2.การสร้างประโยคด้วย Question Words
https://www.slideshare.net/ehugas/5i-wh-words-question-words-poster-by-svetamarik
เคล็ดลับในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 10 ข้อ
รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษซะมากมายใช่มั้ย? ที่จริงการท่องศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเสมอไปหรอก เชิญอ่านเคล็ดลับในการเรียนศัพท์ดังต่อไปนี้แล้วนำไปใช้รับรองได้ผลดีอย่างแน่นอน! ภาษาอังกฤษ, จำศัพท์ภาษาอังกฤษ, เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษ
1.ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
หมวดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ
http://rianpasaonline.com/?p=456
http://www.engisfun.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C-
ant แอ็นท =มด
bat แบ็ท =ค้างคาว
bear แบ =หมี
bee บี =ผึ้ง
beetle บี๊เทิล =แมลงปีกแข็ง
bird เบิด =นก
buffalo บั๊ฟฟะโละ =ควาย
butterfly บั๊ทเทอะฟลาย =ผีเสื้อ
camel แค๊เมิล =อูฐ
cat แค็ท =แมว
cheetah ชี๊ทะ =เสือชีต้าห์
chicken ชิ๊คเคิน =ไก่
cow คาว =วัว
crab แครบ =ปู
crocodile คร็อกคะไดล =จระเข้
deer เดีย =กวาง
dog ดอก =สุนัข
dolphin ด๊อลฟิน =ปลาโลมา
dragonfly แดร๊เกินฟลาย =แมลงปอ
duck ดัค =เป็ด
eagle อี๊เกิล =นกอินทรี
elephant เอ็ลละเฟินท =ช้าง
fish ฟิช =ปลา
fly ฟลาย =แมลงวัน
fox ฟ็อกซ =สุนัขจี้งจอก
frog ฟรอก =กบ
giraffe เจอะร๊าฟ =ยีราฟ
goat โกท =แพะ
goldfish โก๊ลฟิช =ปลาทอง
hamster แฮ็มสเตอะ
hippo ฮิ๊พโพ =ฮิปโป
horse ฮอส =ม้า
jellyfish เจ็ลลิฟิช =แมงกะพรุน
kangaroo แค็งกะรู =จิงโจ้
lion ไล๊เยิน =สิงโต
lobster ล็อบสเตอะ =กุ้งก้ามกราม
monkey มั๊งคิ =ลิง
mouse เมาส =หนู
octopus อ็อคโทะเพิส =ปลาหมึกยักษ์
ostrich อ๊อสตริช =นกกระจอกเทศ
owl เอาล =นกฮูก
panda แพ็นดะ =หมีแพนด้า
parrot แพ๊เริท =นกแก้ว
peacock พี๊ค็อค =นกยูง
penguin เพ็นกวิน =นกเพนกวิน
pig พิก =หมู
rabbit แร็บบิท =กระต่าย
rhino ไร๊โน =แรด
seahorse ซี๊ฮอส =ม้าน้ำ
seal ซีล =แมวน้ำ
shark ชาค =ปลาฉลาม
sheep ชีพ =แกะ
snail สเนล =หอยทาก
snake สเนค =งู
spider สไป๊เดอะ =แมงมุม
squid สกวิด =หมึกกล้วย
swan สว็อน =หงส์
starfish สต๊าฟิช =ปลาดาว
tiger ไท๊เกอะ =เสือ
turkey เท๊อคิ =ไก่งวง
turtle เท๊อเทิล =เต่า
vulture วั๊ลเชอะ =แร้ง
whale เวล =ปลาวาฬ
wolf วูฟ =หมาป่า
zebra สี๊บระ =ม้าลาย
หมวดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับครอบครัว
1.1ความเกี่ยวข้องกันภายในครอบครัว เช่น:-
-แม่มีความสัมพันธ์กับพ่อ
-Mother + Father
-พ่อแม่มีความสัมพันธ์กับ ปู่ย่าตายายใช้คำศัพท์เดียวกัน
-Parents + Grandfather + Grandmother
-Parents + Grandfather + Grandmother
-พ่อแม่มีความสัมพันธ์กับลูกสาวลูกชาย
-Parents + dauther + son
-พ่อแม่มีความสัมพันธ์กับหลานเหลน
-Parents + granddauther + grandson + great granddauther + great grandson
-สามีมีความสัมพันธ์กับภรรยา
-husband + wife
-สามีและภรรยามีความสัมพันธ์กับลูก
-husband and wife + baby + boy + girl
-สามีและภรรยามีความสัมพันธ์กับพี่ชายน้องชายและพี่สาวน้องสาว
-husband and wife + older brother + younger brother
-husband and wife + older sister + younger sister
สมาชิกในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ในทางสายเลือด
family แฟ๊มมิลิ =ครอบครัว
grandfather แกร๊นฟาเธอะ =ปู่ , ตา
grandmother แกร๊นมัดเธอะ =ย่า , ยาย
grandad แกร๊นแดด =ปู่ , ตา (ภาษาพูด)
granny แกร๊นนิ =ย่า , ยาย (ภาษาพูด)
father ฟ๊าเดอะ =พ่อ
mother มั๊ดเดอะ =แม่
dad แดด =พ่อ (ภาษาพูด)
mum มัม =แม่ (ภาษาพูด)
uncle อั๊งเคิล =ลุง , น้าชาย, อาชาย
aunt อ๊านทึ =ป้า , น้าหญิง , อาหญิง
brother บรั๊ดเดอะ =พี่ชาย , น้องชาย
sister ซิ๋สเตอะ =พี่สาว , น้องสาว
cousin คั๊สเซิน ลูกพี่ลูกน้อง
son ซัน =ลูกชาย
daughter ด๊อเทอะ =ลูกสาว
niece นีซ =หลานสาว (ลูกของพี่น้อง)
nephew เน็ฟฟิว =หลานชาย (ลูกของพี่น้อง)
grandson แกร๊นซัน =หลานชาย (ลูกของลูก)
granddaughter แกร๊นดอเทอะ =หลานสาว (ลูกของลูก)
สมาชิกในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์กันในทางกฏหมาย
in law แปลว่า ในทางกฏหมาย
mother in law มั๊ดเดอะ อิน ลอ =แม่ยาย
father in law ฟ๊าเดอะ อิน ลอ =พ่อตา
son in law ซันอินลอ =ลูกเขย
daughter in law ด๊อเทอะ อิน ลอ =ลูกสะใภ้
