หน้าที่ ๓ ว่าด้วยเรื่องนานาสาระ

               หน้าที่ ๓ ว่าด้วยเรื่องนานาสาระ              

     ว่าด้วยเรื่องนานาสาระ  ๒๔  ประการ  คือ:-

    ๑.ศีลและคำอาราธนาศีล

    ๒.คำอาราธนาธรรม

    ๓.คำอาราธนาพระปะริตร  (ให้อ่านเป็นพระปะ-ริด)

    ๔.คาถาบูชาดวง

    ๕.คาถาบูชาพระประจำวันเกิด

    ๖.คาถาบูชาเทพประจำวันเกิด

    ๗.คาถาบูชาพระประจำวันเกิดในทิศทั้ง ๘

    ๘.เครื่องบูชาพระราหู

    ๙.สีประจำวันเกิดและเพชรพลอยประจำวันเกิด

    ๑๐.เรื่องของน้ำมนต์

    ๑๑.คำสวดถอดสวดถอน

    ๑๒.คำสวดทิศ

    ๑๓.คำอาราธนาเอาพระมาสรงในวันสงกรานต์

    ๑๔.วิธีแก้อุบาทว์

    ๑๕.วิธีสะเดาะพระเคราะห์

    ๑๖.การสร้างบ้านใหม่

    ๑๗.การขึ้นบ้านใหม่

    ๑๘.การแต่งงาน

    ๑๙.เรื่องของงานศพ

    ๒๐.เรื่องการตัดเล็บและการตัดผม

    ๒๑.การออกรถใหม่

    ๒๒.คำถวายทานต่างๆ

    ๒๓.เรื่องของการบวช

    ๒๔.ยามอัฏฐกาล

             ศีล

    ๐ศีล  แปลว่า "ปกติ, หนักแน่น"

      -ศีลแปลว่า "ปกติ"  หมายถึงการรักษากายวาจาและใจให้เป็นสุจริต

         -สุจริต  แบ่งออกเป็น  ๓  ชนิด  คือ:-

            ๑.กายสุจริต      คือความประพฤติดีทางกาย

            ๒.วจีสุจริต        คือความประพฤติดีทางวาจา

            ๓.มโนสุจริต      คือความประพฤติดีทางใจ   

         -กายสุจริต คือการประพฤติดีทางกาย  แบ่งออกเป็น ๓  ชนิด   คือ:-

            ๑.ไม่ฆ่าสัตว์     คืองดเว้นจากการฆ่าสัตว์และมนุษย์

            ๒.ไม่ลักทรัพย์   คืองดเว้นจากการลักขโมยปล้นจี้ฉกชิ่งวิ่งราว

            ๓.ไม่ประพฤติผิดในกาม   คืองดเว้นจากการเล่นชู้

         -วจีสุจริต คือการประพฤติดีทางวาจา  แบ่งออกเป็น ๔  ชนิด   คือ:-

            ๑.ไม่พูดเท็จ   คืองดเว้นจากการพูดโกหกหลอกลวงต้มตุ๋นผู้อื่น

            ๒.ไม่พูดส่อเสียด   คือการงดเว้นจากการพูดยุยงส่งเสริมให้เขาทะเลาะกัน

            ๓.ไม่พูดคำหยาบ   คือการงดเว้นจากการพูดจาลามกอนาจาร

            ๔.ไม่พูดเพ้อเจ้อ    คือการงดเว้นจากการพูดจาไม่มีมูลความจริงใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น

         -มโนสุจริต  คือการประพฤติดีทางใจ  แบ่งออกเป็น ๓ ชนิด   คือ:-

            ๑.ไม่โลภอยากได้ของเขา

            ๒.ไม่คิดอาฆาตพยาบาทป้องร้ายเขา

            ๓.สัมมาทิฏฐิ  เห็นชอบตามธรรมนองครองธรรม  คือเห็นว่าบุญมีบาปมี ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว พ่อแม่มีคุณ  นรกสวรรค์มีจริง

      -ศีลแปลว่าหนักแน่น    หมายถึงการมีใจมั่นคงในการทำคุณงามความดีอย่างไม่ท้อถอย  คือมีใจที่ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ   คือ:-

           ๑.หิริ      คือความละอายแก่ใจในการทำบาป

           ๒.โอตตัปปะ    คือความเกรงกลัวในการทำบาป

    -ศีลแบ่งออกเป็น ๕ ชนิด   คือ:-

       ๑.ศีล  ๕     คือศีลที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์ทั้งชายและหญิง

