโยคนี้ใช้  does
แทน  wants
        -Who is the richest man in Thailand?  
           =ใครคือบุรุษที่รวยที่สุดในไทย.
        -Mr. Rich is the richest man.  
          =นายริชเป็นคนรวยที่สุด.
   -Who  แปลว่า "ผู้ที่, ผู้ซึ่ง"     ใช้เป็นคำเชื่อม
    -คำว่า "ผู้ที่, ผู้ซึ่ง"    บางครั้งแปลว่า "ใคร"    ก็ได้ในบางประโยค
       -He is the man who came here yesterday.  
         =เขาคือผู้ชายผู้ที่มาที่นี่เมื่อวาน.
       -That is the girl who gave me the pencil.  
          =นั่นคือผู้หญิงผู้ที่ให้ดินสอแก่ฉัน.
       -This is my best friend who always helps me.
          =นี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันผู้ที่ช่วยฉันเสมอ.
   3  ประโยคข้างล่างนี้ควรไปทบทวนหลักไวยกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้  who อีก
        -I don’t know who she is.
          =ผมไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร.
        -I know who that boy is.
          =ผมรู้ว่าเด็กชายคนนั้นเป็นใคร.
       -I don’t care who that man is.
          =ผมไม่สนว่าชายคนนั้นเป็นใคร.

      Whom
 -Whom (ฮูม)    แปลว่า " ใคร"     ใช้ถามถึงบุคคลและใช้เป็นกรรม (object) หรือผู้ถูกกระทำของประโยค   โดยมีรูปแบบ
ประโยคดังต่อไปนี้
  -โครงสร้างของประโยคคำถาม  
     -Whom  +  helping verb  +  subject  +  Verb?
     -Whom  +  กริยาช่วย  +  ประธาน  +  กริยาแท้
  -โครงสร้างของประโยคคำตอบ
  -ประธาน + (กริยา) + ส่วนขยาย         เช่น:-         
     -ประโยคคำถาม A  : Whom do they meet ?
                                 =พวกเขาพบใคร?
     -ประโยคคำตอบ  A  : They meet their friends
                                 =พวกเขาพบเพื่อนทั้งหลายของพวกเขา.
     -ประโยคคำถาม B  : Whom are you waiting for?
                                  =คุณกำลังรอใคร?
     -ประโยคคำตอบ B  : I am waiting for my mother.
                                  =ฉันกำลังรอแม่ของฉัน.
     -ประโยคคำถาม C  : Whom does she  go with?
                                  =หล่อนไปกับใคร?
     -ประโยคคำตอบ C  : She goes with her son.
                                  =หล่อนไปกับลูกชายของหล่อน.
     -ประโยคคำถาม D  : Whom are you speaking to?
                                  =คุณกำลังพูดถึงใคร?
     -ประโยคคำตอบ D  : I am speaking to my students
                                  =ฉันกำลังพูดถึงนักเรียนทั้งหลายของฉัน.
     -The person to whom we spoke was very helpful.
        = บุคคลที่พวกเราพูดถึงมีประโยชน์มาก.
     -The person, whom we spoke with, spoke very good.
        =บุคคลที่พวกเราพูดด้วยพูดดีมาก.
     -To whom am I speaking?
        =ฉันกำลังพูดถึงใคร?
     -Her brother, whom I met last year, is an attorney.
        =แม่ของเธอที่ฉันพบเมื่อวานนี้เป็นอัยการ
   **ข้อสังเกต : เรานิยมใช้ "Who" แทน "Whom" ก็ได้