sister in law ซิ๊สเตอะ อิน ลอ =พี่สะใภ้ , น้องสะใภ้
brother in law บรั๊ดเดอะ อิน ลอ =พี่เขย , น้องเขย
1.2ความเกี่ยวเนื่องของควาย
-ควายหรือกระบือมีความเกี่ยวเนื่องกับสิ่งเหล่านี้ คือ:-
-ชาวนา คือ farmer
-กระบือตัวผู้ + กระบือตัวเมีย + ลูกกระบือ
-buffalo + buffalo bull + Female buffalo + calf buffalo
-แอก, คราด, ไถ, ทุ่งหญ้า, สนามหญ้า, หนองน้ำ, ไร่, นา
-yoke harrow plow meadow lawn marsh farm Paddy (a rice field)
2.เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่
วิธีนำคำศัพท์มาเขียนเป็นเรื่องย่อๆ
https://dict.meemodel.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8
-I am a farmer. I have three buffalo, I fete them with soft grass. They are completely fat. They will be plowed once a day on a daily basis. They are not lazy and good diligent, I love them so much. My farm has fifty acres. I planted 20 rai of rice, then planted herbs. Before I could do farming, I would have to do the yoke and plow it to fit the buffalo's neck.
3.วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต
http://xn----uwfr2hxa0ae2a0bgb.blogspot.com/
4.แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น
http://loadebookstogo.blogspot.com/2013/07/manner-action.html#.WOBukiDyjcs
คำศัพท์เกี่ยวกับการแสดงกิริยาอาการ
-walk (วอล์ค) v. =เดิน
-run (รัน) v. =วิ่ง
-march (มาร์ช) v. =สาวก้าว
-crawl (คราว) v. =คลาน
-tiptoe (ทิพโท) v. =เดินเขย่ง, ย่องกริบ
-drag (แดรง) v. =ดึง, ลาก
-push (พุช) v. =ผลัก, ดัน
-jump (จัมพ์) v. =กระโดด (ภาษาอิสานว่า "เร่งจนสุด")
-leap (ลีพ) v. =เผ่น, กระโจน
-hop (ฮอพ) v. =กระโดดโลดเต้น
-skip (สะคิพ) v. =โจนข้าม
-crouch (ครัช) v. = ยงโย้, หมอบคลาน, ยอบ
-hit (ฮิท) v. =ตี, ฉะ, ตะบัน
-stretch (สะเทรทชฺ) v. =ยืด, เหยียด, ถ่าง, ขึง
-lift (ลิฟทฺ) v. =ยก, เวิก, ลิฟท์, เครื่องยก
-put down (พุท ดาวน์) v. =วางลง
-dirve (ไดรฟ์) v. =ผลัก, ไส, ขับขี่
-dive (ไดฟฺ) v. =กระโดดน้ำ, ดำน้ำ
-lean (ลีน) v. =ยัน, พิง, ง้ำ, ตะแคง, พาด, เอนกาย
-sit (ซิท) v. =นั่ง
-squat (สคว็อท) v. =นั่งกอดเข่า
-bend (เบ็นดฺ) v. =ก้มลง, โก่งต้ว
-pick up (พิค อ้๊พ) v. =หิ้ว, กอบ
-hold (โฮลดฺ) v. =ถือ
-carry (แครรี่) v. =นำไป, พกติดตัวไป, ถือไป
-slap (สแล็พ) v. =ตบ, ตบตี
-hit (ฮิท) v. =ตี, ต่อย
-punch (พันชฺ) v. =ชก, ตะบันหน้า
-kick (คิค) v. =เตะ
-catch (แคทชฺ) v. =จับ
-throw (โธร) v. =ขว้าง, ปา, โยน
-pull (พุล) v. =ดึง, ลาก
5.สร้าง: ออกแบบ Wordcards คำศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย
Wordcards
http://www.prekinders.com/body-parts-picture-word-cards/
http://www.earlylearninghq.org.uk/latest-resources/pinocchio-word-flashcards
ตัวอย่างเวิร์คคาร์ด
-
6.ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป
หมวดคำศัพท์เกี่ยวกับสี
http://www.rakenglish.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8
ชื่อของสีต่างๆ
1.red (เรด) n., adj. =สีแดง
2.white (ไวท์) n., adj. =สีขาว
3.green (กรีน) n., adj. =สีเขียว
4.yello (เยลโล่) n., adj. =สีเหลือง
5.pink (พิงค์) n., adj. =สีชมพู
6.arange (ออเร้นจฺ) n., adj. =สีส้ม
7.black (แบล็ค) n., adj. =สีดำ
8.blue (บลู) n., adj. =สน้ำเงิน
9.sky blue (สกาย บลู) n., adj. =สีฟ้า ถ้า blue sky แปลว่า "ท้องฟ้า"
10.purple (เพอร์เพิล) n., adj. =สีม่วง
11.gray (กเร) n., adj. =สีเท่า
7.ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น
https://www.youtube.com/watch?v=MFIe1CZQk2w
https://www.youtube.com/watch?v=BLeVV8BEWRk
คำศัพท์ภาษาอังกฤษชุดที่ 2
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/h5mo/test-350-vocab-level-2.html
https://www.youtube.com/watch?v=_rRrjIBP0eo
ทดสอบภาษาอังกฤษชุดที่ 1, 2, 3
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%97%E0%B8%94
คำศัพท์ที่ออกเสียงคล้ายกับคำศัพท์ที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ เช่น:-
-sing (ซิง) แปลว่า "ร้องเพลง" คำที่ออกเสียงคล้ายกับคำนี้ คือ
-singer (ซิงเกอร์) แปลว่า "นักร้อง
-single (ซิงเกิล) แปลว่า "โดดเดี่ยว, โสด,
singing (ซิงกิง) แปลว่า "การร้องเพลง"
8.เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !
http://www.englishtutorzone.com/vocabulary/farm/
https://dict.meemodel.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B81
หมวดคำศัพท์เกี่ยวกับ farm
-คำศัพท์ภาษาอังกฤษในหมวดนี้ได้แก่
barn (บาร์น) n. =ยุ้งฉาง
beehive (บีไฮฟ์) n. =รังผึ้ง
bull (บุล) n. =วัวกระทิง
calf (คลาฟ) n. =ลูกวัว, ลูกควาย
cart (คาร์ท) n. =เกวียน
cock n ไก่ตัวผู้
coop n กรง
cow cow n วัวตัวเมีย
donkey n ลา
duck n เป็ด
duckling n เป็ด
farmer n ชาวนา
fertilizer n ปุ๋ย
field n ทุ่งนา
firewood n ฟืน
furrow n ร่องดิน (ทางเกษตรกรรม)
goat n แพะ
harvest n ผลผลิต
hen n แม่ไก่
henhouse n เล้าไก่
hoe n จอบ
horse n ม้า
insecticide n ยาฆ่าแมลง
irrigation n การชลประทาน
ladder n บันได
milker n คนรีดนม, เครื่องรีดนม
mud n โคลน
pail n ถัง
pig n หมู
piglet n ลูกหมู
pitchfork n คราด
plow n คันไถ
pond n สระน้ำ, บึง
rake n คราด (ใช้ในการทำสวน)
rice n ต้นข้าว
scarecrow n หุ่นไล่กา
sheep n แกะ
sheepdog n สุนัขเลี้ยงแกะ
sheepherd n คนเลี้ยงแกะ
sickle n เคียว
spade n พลั่ว
turkey n ไก่งวง
wheat n ข้าวสาลี
wheelbarrow n รถเข็นล้อเดียว
9.ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้คุณสมองตื้อแทน
http://www.e4thai.com/e4e/index.php?option=com_content&
อันดับแรกเรามาดูอุปกรณ์ที่เราต้องเตรียมในการ ท่องคำศัพท์ ครับ
ก็มี สมุด 1 เล่ม ดินสอ(หรือปากกา) 1 แท่ง หูฟังหรือลำโพงไว้ฟังการออกเสียงที่ถูกต้องนะครับ (หากอยู่คนเดียวก็เปิดลำโพงเต็มที่เลยครับ หากอยู่กับเพื่อนก็อาจจะไส่หูฟังนิดนึง) โทรศัพท์หรืออะไรก็ได้ที่อัดเสียงได้และนี้คือเว็ปตัวช่วยของเราครับ
http://www.oxfordlearnersdictionaries.com/wordlist/english/oxford3000/
ธุรกิจโฆษณา และแน่นอนเว็ปที่ขาดไม่ได้คือ:https://translate.google.co.th/
ซึ่งเว็ปนี้เวลาเราจะใช้ ให้แปลที่ละคำนะครับ อย่ายกมาวางทั้งประโยค เพราะกูเกิ้ลแปลประโยคได้มั่วมากๆครับ
ที่นี้มาถึงคำถามที่หลายคนอาจเคยถาม เริ่มท่องศัพท์ตั้งแต่คำไหนดี? ซึ่งมีหลายคนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง จะท่องคำไหน ผมขอแนะนำให้ทุุกคนรู้จักกับ
'Oxford 3000 key words' ครับ (ตามลิ้งที่ผมให้ไป) คือ คำศัพย์ 3000 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ หรือพูดง่ายๆก็คือคำศัพท์ 70% ที่ใช้อยู่ทุกคนวันก็มาจาก 3000 คำนี้และครับ หลายคนอาจบอกว่า 'เยอะจังตั้ง 3000 แหน่ะ' เยอะ แต่ทุกคำเราได้ใช้แน่นอนครับ สู้ไว้ครับ เรามาเริ่มกันเลยครับ อันดับแรกเข้าไปที่ ลิ้งค์แรกที่ผมให้ เลื่อนมาข้างล่างสักนิดนึง เราจะเจอคำศัพท์เรียงกันยาวตามลำดับตัวอักษร(A-Z)ครับ
ไม่ต้องกดเข้าไปนะครับ เพราะเราสนใจแค่คำศัพท์และวิธีออกเสียงพอ ถ้ากดเข้าไปเขาจะอธิบายความหมายไว้ในภาษาอังกฤษหรือพูดง่ายๆคือแปลอังกฤษเป็นอังกฤษอีกทีครับ แต่ถ้าใครจะเข้าไปดูก็ไม่เป็นไรนะครับ
ที่นี้วิธีท่องคำศัพท์ของเราก็คือ ท่องอักษรละ 2 คำต่อวันครับ เอ๊ะ หลายคนอาจจะงง อักษรละ 2 คำต่อวันยังไงหว่า ก็คือวันนี้ให้ เราท่องคำศัพท์ให้หมวด A-Z อย่างละสองคำ ก็จะตกอยู่วันละ 52 คำครับ อาจจะฟังดูเยอะนะ วันละตั้ง 52 ครับ แต่จริงผมว่ามันก็ไม่เยอะเท่าไหร่นะ แบ่งเวลาท่องออกเป็น 3 ช่วง คือ:-
1.เช้าท่อง 15 คำ