       ๒.ศีล  ๘     คืออุโบสถศีลอันเป็นศีลของอุบาสกและอุบาสิกา

       ๓.ศีล  ๑๐   คือศีลของสามเณร

       ๔.ศีล  ๒๒๗    คือศีลของพระ

       ๕.ศีล  ๓๑๑      คือศีลของนางภิกษุณี

    ในตำราเล่มนี้ข้าพเจ้าจะพูดแต่เรื่องของศีล ๕  เพราะศีล ๕  เป็นศีลที่สำคัญอันเป็นศีลพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน  ถ้าเปรียบกับต้นไม้ก็จะเหมือนกับรากแก้วของต้นไม้   ต้นไม้ทั้งหลาย ถ้ากิ่ง ใบ ตายก็ยังสามารถดำรงค์ชีพได้  แต่ถ้ารากแก้วตายทุกส่วนของต้นไม้ก็จะตายหมด   คนเราก็เหมือนกัน ถ้าศีล ๕ ไม่มีซักข้อ  ชะตาชีวิตก็จะล้มเหลวพินาศฉิบหายไปที่ใดก็จะมีแต่คนเกลียดชัง ถึงจะมีเงินเป็น ๑๐๐ ล้าน  ๑๐๐๐  ล้าน  ก็จะพินาศฉิบหายไปจนหมดสิ้นจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่  เวลานอนก็ละเมอเพ้อพกสะดุ้งหวาดกลัว ตกใจง่ายไม่มีความสุข

             ศีล ๕

    ๐ศีลที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์มี  ๕  ข้อ   คือ

       ๑.ปาณาติปาตา  เวระมะณี         คือให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ทุกชนิด

       ๒.อะทินนาทานา  เวระมะณี        คือให้งดเว้นจากการ ลักขโมย  ปล้นจี้  ฉกฉิง  วิ่งราว

       ๓.กาเมสุมิจฉาจารา  เวระมะณี     คือให้งดเว้นจากการเล่นชู้

       ๔.มุสาวาทา  เวระมะณี     คือให้งดเว้นจากการพูดจาโกหกหลอกลวงต้มตุ๋นผู้อื่น

       ๕.สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา  เวระมะณี     คือให้งดเว้นจากการดื่มเหล้า  เบียร์ และยาเสพติดทุกชนิด

             คำอาราธนาศีล ๕

    ๐มะยัง  ภันเต  วิสุง  วิสุง  รักขะณัตถายะ  ติสะระเณนะ  สะหะ  ปัญจะ  สีลานิ  ยาจามะ

ทุติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  วิสุง  วิสุง  รักขะณัตถายะ  ติสะระเณนะ  สหะ  ปัญจะ  สีลานิ  ยาจามะ

ตะติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  วิสุง  วิสุง  รักขะณัตถายะ  ติสะระเณนะ  สะหะ  ปัญจะ  สีลานิ  ยาจามะ ฯ

            โทษและคุณของศีล ๕

                โทษของศีล ๕

    ๐ผู้ใดล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๑  จะบังเกิดเป็นผลเสีย ๙ ประการ  ในอนาคตกาล ดังต่อไปนี้

      ๑.ร่างกายจะทุพพลภาพ ไม่สมประกอบ

      ๒.รูปร่างจะไม่สวยงาม

      ๓.จะมีกำลังกายที่อ่อนแอ

      ๔.มีกำลังกายอันเฉื่อยชา มีกำลังปัญาไม่ว่องไว

      ๕.เป็นคนขี้ขลาดตกใจง่าย

      ๖.มักฆ่าตัวตายหรือถูกผู้อื่นฆ่าตาย

      ๗.มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนมาก

      ๘.มีบริวารก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้มักพินาศฉิบหายไปหมด

      ๙.มีอายุสั้น

    ๐ผู้ใดล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๒  จะบังเกิดเป็นผลเสีย ๕  ประการ  ในอนาคตกาล ดังต่อไปนี้

      ๑.จะเป็นคนด้อยทรัพย์อับปัญญา

      ๒.จะลำบากยากจน

      ๓.จะไม่ได้ในสิ่งที่ตนปราถนา

      ๔.จะเกิดความพินาศฉิบหายในธุรกิจการงาน

      ๕.ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่จะพินาศฉิบหายไปด้วยอำนาจของภัยทั้งหลาย คือ ราชภัย

(ภัยจากระบบราชการ)   โจรภัย   ธรณีภัย   อุทกภัย   อัคคีภัย   และวาตภัยเป็นต้น

    ๐ผู้ใดล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๓  จะบังเกิดเป็นผลเสีย ๑๐  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนเกลียดชัง

      ๒.มีศัตรูปองร้ายมาก

      ๓.จะมีความขัดสนเรื่องทรัพย์สินเงินทอง

      ๔.จะเป็นคนอดอยากยากจน

      ๕.ถ้าเป็นชายจะต้องไปเกิดเป็นผู้หญิง  ถ้าเป็นผู้หญิงจะต้องไปเกิดเป็นกะเทยหรือเป็นทอม

      ๖.จะถูกตอน และอวัยเพศจะไม่สมบูรณ์แบบ

      ๗.จะไปเกิดเป็นชายในตระกูลต่ำ เช่น ขอทานเป็นต้น

      ๘.มักจะได้รับความอับอายและขายหน้าอยู่เสมอ

      ๙.จะเป็นคนมีความวิตกกังวลและห่วงใยมาก

      ๑๐.จะพลัดพรากจากคนที่ตนรัก

    ๐ผู้ใดล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๔  จะบังเกิดเป็นผลเสีย ๘  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.จะพูดจาไม่ชัด

      ๒.ฟันจะไม่ราบเรียบเป็นระเบียบ

      ๓.จะเป็นคนปากเหม็นและเป็นโรคฟัน

      ๔.จะมีไอตัวร้อนจัด

      ๕.จะเป็นคนตาเข   ตาเบือน   ตาส่อน   ตาลอ   และตาไม่เป็นปกติ

      ๖.จะพูดจาด้วยปลายลิ้นและปลายปาก  คือพูดออกเสียงแบะๆ

      ๗.มีท่าทางไม่สง่าผ่าเผย

      ๘.จิตใจจะไม่เที่ยงคล้ายคนวิกลจริต

    ๐ผู้ใดล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๕  จะบังเกิดเป็นผลเสีย ๙  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.จะเป็นคนขาดสติจิตใจเลื่อนลอย

      ๒.จะเกิดเป็นคนบ้า

      ๓.จะเกิดเป็นคนปัญญาอ่อน

      ๔.จะเกิดเป็นคนโง่มีปัญญาทึบ

      ๕.จะเกิดเป็นคนขี้เหล่ รูปร่างอัปลักษณ์

      ๖.จะเกิดเป็นคนใจพาลไม่รู้จักผิดแลชอบ

      ๗.จะเกิดเป็นคนใจคอโหดร้าย

      ๘.จะเกิดเป็นแมงผีเสื้อ ๕๐๐ ชาติ

      ๙.จะเกิดเป็นสุนัขบ้า ๕๐๐ ชาติ

                คุณประโยชน์ของศีล ๕

    ๐ผู้ใดไม่ล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๑  จะบังเกิดเป็นผลดี ๒๓  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.จะเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยอวัยวะน้อยใหญ่

      ๒.จะมีร่างกายอันสมทรงสูงสง่าผ่าเผย

      ๓.จะเป็นคนคล่องแคล่วว่องไวดี

      ๔.จะเป็นผู้มีเท้าอันราบเรียบสวยงามดี

      ๕.จะเป็นผู้สดใสและรุ่งเรื่องดี

      ๖.จะเป็นคนสะอาด

      ๗.จะเป็นคนอ่อนโยน

      ๘.จะเป็นคนมีความสุข

      ๙.จะเป็นคนแกล้วกล้า

      ๑๐.จะเป็นคนมีกำลังมาก

      ๑๑.จะพูดจาด้วยถ้อยคำอันสละสลวย

      ๑๒.มีบริวารดีจะไม่พลัดพรากจากกัน

      ๑๓.จะไม่สะดุ้งตกใจกลัว

      ๑๔.ข้าศึกศัตรูจะทำอันตรายมิได้

      ๑๕.จะไม่ตายด้วยการจองล้างจองผลาญของผู้อื่น

      ๑๖.จะมีบริวารมากหาที่สุดมิได้

      ๑๗.จะเป็นคนมีรูปร่างสวยงาม

      ๑๘.จะมีรูปทรงสมส่วนสง่างาม

      ๑๙.จะมีความเจ็บไข้ได้ป่วยน้อย

      ๒๐.จะไม่มีเรื่องที่ทำให้เสียใจ

      ๒๑.จะเป็นที่รักใคร่ของชาวโลก

      ๒๒.จะไม่พลัดพรากจากคน สัตว์ สิ่งของ อันเป็นที่รักใคร่ชอบใจ

      ๒๓.จะมีอายุยืนยาว

    ๐ผู้ใดไม่ล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๒  จะบังเกิดเป็นผลดี ๑๑  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.จะมีทรัพย์สินเงินทองมาก