         Whose
    -Whose (ฮูส)  แปลว่า “ของใคร” แบ่งวิธีการใช้ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
        -คำนามที่ตามหลัง ถ้ามีรูปเป็นเอกพจน์ คำกริยาก็เป็นเอกพจน์ แต่ถ้าคำนามเป็น   พหูพจน์คำกริยาก็จะเป็นพหูพจน์ด้วย
เช่น:-
     1.whose  ทำหน้าที่เป็น Reflexive Pronoun  คือสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ      เช่น:-
         -โครงสร้างคือ whose  +  noun  +  verb   +  subject
        -ถาม: Whose dog is it ?
                =มันเป็นสุนัขของใคร?
       -ตอบ: It’s Ladda’s dog.
                =มันเป็นสุนัขของลัดดา.
       -ถาม: Whose books are on the table ?
                =หนังสือของใครอยู่บนโต๊ะ.
       -ตอบ: Their books are on the table.
               =หนังสือของพวกเขาอยู่บนโต๊ะ.
    2.Whose  ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายตัวกรรม
        -I wonder whose story was chosen.
           =ฉันสงสัยว่าเรื่องของใครจะถูกเลือก.
        -Whose books did you borrow ?
           =คุณขอยืมหนังสือของใคร?
       -I borrowed Suda’s books.
          =ฉันขอยืมหนังสือของสุดา.
       -Whose house will you rent ?
          =คุณจะเช่าบ้านของใคร?
       -I shall rent Maliwan’s house.
          =ฉันจะเช่าบ้านของมะลิวัลย์.
           Which
         -Which (วิช)   แปลว่า “ อันไหน, คนไหน, ตัวไหน”    เป็นได้ทั้งประธาน และกรรม ใช้ได้กับคน, สัตว์, และสิ่งของ
      1.เมื่อทำหน้าที่เป็นประธาน มีโครงสร้าง 3 อย่าง  คือ:-  
         -โครงสร้างที่ 1 คือ: Which   + กริยา + กรรม ?      เช่น:-
             -ถาม: Which is yours ?
                       =ของคุณอันไหน?
             -ตอบ: This  is  mine.
                        =อันนี้คือของฉัน.
         -โครงสร้างที่ 2 คือ: Which  + นาม/สรรพนาม + กริยา + กรรม ?        เช่น:-
             -ถาม: Which book is hers ?
                    =หนังสือเล่มไหนเป็นของเธอ?   หรือ   หนังสือของเธอเล่มไหน?
             -ตอบ: The blue one is hers.
                       =เล่มสีน้ำเงินเป็นของเธอ. 
            -โครงสร้างที่ 3  คือ: Which  +  of  +  นาม หรือ สรรพนาม + กริยา + กรรม ?   เช่น:-
          -Which  of  those  boys  is  most  smart ?
              =บรรดาเด็กชายทั้งหลายเหล่านั้นคนไหนเป็นคนฉลาดที่สุด?
            - Udomsak  is  most  smart.
               =อุดมศักดิ์ฉลาดที่สุด.
     2.เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรม แบ่งออกเป็น  3  โครงสร้าง  คือ:-
         -โครงสร้างที่ 1 คือ: Which   + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้      เช่น:-
             -Which do you live most ?
                 =คุณอาศัยอยู่ตรงไหนมากที่สุด?
              - I live in  my  house most.
                 =ฉันอาศัยอยู่ในบ้านมากที่สุด. 
          -โครงสร้างที่ 2 คือ: Which  + นาม/สรรพนาม + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้       เช่น:-
                   -Which book do you want to buy ?
                      =คุณต้องการซื้อหนังสือเล่มไหน?
                   - I want to buy a cartoon book.
                      =ฉันต้องการซื้อหนังสือการ์ตูน.   
          -โครงสร้างที่ 3 คือ: Which of + นาม/สรรพนาม + กริยา ช่วย+ ประธาน + กริยาแท้  ?        เช่น:-
              -Which of the girls is the most beautiful ?
                 =บรรดาเด็กหญิงทั้งหลายคนไหนสวยที่สุด
              - Wilailuk is the most beautiful.
                 =เด็กหญิงวิไลลักษณ์สวยที่สุด.