2.เที่ยง 15 คำ
3.เย็น 15 คำ
ที่เหลือก่อนนอน
ถ้าใครฝืนตัวเองให้ทำจนเป็นนิสัยได้นะ ผมบอกเลยว่าคุณจะพัฒนาเยอะมากครับ แต่ถ้าใครไม่ไหวจริงๆก็ให้ลดมาเหลือ อักษรละ 1 คำต่อวันก็ได้ครับ แล้วให้เราจดคำศัพท์ที่เราท่องแต่ละวันลงในสมุดนะครับ จดแค่ภาษาอังกฤษนะครับ คำแปลภาษาไทย
ไม่ต้องจด ก็อย่างที่เคยอธิบายไปในบทความที่แล้วครับ (ลองไปหาอ่านดูตอนที่ 1) การที่เราไม่จดภาษาไทยไปเนี่ย จะเหมือนเป็นการบังคับให้เราใช้สมองเพื่อจดจำ และเมื่อผ่านไป 2-3 วัน เรากลับมาอ่านจะได้ ให้สมองใช้เวลานึกคำศัพท์ที่เราแปลความ
หมายไม่ได้ วิธีนี้แหละครับจะทำให้เราจำศัพท์ได้เร็วมาก แล้วไม่ใช้แค่จดอย่างเดียวนะครับ ให้ฟังด้วย จะเห็นว่ามีปุ่มให้กดอยู่ 2 ปุ่ม สีน้ำเงิน กับสีแดง ปุ่ม 2 ปุ่มนี้คือเสียงเจ้าของภาษาพูดคำศัพท์ครับ
1.สีน้ำเงิน คือ สำเนียงอังกฤษ (ฺBritish English)
2.สีแดง คือ สำเนียงอเมริกัน (American English)
ให้เราเลือกฝึกพูดตาม 1 สำเนียงนะครับ ตาามใจชอบเลย ให้ลองอัดเสียงดูว่า เวลาเราพูดตามสำเนียงไหน เสียงเราฟังดูเหมือน มากกว่า หากเสียงเราไปทางสำเนียงอังกฤษ ก็ให้ฝึกพูดตาม สำเนียงอังกฤษนะครับ แต่ถ้าไปอีกสำเนียงก็ฝึกตามสำเนียงนั้น ต้องฝึกพูดตามและฟังให้ออกด้วยนะครับ เพื่อครั้งหน้าเราได้ยินหรือได้ใช้ จะได้รู้ว่าต้องออกเสียงยังไงให้ฝรั่งเข้าใจอ่อ อย่าลืมแปลความหมายคำศัพท์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าพูดได้สำเนียงเป๊ะ แต่ไม่รู้ความหมายก็ไม่ไหวนะครับ :DD
สรุปนะครับ
1.ท่องคำศัพท์อักษรละ 2 คำหรือ 1 คำ ต่อวัน
2.จดแค่ภาษาอังกฤษ
3.บันทึกเสียงตัวเองแล้วฟัง
4.เลียนแบบเสียงให้เหมือนเจ้าของภาษาที่สุด
นี่แหละครับแค่นี้เราก็มีวิธีการท่องคำศัพท์แบบมีประสิทธิภาพแล้ว
แล้วผมบอกได้เลยว่า ได้ใช้ทุกคำแน่นอนครับ เพราะ คำศัพท์3000นี้ คือคำที่ใช้บ่อยที่สุดคำ มีทางลัดขนาดนี้แล้ว
อย่าท้อนะครับ อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อนๆด้วยละ จะได้เก่งกันเยอะๆ สุดท้ายก็เหมือนเดิมครับ สู้ต่อไป
10.สังเกต: จงพยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คล้ายกับคำศัพท์ที่คุณกำลังอ่านหรือเขียนอยู่ว่ามันเหมือนกันตรงไหน เช่น:-
1.เขียนคล้ายกัน เช่น:-
-barn (บาร์น) n. =ยุ้งฉาง
-barn (บ้าน) v. =บ้านเรือน
-lamb (แลมบฺ) n. =ลูกแกะ
-lamp (แลมพฺ) n. =ตะเกียง, หลอดไฟ
-cat (แค็ต) n. =แมว
-catch (แค็ตชฺ) v. =จับ, คว้า
-bank (แบ็งค์) n. =ธนาคาร, ตลิ่ง, ฝั่ง
-bang (แบ็งก์) v. =ทำเสียงดังปัง
2.อ่านคล้ายกัน
-sheep (ชีพ) n. = แกะ
-sheap (ชีพ) n. =กอง
-like (ไลค์) v. =ชอบ
-write (ไรทฺ) v. =เขียน
-read (รีด) v. =อ่าน
-lead (ลีด) n. =ตะกั่ว
-pig (พิก) n. =หมู
-pick (พิค) v. =หยิบ, จับ
คำศัพท์ที่ควรสังเกต
https://jubjangkannika.wordpress.com/
http://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%84%E0
Question Words
Question words คือคำที่ใช้ขึ้นต้นประโยค เพื่อใช้ในการถาม ซึ่งต้องการให้ผู้ฟังตอบโดยใช้ข้อมูล หรือข้อเท็จจริง
ประโยคคำถามส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย " Wh" อักษรสองตัวนี้เป็นอักษรควบกล้ำเวลาอ่านให้อ่านออกเสียงเป็น "ว และ ฮ" มี 8 คำ คือ:-
1.What (ว็อท ) แปลว่า "อะไร"
2.Where (แวร์ ) แปลว่า "ที่ไหน"