      ๒.จะมีอาหารและข้าวของมาก

      ๓.จะหาทรัพย์สมบัติได้ไม่มีที่สิ้นสุด

      ๔.ทรัพย์สมบัติที่ยังไม่ได้ก็จะได้

      ๕.ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่แล้วก็จะยั่งยืน

      ๖.จะหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

      ๗.ทรัพย์สมบัติจะไม่กระจัดกระจายด้วย ราชภัย  โจรภัย อัคคีภัย ธรณีภัย วาตะภัย  อุทกภัย และภัยจากการปองร้าย  หรือถูกญาติพี่น้องฉ้อโกง

      ๘.หาทรัพย์สินเงินทองมาได้จะไม่ถูกแบ่ง

      ๙.จะเป็นผู้มีสิทธิ์ได้โลกุตตะระทรัพย์

      ๑๐.จะหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

      ๑๑.อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ความสุขกายสุขใจ

    ๐ผู้ใดไม่ล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๓  จะบังเกิดเป็นผลดี ๒๐  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.จะไม่มีข้าศักศัตรู

      ๒.จะเป็นที่รักของคนทั่วไป

      ๓.จะหาข้าวปลาอาหารเครื่องดื่มและเครื่องนุ่งห่มอย่างง่ายดาย

      ๔.หลับก็เป็นสุข

      ๕.ตื่นก็เป็นสุข

      ๖.จะพ้นจากภัยในอบายภูมิ

      ๗.จะไม่กลับมาเกิดเป็นผู้หญิง กะเทย หรือเป็นทอมอีก

      ๘.จะไม่โกรธง่าย

      ๙.ทำอะไรก็จะเรียบร้อย

      ๑๐.ทำอะไรก็จะเปิดเผยไม่ปิดบัง

      ๑๑.เป็นผู้สง่าผ่าเผย

      ๑๒.มีสีหน้าอันสดชื่นผ่องใส

      ๑๓.เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป

      ๑๔.จะมีอิทรีย์ร่างกายอันบริบูรณ์

      ๑๕.จะมีรูปร่างลักษณะกิริยาท่าทางอันสมบูรณ์

      ๑๖.จะไม่มีคนรังเกียจ

      ๑๗.จะไม่เหน็ดหนื่อยในการแสวงหาทรัพย์สมบัติ  ทำอะไรเล็กน้อยก็จะบังเกิดทรัพย์สมบัติขึ้นมาเอง

      ๑๘.จะอยู่ที่ไหนก็จะเป็นสุข

      ๑๙.ไม่ต้องหวาดกลัวภัยจากใครๆ

      ๒๐.จะไม่พลัดพรากจากของรักของชอบใจ

    ๐ผู้ใดไม่ล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๔  จะบังเกิดเป็นผลดี ๑๔  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.มีอินทรีย์ร่างกายอันผ่องใส

      ๒.มีวาจาอันไพเราะสละสลวย

      ๓.มีไรฟันอันแนบชิดติดกันดีและสะอาด

      ๔.ไม่อ้วนเกินไป

      ๕.ไม่ผอมเกินไป

      ๖.ไม่ต่ำเกินไป

      ๗.ไม่สูงเกินไป

      ๘.มีสัมผัสอันสบาย

      ๙.มีปากหอมเหมือนดอกบัว

      ๑๐.มีบริวารล้วนแล้วแต่ขยันขันแข็ง

      ๑๑.มีถ้อยคำเป็นที่น่าเชื่อถือได้

      ๑๒.มีลิ้นบางและมีสีแดงอ่อนนุ่มเหมือนกลีบของดอกบัวแดง

      ๑๓.มีจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน

      ๑๔.ไม่พูดจาติดอ่างและเป็นใบ้

    ๐ผู้ใดไม่ล่วงละเมิดศีลข้อที่ ๕  จะบังเกิดเป็นผลดี ๓๕  ประการ  ในอนาคตกาลดังต่อไปนี้