              How
        -How (ฮาว)   แปลว่า  “ อย่างไร”  ซึ่งคำตอบของ  how  จะเกี่ยวกับวิธีการ ลักษณะ หรือ อาการต่างๆ
        -โครงสร้างที่ 1 คือ: How + verb to be + นาม/ สรรพนาม ?           เช่น:-
           -ถาม:How are you today ?   
              =คุณเป็นอย่างไรวันนี้?
           -ตอบ:I’m fine, thank you.
              =ฉันสบายดีขอบคุณ.
           -ถาม:How is your father ?
              =พ่อของคุณสบายดีหรือ?
           -ตอบ:Yes, He is better.
              =ครับ, เขาสบายดียิ่ง.
        -โครงสร้างที่ 2 คือ: How + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้  + (กรรม)  ?      เช่น:-
           -ถาม:How do you go to Chiang Mai ?
              =คุณไปเชียงใหม่อย่างไร?
           -ตอบ:I go to Chiang Mai by train.
              =ฉันไปเชียงใหม่โดยรถไฟ.
           -ถาม: How did you draw this picture ?
                   =คุณวาดภาพนี้อย่างไร?
           -ตอบ: I  draw  this  picture  by  copy  it.
                   =ฉันวาดภาพนี้โดยการก็อบปี้ (คือการลอกเรียนแบบ).
       -โครงสร้างที่ 3 คือ: How  +  adj. + verb to be    + ประธาน        เช่น:-
          -ถาม: How old is she ?
               =หล่อนอายุเท่าไหร่?
         -ตอบ: She is 16 years old.
               =หล่อนอายุ 16 ปี.
         -ถาม: How tall is John ?
               =จอห์นสูงเท่าไหร่?
         -ตอบ: He is 6 feet tall.
               =เขาสูง 6 ฟุต
       -โครงสร้างที่ 4  คือ: How   +  much + นามนับไม่ได้ +  กิริยาช่วย   + ประธาน   + กริยาแท้ +  many  + นามนับได้พหูพจน์       เช่น:-
          -ถาม: How much oil did he buy ?
               =เขาซื้อน้ำมันมากเท่าไหร่?
          -ตอบ: He bought a gallon of oil.
               =เขาซื้อน้ำมัน
          -ถาม:How many dogs do you have ?
                =คุณมีสุนัขกี่ตัว?
         -ตอบ: I have eleven dogs.
                =ฉันมีสุนัข 11 ตัว.

      

       https://deepenglish.com/7-day-english

        https://blog.eduzones.com/moobo/154514

       Daily Routines English

       (ภาษาอังกฤษในกิจวัตรประจำวัน)
   -I  get  up.  
     =ฉันตื่นนอน.

   -I brush  teeth  and bath. 
     =ฉันแปรงฟันและอาบน้ำ.

  -I take a shower. 
  =ฉันอาบน้ำ.

  --I sweep the house.  
   =ฉันปัดกวาดบ้าน.

  - I  get  dressed.
   =ฉันแต่งตัว.
  - I  have  a  breakfast.
   =ฉันรับปรนะทานอาหารเช้า.
  -I  go  to  work.
    =ฉันไปทำงาน.
  - I  start  work  at  nine  o'clock.
    =ฉันเริ่มทำงานในเวลา 9 โมงเช้า.
  - I have lunch time twelve-thirty minutes (12  o'clock  thirty  minutes)
    = ฉันรัประทานอาหารกลางวันเวลา 12.30 น.
  -I  finish  work  at  eighteen-thirty  minutes.
    =ฉันทำงานเสร็จในเวลา 6.30 น.
  -I  arrive  home  at  nineteen  o'clock.
    =ฉันมาถึงบ้านเวลา 19.00 น.
  -I  have  dinner.
    =ฉันรับประทานอาหารเย็น.
  -I  watch  TV.
    =ฉันดูทีวี.
  - I  go  to  bed.
    =ฉันไปนอน.

จงคลิกลิ้งค์ข้างล่างขึ้นมาศึกษาประกอบ

 http://www.tonamorn.com/english/conversation/weather/      

 http://www.stopmemo.com/2015/03/1500-conversations-firstset/

 https://www.youtube.com/watch?v=gifd7XZNrGs


         ศึกษาคำศัพท์จาก Pinterest

     

     https://www.pinterest.com/explore/vocabulary-activities/

     https://www.pinterest.com/explore/vocabulary-ideas/

     https://www.pinterest.com/explore/vocabulary-words/

     http://lessons4now.com/free/

     https://www.pinterest.com/bombshyblonde/esl-teaching-roomshousehold-objects/?lp=true

     https://www.pinterest.com/johnpurcelleng/esl-vocabulary/?lp=true

     https://www.pinterest.com/jalaysa/learning-english/?lp=true

     https://www.pinterest.com/jul7788/house/?lp=true

     https://www.pinterest.com/ESLChesapeake/english-for-beginners/?lp=true

     https://www.pinterest.com/pin/461126449324126175/

     http://anuskateacher.blogspot.com/2013_08_01_archive.html

     https://www.pinterest.com/koskikatrii/casa/?lp=true

     https://www.pinterest.com/qlph/esl/?utm_campaign=rdboards&e_t=15ed29a886874ff2943573af063f6fbd&utm_content=262616290710206588&

   https://www.pinterest.com/pin/844493660992693/ 

     Question Word from Pinterest

  https://www.pinterest.com/pin/566679565597594839/

 

 

เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด

กรุณาใส่ข้อความ …

Visitors: 142,870