3.When ( เว็น ) แปลว่า "เมื่อไหร่"
4.Why (วาย ) แปลว่า "ทำไม"
5.Who ( ฮู ) แปลว่า "ใคร"
6.Whom ( ฮูม ) แปลว่า "ใคร" ส่วนมาก whom มักใช้เป็นกรรมในประโยค เช่น:-
-The person to whom we spoke was very helpful.
= คนที่พวกเราพูดถึงเป็นประโยชน์มาก.
-whom เป็นกรรมของ to
-The person, whom we spoke with, spoke very good.
=คนที่เราพูดด้วยพูดดีมาก.
-whom เป็นกรรมของ with
-To whom am I speaking?
=ฉันกำลังพูดกับใคร?
-whom เป็นกรรมของ to
-Her brother, whom I met last year, is an attorney.
=น้องชายของหล่อนที่ฉันพบเมื่อปีที่แล้วเป็นอัยการ.
-whom เป็นกรรมของ met
7.Whose ( ฮูส ) แปลว่า "ของใคร"
8.Which ( วิช ) แปลว่า "อันไหน"
9.How ( ฮาว ) แปลว่า "อย่างไร"
What
- What ( ว็อท ) ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้ คือ:-
1.ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เช่น:-
-ถาม: What is that ?
=นั่นคืออะไร?
-ตอบ: It is a toy car.
=มันคือรถยนต์เด็กเล่น.
2.ใช้ถามเกี่ยวกับอาชีพ เช่น:-
-ถาม: What does he do ?
=เขาทำงานอะไร?
-ตอบ: He is a teacher.
=เขาเป็นคุณครู?
3.ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา เช่น:-
-ถาม: What time is it ?
=มันเป็นเวลากี่นาฬิกา?
-ตอบ: It is ten o'clock.
=มันเป็นเวลา 10 นาฬิกา.
4.ใช้ถามชื่อและนามสกุล เช่น:-
-ถาม: What is your name?
=ชื่อของคุณคืออะไร?
-ตอบ: My name is Pornchai
=ชื่อของผมคือพรชัย.
-ถาม: What is your family name?
=นามสกุลของคุณคืออะไร?
-ตอบ: My family name is Duangmalai.
5.ใช้ถามเกี่ยวกับการกระทำ เช่น:-
-ถาม: What are you doing now?
=คุณกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้?
-ตอบ: I am eating rice.
=ฉันกำลังกินข้าว.
Where
-Where ( แวร์ ) ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น:-
-ถาม: Where do you live ? คุณอยู่ที่ไหน
-ตอบ: I live in the city. ฉันอยู่ในเมือง
-ถาม: Where are you now ? คุณอยู่ที่ไหนขณะนี้
-ตอบ: I sit under the big tree. ฉันนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
-ถาม Where do you drive? คุณขับรถไปไหน
-ตอบ: I drive to the countryside. ฉันขับรถไปชนบท
-ถาม: Where is your school? โรงเรียนคุณอยู่ที่ไหน
-ตอบ: My school is in the village. โรงเรียนของฉันอยู่ในหมู่บ้าน
-ถาม: Where do you travel ? คุณเดินทางไปไหน
-ตอบ: I travel to Roi-Et. (เขียนถูกคือ Royed) ผมเดินทางไปเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด
When
1.When ( เว็น ) แปลว่า "เมื่อไหร่" ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา
-การถามด้วย when ผู้ตอบจะต้องบ่งบอกเวลาที่ชัดเจน เช่น วัน เดือน ปี หรือเวลา เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ เช่น:-
-ถาม: When will you come back?
=คุณจะกลับมาเมื่อไหร่?
-ตอบ: I will come back on twenth day.
=ผมจะกลับมาในวันที่สิบสอง.
-ถาม:When is Wannisa's party ?
=งานเลี้ยงของวันนิสาเมื่อไหร่?
-ตอบ:It’s on next Friday, at 6 p.m.
=วันศุกร์หน้าเวลาบ่าย 6 โมงเย็น.
-ถาม: When do you usually have breakfast ?
=คุณมักจะรับประทานอาหารเช้าเมื่อไหร่?