      ๑.รู้กิจการงานต่างๆ ทั้งในปัจจุบัน  อดีต  และอนาคตกาลได้รวดเร็ว

      ๒.มีสติตั้งมั่นอยู่ทุกเมื่อไม่หลงลืม

      ๓.ไม่เป็นบ้า

      ๔.มีความรู้มาก

      ๕.เป็นคนถือเหตุผลไม่หวั่นไหว

      ๖.เป็นคนไม่งงและไม่เซอะ

      ๗.ไม่เป็นใบ้

      ๘.ไม่มัวเมา

      ๙.ไม่ประมาท

      ๑๐.ไม่หลงไหล

      ๑๑.ไมหวาดสะดุ้งกลัว

      ๑๒.ไม่มีความรำคาญ

      ๑๓.ไม่มีความริษยา

      ๑๔.มีความขวานขวายน้อย คือทำอะไรนิดหน่อยก็กลายเป็นเงินเป็นทองไปหมด

      ๑๕.มีแต่ความสุข

      ๑๖.มีแต่คนนับถือยำเกรง

      ๑๗.พูดแต่คำสัตย์คำจริง

      ๑๘.ไม่พูดส่อเสียดใคร

      ๑๙.ไม่พูดจาหยาบคายกับใคร

      ๒๐.ไม่พูดเพ้อเจ้อกับใคร

      ๒๑.ไม่เกียจคร้านทุกวันคืน

      ๒๒.มีความกตัญญูรู้คุณท่าน

      ๒๓.รู้จักตอบแทนผู้มีคุณ

      ๒๔.ไม่มีความตระหนี่

      ๒๕.รู้จักเฉลี่ยแบ่งปัน

      ๒๖.มีศีลบริสุทธิ์

      ๒๗.มีความซื่อตรง

      ๒๘.ไม่เป็นคนมักโกรธ

      ๒๙.มีใจละอายต่อการทำบาป

      ๓๐.มีความกลัวต่อผลของบาป

      ๓๑.มีความคิดเห็นถูกทาง

      ๓๒.เป็นผู้มีปัญญามาก

      ๓๓.มีปัญญาอันรุ่งเรืองในธรรม

      ๓๔.เป็นนักปราชญ์มีญาณคติดี

      ๓๕.ฉลาดในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์

               คำอาราธนาศีล ๘

    ๐มะยัง  ภันเต  วิสุง  วิสุง  รักขะณัตถายะ  ติสะระเณนะ  สะหะ  อัฏฐะสีลานิ  ยาจามะ

ทุติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  วิสุง  วิสุง  รักขะณัตถายะ  ติสะระเณนะ  สะหะ  อัฏฐะสีลานิ  ยาจามะ

ตะติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  วิสุง  วิสุง  รักขะณัตถายะ  ติสะระเณนะ  สะหะ  อัฏฐะสีลานิ  ยาจามะ ฯ

    ๐ถ้าคนเดียวให้เปลี่ยน มะยัง   เป็น   อะหัง  และเปลี่ยน  ยาจาม  เป็น  ยาจามิ ฯ

             คำอาราธนาอุโบสถศีล

    ๐มะยัง  ภันเต  ติสะระเณนะ  สะหะ  อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง  อุโปสะถัง  ยาจามะ

ทุติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  ติสะระเณนะ  สะหะ  อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง  อุโปสะถัง  ยาจามะ

ตะติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  ติสะระเณนะ  สะหะ  อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง  อุโปสะถัง  ยาจามะ ฯ

    ๐ถ้าคนเดียวให้เปลี่ยน  มะยัง  เป็น  อะหัง   และให้เปลี่ยน  ยาจามะ  เป็นยาจามิ ฯ

            คำขอสมาทานอุโบสถศีล

    ๐อิมัง  อัฏฐํงคะสะมันนาคะตัง  พุทธะปัญญัตตัง  อุโปสะถัง  อิมันจะ  รัตติง  อิมันจะ 

ทิวะสัง  สัมมะเทวะ  อะภิรักขิตุง  สะมาทิยามิ ฯ

   ๐ข้าแต่ท่านผู้เจริญ  ข้าพเจ้าทั้งหลาย  ขอสมาทานเอาซึ่งอุโบสถศีล  ที่ประกอบไปด้วยองค์ ๘ ประการ  พร้อมไตรสะระณะคมณ์  ดังที่ได้สมาทานมาแล้วนี้  ให้เป็นข้อปฏิบัติ  ตามที่พระพุทธเจ้า  ทรงบัญญัติตั้งไว้  ไม่ให้ขาด  ไม่ให้ทำลาย  สิ้นวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง  ณ เวลาวันนี้  ขอกุศลผลบุญอันนี้  จงเป็นอุปนิสัยปัจจัย  ให้เข้าถึงพระนิพพาน  ในอนาคต กาลเบื้องหน้าโน้นเถิด ฯ

            คำอาราธนาศีล ๑๐

    ๐มะยัง  ภันเต  สะระณะสีลัง  ยาจามะ

  ทุติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  สะระณะสีลัง  ยาจามะ

  ตะติยัมปิ  มะยัง  ภันเต  สะระณะสีลัง  ยาจามะ ฯ

    ๐ถ้าคนเดียวให้เปลี่ยน  มะยัง  เป็น  อะหัง   และให้เปลี่ยน  ยาจามะ  เป็น  ยาจามิ ฯ

            คำอาราธนาธรรม

    ๐พรัหมา  จะ  โลกาธิปะตี  สะหัมปะติ

  กัตอัญชะลี  อันธิวะรัง  อะยาจะถะ

  สันตีธะ  สันตาปปะระชักขะชาติกา

  เทเสตุ  ธัมมัง  อะนุกัมปิมัง  ปะชัง ฯ

          คำอาราธนาพระปะริตร

    ๐วิปปัตติปะฏิพาหายะ          สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

     สัพพะทุกขะวินาสายะ         ปะริตตังพรูถะมังคะลัง

     วิปปัตติปะฏิพาหายะ           สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

     สัพพะภะยะวินาสายะ          ปะริตตังพรูถะมังคะลัง

     วิปปัตติปะฏิพาหายะ           สัพพะสัมปัตติสิทธิยา

     สัพพะโรคะวินาสายะ           ปะริตตังพรูถะมังคะลัง ฯ

           คาถาบูชาดวง

    ๐นะโม  เม  สัพพะเทวานัง            สัพพะคะระหะ  จะ  เทวานัง

  สุริยัญจะ  ปะมุญจะถะ                    สะสิภุมโม  จะ  เทวานัง

  วุโธ  ลาภัง  ภะวิสสะติ                     ชีโว  สุกะโร  จะ  มะหาลาภัง

  โสโรราหูเกตุ  จะ  มหาลาภัง            สัพพะทุกขัง  วินาสสันติ

  ลักขะณา  อะหัง  วันทามิ                 สัพพะทา  สัพพะเทวานัง

  มัง  ปาละยันตุ  สัพพะทา                 เอเตนะ  มังคะละเตเชนะ

  สัพพะโสตถี  ภะวันตุ  เม ฯ

    ๐คาถาบูชาดวงนี้เป็นคาถาที่ใช้สวด  ในเวลาชะตาชีวิตเกิดเคราะห์เข็ญ  โดยให้ปฏิบัติดังนี้

      ให้เอาพระประจำวันเกิดตั้งไว้บนหัวนอน หรือบนหิ้งพระก็ได้  จุดธูปเทียน กราบลง  ๓ ครั้งแล้วประนมมือขึ้นตั้งจิตให้แน่วแน่  สายตาเพ่งดูพระประจำวันเกิดแล้วกล่าวคำอธิษ ฐานว่า "ในขณะนี้ตัวของข้าพเจ้ากำลังมีเคราะห์  ขอให้ตัวข้าพเจ้าจงพ้นจากเคราะห์ในครั้งนี้ด้วยเถิด"  จากนั้นก็ให้สวดคาถาดังต่อไปนี้

              คาถาชำระตัวตนจากเคราะห์

    ๐นี่นะหรือคือพระแม่คงคา  ที่ไหลออกมาจากเกสาของเจ้าแม่ธรณี  ข้าพเจ้าขอชำระร่างกายให้สะอาดปราศจากมลทิน  สิ้นสารพัดทั้งปวงแห่งตัวข้าพเจ้านี้  ณะ  กาลบัดนี้ด้วยเถิด ฯ

    คาถานี้ให้สวด ๓ จบ  ก่อนที่จะลงไปในแม่น้ำ  เมื่อลงไปในแม่น้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ให้

ดำลงไปในแม่น้ำแล้วสวดคาถาชำระตัวว่า "โอมชำระ  มะหาชำระ  นะทีสาคะระ  ชำระ  ประสิทธิ  เม ฯ "  เมื่อเสร็จแล้วให้โผล่ศีรษะขึ้นจากแม่น้ำ  ให้สวดคาถานี้อีก ๓ จบ  ว่า

    "ตัสสา  เกสีสะโต  ยะถาคงคา  โสตังปะวัตตันติ  มาระเสนา  ปะติฏฐาตุง

      อะสักโกนโต  ปะลายิงสุ  ปาระมิตตานุภาเวนะ  มาระเสนา  ปะราชิตา  ทิโสทิสัง

      ปะลายันติ  วิทังเสติ  อะเสสะโต ฯ"