-ตอบ: I usually have breakfast at 6.30 a.m.
=ฉันมักจะรับประทานอาหารเช้าเวลา 6 นาฬิกา 30 นาที
2.When ใช้เป็นคำเชื่อม แปลว่า "เมื่อ, ตอน " เช่น:-
-You say it best when you say nothing at all.
=คุณพูดได้ดีที่สุดเมื่อคุณไม่พูดอะไรเลย.
-The sky is beautiful when the sun goes down.
=ท้องฟ้าสวยเมื่อพระอาทิตย์ตก.
-Sing when you’re ready.
=จงร้องเพลงเมื่อคุณพร้อม.
-He arrived when we were sleeping.
=เขามาถึงเมื่อพวกเรากำลังนอนหลับ.
-We lived in Japan when we were young.
=เราอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นตอนเราเป็นเด็ก.
-We feel cool when the wind blows.
=พวกเรารู้สึกเย็นเมื่อลมพัด.
3.When ใช้เป็นคำถามโดยทั่วๆไป
-When do the Olympic Games start?
=กีฬาโอลิมปิกเริ่มเมื่อไหร่?
-When were you born?
=คุณเกิดเมื่อไหร่?
-When will you come back to Thailand?
=คุณจะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่?
-When will I see you again!
=ผมจะพบคุณอีกครั้งเมื่อไหร่?
-When will you visit your aunt in America?
=คุณจะไปเยี่ยมป้าในอเมริกาเมื่อไหร่?
-When will you go to England?
=คุณจะไปอังกฤษ เมื่อไหร่?
-When did it happen?
=มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
-When is your birthday?
=วันเกิดของคุณเมื่อไหร่?
-When does the school start?
=โรงเรียนเปิดเมื่อไหร่?
-When will I find my love?
=ฉันจะพบรักของฉันเมื่อไหร่?
-When will you love me?
=คุณจะรักฉันเมื่อไหร่
Why
-Why (วาย) แปลว่า “ ทำไม” คำตอบของ Why มักใช้คำว่า because เสมอ
-โครงสร้างที่ 1 คือ Why + verb + นาม/ สรรพนาม + adjective ? เช่น:-
-ถาม: Why are you happy ?
=ทำไมคุณจึงมีความสุข?
-ตอบ: I am happy because I get good mark.
=ฉันมีความสุขเพราะฉันได้คะแนนดี.
-ถาม: Why is your mother angry ?
=ทำไมแม่ของคุณจึงโกรธ?
-ตอบ: My mother is angry because I broke a lot of glasses.
=แม่ของฉันโกรธเพราะฉันทำแก้วแตกเป็นจำนวนมาก.
-โครงสร้างที่ 2 คือ Why + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้ + (กรรม) ? เช่น:-
-ถาม: Why does the baby cry ?
=ทำไมเด็กทารกจึงร้องไห้?
-ตอบ: The baby cries because hungry.
=เด็กทารกร้องไห้เพราะหิว.
-ถาม: Why does Susan sing ?
=ทำไมซูซานจึงร้องเพลง.
-ตอบ: She sings because she is happy.
=หล่อนร้องเพลงเพราะหล่อนมีความสุข.
Who
-คำว่า " Who " เราจะคุ้นเคยกับคำนี้ว่า "คำนี้แปลว่า ใคร" แต่จริงๆแล้วมันสามารถนำไปใช้เชื่อมประโยคได้อีกด้วย ซึ่งถ้าทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมจะแปลว่า "ผู้ที่, ผู้ซึ่ง"
-Who (ใคร) ใช้เป็นคำถาม เช่น:-
-Who is that?
=นั่นใคร?
-That is John.
=นั่นคือจอห์น.
-Who came to school yesterday.
=ใครมาโรงเรียนเมื่อวาน.
- Jo did.
=โจมา.
**คำถามเป็น past simple tense คำตอบก็ต้องเป็น past simple tense แต่ในประโยคนี้ใช้ did แทน came
-Who are they?
=พวกเขาเป็นใคร?
-They are my parents.
=พวกเขาคือ พ่อแม่ของฉัน.
-Who ate my cake?
=ใครกินเค้กของฉัน.
-He did.
=เขากิน.
**คำถามเป็นpast simple tense คำตอบก็เป็น past simple tense แต่ใช้ did แทน ate
-Who wants the money?
=ใครต้องการเงิน.
-Jane does.
=เจน ต้องการ
**คำถามเป็น present simple tense คำตอบก็ต้องเป็น present simple tense แต่ในประโยคนี้ใช้ does
แทน wants
-Who is the richest man in Thailand?
=ใครคือบุรุษที่รวยที่สุดในไทย.
-Mr. Rich is the richest man.
=นายริชเป็นคนรวยที่สุด.
-Who แปลว่า "ผู้ที่, ผู้ซึ่ง" ใช้เป็นคำเชื่อม
-คำว่า "ผู้ที่, ผู้ซึ่ง" บางครั้งแปลว่า "ใคร" ก็ได้ในบางประโยค
-He is the man who came here yesterday.
=เขาคือผู้ชายผู้ที่มาที่นี่เมื่อวาน.
-That is the girl who gave me the pencil.
=นั่นคือผู้หญิงผู้ที่ให้ดินสอแก่ฉัน.
-This is my best friend who always helps me.
=นี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันผู้ที่ช่วยฉันเสมอ.
3 ประโยคข้างล่างนี้ควรไปทบทวนหลักไวยกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ who อีก
-I don’t know who she is.
=ผมไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร.
-I know who that boy is.
=ผมรู้ว่าเด็กชายคนนั้นเป็นใคร.
-I don’t care who that man is.
=ผมไม่สนว่าชายคนนั้นเป็นใคร.
Whom
-Whom (ฮูม) แปลว่า " ใคร" ใช้ถามถึงบุคคลและใช้เป็นกรรม (object) หรือผู้ถูกกระทำของประโยค โดยมีรูปแบบ
ประโยคดังต่อไปนี้
-โครงสร้างของประโยคคำถาม
-Whom + helping verb + subject + Verb?
-Whom + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้
-โครงสร้างของประโยคคำตอบ
-ประธาน + (กริยา) + ส่วนขยาย เช่น:-
-ประโยคคำถาม A : Whom do they meet ?
=พวกเขาพบใคร?
-ประโยคคำตอบ A : They meet their friends
=พวกเขาพบเพื่อนทั้งหลายของพวกเขา.
-ประโยคคำถาม B : Whom are you waiting for?
=คุณกำลังรอใคร?
-ประโยคคำตอบ B : I am waiting for my mother.
=ฉันกำลังรอแม่ของฉัน.
-ประโยคคำถาม C : Whom does she go with?
=หล่อนไปกับใคร?
-ประโยคคำตอบ C : She goes with her son.
=หล่อนไปกับลูกชายของหล่อน.
-ประโยคคำถาม D : Whom are you speaking to?
=คุณกำลังพูดถึงใคร?
-ประโยคคำตอบ D : I am speaking to my students
=ฉันกำลังพูดถึงนักเรียนทั้งหลายของฉัน.
-The person to whom we spoke was very helpful.
= บุคคลที่พวกเราพูดถึงมีประโยชน์มาก.
-The person, whom we spoke with, spoke very good.
=บุคคลที่พวกเราพูดด้วยพูดดีมาก.
-To whom am I speaking?
=ฉันกำลังพูดถึงใคร?
-Her brother, whom I met last year, is an attorney.
=แม่ของเธอที่ฉันพบเมื่อวานนี้เป็นอัยการ
**ข้อสังเกต : เรานิยมใช้ "Who" แทน "Whom" ก็ได้
Whose
-Whose (ฮูส) แปลว่า “ของใคร” แบ่งวิธีการใช้ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
-คำนามที่ตามหลัง ถ้ามีรูปเป็นเอกพจน์ คำกริยาก็เป็นเอกพจน์ แต่ถ้าคำนามเป็น พหูพจน์คำกริยาก็จะเป็นพหูพจน์ด้วย
เช่น:-
1.whose ทำหน้าที่เป็น Reflexive Pronoun คือสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น:-
-โครงสร้างคือ whose + noun + verb + subject
-ถาม: Whose dog is it ?
=มันเป็นสุนัขของใคร?
-ตอบ: It’s Ladda’s dog.
=มันเป็นสุนัขของลัดดา.
-ถาม: Whose books are on the table ?
=หนังสือของใครอยู่บนโต๊ะ.
-ตอบ: Their books are on the table.
=หนังสือของพวกเขาอยู่บนโต๊ะ.
2.Whose ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายตัวกรรม
-I wonder whose story was chosen.
=ฉันสงสัยว่าเรื่องของใครจะถูกเลือก.
-Whose books did you borrow ?
=คุณขอยืมหนังสือของใคร?
-I borrowed Suda’s books.
=ฉันขอยืมหนังสือของสุดา.
-Whose house will you rent ?
=คุณจะเช่าบ้านของใคร?
-I shall rent Maliwan’s house.
=ฉันจะเช่าบ้านของมะลิวัลย์.
Which
-Which (วิช) แปลว่า “ อันไหน, คนไหน, ตัวไหน” เป็นได้ทั้งประธาน และกรรม ใช้ได้กับคน, สัตว์, และสิ่งของ
1.เมื่อทำหน้าที่เป็นประธาน มีโครงสร้าง 3 อย่าง คือ:-
-โครงสร้างที่ 1 คือ: Which + กริยา + กรรม ? เช่น:-
-ถาม: Which is yours ?
=ของคุณอันไหน?
-ตอบ: This is mine.
=อันนี้คือของฉัน.
-โครงสร้างที่ 2 คือ: Which + นาม/สรรพนาม + กริยา + กรรม ? เช่น:-
-ถาม: Which book is hers ?
=หนังสือเล่มไหนเป็นของเธอ? หรือ หนังสือของเธอเล่มไหน?
-ตอบ: The blue one is hers.
=เล่มสีน้ำเงินเป็นของเธอ.
-โครงสร้างที่ 3 คือ: Which + of + นาม หรือ สรรพนาม + กริยา + กรรม ? เช่น:-
-Which of those boys is most smart ?
=บรรดาเด็กชายทั้งหลายเหล่านั้นคนไหนเป็นคนฉลาดที่สุด?
- Udomsak is most smart.
=อุดมศักดิ์ฉลาดที่สุด.
2.เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรม แบ่งออกเป็น 3 โครงสร้าง คือ:-
-โครงสร้างที่ 1 คือ: Which + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้ เช่น:-
-Which do you live most ?
=คุณอาศัยอยู่ตรงไหนมากที่สุด?
- I live in my house most.
=ฉันอาศัยอยู่ในบ้านมากที่สุด.