    หลังจากนั้ก็ให้ขึ้นจากแม่น้ำ  เคราะห์กรรมต่างๆก็จะหมดสิ้นไป ฯ ขอให้โชคดี

    คาถาบูชาพระประจำวันเกิด

           พระประจำวันอาทิตย์

  
    ๐พระประจำวันอาทิตย์ เป็นพระปางถวายเนตร    
    ลักษณะพระพุทธรูป: พระพุทธรูปที่อยู่ในพระอริยาบถยืน ลืมพระเนตรทั้งสองเพ่งไปข้างหน้า พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงมาประสานกันอยู่ระหว่างพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนเหลื่อมพระหัตถ์ซ้าย อยู่ในพระอาการสังวรทอดพระเนตรดูต้นพระศรีมหาโพธิ์
        ประวัติความเป็นมา
  เมื่อครั้งพระบรมศาสดาได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ได้ประทับเสวยวิมุตติสุข (สุขอันเกิดจากความสงบ) อยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นระยะเวลา ๗ วัน จากนั้นก็ได้เสด็จไปประทับยืน ณ ที่กลางแจ้งทางทิศอีสานของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทอดพระเนตรต้นพระศรีมหาโพธิ์โดยไม่กระพริบพระเนตรเลยตลอดระยะเวลา ๗ วัน ซึ่งสถานที่ประทับยืนนี้ได้มีนามปรากฏว่า "อนิมิสเจดีย์" มาจนปัจจุบัน เป็นเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้เรียกว่า ปางถวายเนตร นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปเพื่อสักการะบูชาประจำวันของคนเกิดวันอาทิตย์
       คาถาบูชาพระประจำวันอาทิตย์
  ๐อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะคุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะ ธัมเม, เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา, นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมังโส ปะริตตัง กัตะวา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ
  ๐ให้สวด วันละ 6 จบ จะมีความเจริญรุ่งเรืองและความสุขสวัสดีตลอดกาล และผู้ที่เกิดวันอาทิตย์พึงใช้สีที่เป็นมงคล สำหรับเครื่องนุ่งห่ม ประจำบ้านเรือน หรือเครื่องประดับควรเป็นของที่มีสีแดง จะเป็นสิริมงคลลาภผล ดียิ่งนัก ส่วนสีรองๆ ลงไป มีสีม่วง สีเขียว สีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก พึงเว้น สีน้ำเงิน
   คาถาสวดบูชาพระวันอาทิตย์แบบย่อ
    ๐สัเพพุทธา  อิทธิปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยา  อิทธิ  อะระันตานัญจะ
 เตเชนะ  อาทิจจะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
    ๐ให้สวดบูชาวันละ ๖ จบ  
          การเลือกใส่บาตรของคนเกิดวันอาทิตย์
          -อาหารคาว :  ประเภทไข่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ไข่ต้ม แกงกะทิ 
      -อาหารหวาน : ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ 
      -ของถวายพระ : หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู 
      -ทำทาน : เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด คนตาบอด โรงพยาบาลคนโรคตาบอด  มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาลโรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ 
      -พฤติกรรม : ออกรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลัง อย่าใจร้อน เลิกทิฐิ ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

         พระประจำวันจันทร์

   
   ๐พระประจำวันจันทร์ เป็นพระปางห้ามญาติ
 ลักษณะ พระพุทธรูป: พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน ยกพระหัตถ์คือมือขวาขึ้นข้างเดียวเสมอพระอุระ (อก) ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้าเป็นกิริยาห้าม แต่ถ้ายกมือขึ้นทั้งสองข้างจะเป็นปางห้ามสมุทร
   ประวัติความเป็นมา
  ปางห้ามญาติเกิดขึ้น เนื่องจากพระญาติฝ่ายพุทธบิดาคือกรุงกบิลพัสดุ์ และพระญาติฝ่ายพุทธมารดา คือ กรุงเทวทหะ ซึ่งอาศัยอยู่บนคนละฝั่งของแม่น้ำโรหิณี เกิดทะเลาะวิวาทแย่งน้ำกันเพื่อนำเอาไปเพาะปลูก ถึงขนาดจะยกทัพทำสงครามกันเลยทีเดียว พระพุทธองค์จึงต้องเสด็จไปเจรจาห้ามทัพ คือ ห้ามพระญาติมิให้ฆ่าฟันกัน
 ส่วนปางห้ามสมุทรเป็น พุทธประวัติ ตอนเสด็จไปโปรดพวกชฎิล (นักบวชประเภทหนึ่งที่นุ่งห่มหนังเสือ และนิยมบูชาไฟ) 3 พี่น้องได้แก่
   อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราพร้อมบริวาร 1,000 คน โดยได้แสดงพุทธปาฏิหารย์หลายอย่างเพื่อทำลายทิฎฐิมานะของชฎิลทั้งหลาย เช่น ห้ามลม ห้ามฝน ห้ามพายุ และห้ามน้ำท่วมที่เจิ่งนองตลิ่งมิให้มาต้องพระวรกายได้ อีกทั้งยังสามารถเดินจงกรมอยู่ใต้พื้นน้ำได้ ทำให้พวกชฎิลเห็นเป็นที่อัศจรรย์ และยอมบวชเป็นพุทธสาวก
     คาถาบูชาพระประจำวันจันทร์
  ๐ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
    ๐ให้สวดวันละ ๑๕ จบ จะมีความสุข ความเจริญปราศจากโรคาพยาธิทั้งปวง และผู้ที่เกิดวันจันทร์ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีขาว เหลืองอ่อนๆ เป็นดีที่สุด ส่วนสีรองๆ ลงมา คือสีเขียว สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงิน พึงเว้นสีแดง
       คาถาสวดบูชาพระวันจันทร์แบบย่อ
  ๐สัพพพุทธา  เขมัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  โย  เขโม  อะระหันตานัญจะ
    เตเชนะ  จันทะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
  ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๕ จบ
       การเลือกของใส่บาตรของคนเกิดวันจันทร์
   -อาหารคาว : ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ำ เช่นไก่ผัดขิง ไก่ย่าง ไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปูนึ่ง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดปู เต้าหูทอด แกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาสลิดทอด 
    อาหารหวาน : น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย โดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มันลางสาด ขนมเปี๊ยะ 
    ของถวายพระ : แก้วน้ำ แจกัน ของโปร่งๆ ใสๆ 
    ทำทาน : มูลนิธิช่วยเหลือสตรี 
    พฤติกรรม : ทำจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส อยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลเกินเหตุ บริหารกล้ามเนื้อหน้าอกให้แข็งแรง ให้ความช่วยเหลือสตรีเช่นลุกให้สตรีนั่งบนรถเมล์
       พระประจำวันอังคาร