-โครงสร้างที่ 2 คือ: Which + นาม/สรรพนาม + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้ เช่น:-
-Which book do you want to buy ?
=คุณต้องการซื้อหนังสือเล่มไหน?
- I want to buy a cartoon book.
=ฉันต้องการซื้อหนังสือการ์ตูน.
-โครงสร้างที่ 3 คือ: Which of + นาม/สรรพนาม + กริยา ช่วย+ ประธาน + กริยาแท้ ? เช่น:-
-Which of the girls is the most beautiful ?
=บรรดาเด็กหญิงทั้งหลายคนไหนสวยที่สุด
- Wilailuk is the most beautiful.
=เด็กหญิงวิไลลักษณ์สวยที่สุด.
How
-How (ฮาว) แปลว่า “ อย่างไร” ซึ่งคำตอบของ how จะเกี่ยวกับวิธีการ ลักษณะ หรือ อาการต่างๆ
-โครงสร้างที่ 1 คือ: How + verb to be + นาม/ สรรพนาม ? เช่น:-
-ถาม:How are you today ?
=คุณเป็นอย่างไรวันนี้?
-ตอบ:I’m fine, thank you.
=ฉันสบายดีขอบคุณ.
-ถาม:How is your father ?
=พ่อของคุณสบายดีหรือ?
-ตอบ:Yes, He is better.
=ครับ, เขาสบายดียิ่ง.
-โครงสร้างที่ 2 คือ: How + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้ + (กรรม) ? เช่น:-
-ถาม:How do you go to Chiang Mai ?
=คุณไปเชียงใหม่อย่างไร?
-ตอบ:I go to Chiang Mai by train.
=ฉันไปเชียงใหม่โดยรถไฟ.
-ถาม: How did you draw this picture ?
=คุณวาดภาพนี้อย่างไร?
-ตอบ: I draw this picture by copy it.
=ฉันวาดภาพนี้โดยการก็อบปี้ (คือการลอกเรียนแบบ).
-โครงสร้างที่ 3 คือ: How + adj. + verb to be + ประธาน เช่น:-
-ถาม: How old is she ?
=หล่อนอายุเท่าไหร่?
-ตอบ: She is 16 years old.
=หล่อนอายุ 16 ปี.
-ถาม: How tall is John ?
=จอห์นสูงเท่าไหร่?
-ตอบ: He is 6 feet tall.
=เขาสูง 6 ฟุต
-โครงสร้างที่ 4 คือ: How + much + นามนับไม่ได้ + กิริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้ + many + นามนับได้พหูพจน์ เช่น:-
-ถาม: How much oil did he buy ?
=เขาซื้อน้ำมันมากเท่าไหร่?
-ตอบ: He bought a gallon of oil.
=เขาซื้อน้ำมัน
-ถาม:How many dogs do you have ?
=คุณมีสุนัขกี่ตัว?
-ตอบ: I have eleven dogs.
=ฉันมีสุนัข 11 ตัว.
https://deepenglish.com/7-day-english
https://blog.eduzones.com/moobo/154514
Daily Routines English
(ภาษาอังกฤษในกิจวัตรประจำวัน)
-I get up.
=ฉันตื่นนอน.
-I brush teeth and bath.
=ฉันแปรงฟันและอาบน้ำ.
-I take a shower.
=ฉันอาบน้ำ.
--I sweep the house.
=ฉันปัดกวาดบ้าน.
- I get dressed.
=ฉันแต่งตัว.
- I have a breakfast.
=ฉันรับปรนะทานอาหารเช้า.
-I go to work.
=ฉันไปทำงาน.
- I start work at nine o'clock.
=ฉันเริ่มทำงานในเวลา 9 โมงเช้า.
- I have lunch time twelve-thirty minutes (12 o'clock thirty minutes)
= ฉันรัประทานอาหารกลางวันเวลา 12.30 น.
-I finish work at eighteen-thirty minutes.
=ฉันทำงานเสร็จในเวลา 6.30 น.
-I arrive home at nineteen o'clock.
=ฉันมาถึงบ้านเวลา 19.00 น.
-I have dinner.
=ฉันรับประทานอาหารเย็น.
-I watch TV.
=ฉันดูทีวี.
- I go to bed.
=ฉันไปนอน.
จงคลิกลิ้งค์ข้างล่างขึ้นมาศึกษาประกอบ
http://www.tonamorn.com/english/conversation/weather/
http://www.stopmemo.com/2015/03/1500-conversations-firstset/
https://www.youtube.com/watch?v=gifd7XZNrGs
https://www.pinterest.com/explore/vocabulary-activities/
https://www.pinterest.com/explore/vocabulary-ideas/
https://www.pinterest.com/explore/vocabulary-words/
https://www.pinterest.com/bombshyblonde/esl-teaching-roomshousehold-objects/?lp=true
https://www.pinterest.com/johnpurcelleng/esl-vocabulary/?lp=true
https://www.pinterest.com/jalaysa/learning-english/?lp=true
https://www.pinterest.com/jul7788/house/?lp=true
https://www.pinterest.com/ESLChesapeake/english-for-beginners/?lp=true
https://www.pinterest.com/pin/461126449324126175/
http://anuskateacher.blogspot.com/2013_08_01_archive.html
https://www.pinterest.com/koskikatrii/casa/?lp=true
https://www.pinterest.com/pin/844493660992693/
Question Word from Pinterest
https://www.pinterest.com/pin/566679565597594839/
เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด
กรุณาใส่ข้อความ …