  
  ๐พระประจำวันอังคาร เป็นพระปางโปรดอสุรินทราหู หรือ ปางไสยาสน์
   ลักษณะพระพุทธรูป: พระ พุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถนอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองข้างซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย (หมอน) รองรับ บางแบบพระเขนยวางอยู่ใต้พระกัจฉะ (รักแร้)
    ประวัติความเป็นมา
  ปางไสยาสน์ หรือบางทีก็เรียก ปางปรินิพพาน เป็นพุทธประวัติตอนที่พระพุทธองค์ได้รับสั่งให้พระจุนทะเถระปูอาสนะลงที่ ระหว่างต้นรังคู่หนึ่ง แล้วทรงประทับบรรมทมแบบสีหไสยา ตั้งพระทัยไม่เสด็จลุกขึ้นอีก แต่ก็ยังได้โปรดสุภัททะปริพาชกเป็นอรหันต์องค์สุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายพากันเศร้าโศก ร่ำไห้ คร่ำครวญถึงพระองค์ พระอานนท์และพระอนุรุทธเถระได้แสดงธรรมเพื่อปลอบโยนมหาชน พุทธศาสนิกชนเมื่อรำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานของพระองค์ จึงได้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เพื่อบูชาพระพุทธองค์
   นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าถึงปางนี้อีกนัยหนึ่งคือ ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร "อสุรินทราหู" หรือ "พระราหู" ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับคำสรรเสริญถึงพระเกียรติคุณของพระบรมศาสดาจากสำนักเทพยดาทั้งหลาย ก็มีความปรารถนาอยากจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าบ้าง แต่ก็คิดคำนึงไปเองว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ คงต้องมีพระวรกายที่เล็ก หากตนจะไปเฝ้าก็จะต้องก้มมองเป็นความลำบากมาก อีกทั้งตนก็ไม่เคยก้มเศียรให้ใคร คิดแล้วก็ไม่ไปเฝ้า
   ต่อมาได้ยินพวกเทวดา สรรเสริญพระพุทธองค์อีก ก็เกิดความอยากไปเฝ้าอีก จึงวันหนึ่งได้ตั้งใจไปเฝ้า พระพุทธเจ้าก็ทรงทราบด้วยญาณ รวมทั้งทราบถึงความในใจของอสุรินทราหู จึงทรงเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่โตกว่ากายของอสุริทราหูหลายเท่าขณะเสด็จบรรทมรอ รับ ดังนั้น เมื่อมาเข้าเฝ้า แทนที่อสุรินทราหูจะต้องก้มมอง กลับต้องแหงนหน้าดูพระพุทธองค์ จึงเกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสสอนว่า ข่าวลือหรือเรื่องใดๆ หากไม่เห็นด้วยตนเอง หรือยังไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ ก็ไม่ควรติชมไปก่อน อีกทั้งได้พาอสุรินทราหูไปเที่ยวพรหมโลก ได้เห็นบรรดาพรหมที่มาเฝ้ามีร่างกายใหญ่โตกว่าตนทั้งสิ้น แต่พระพุทธเจ้าก็ยังมีพระวรกายใหญ่กว่าพรหมเหล่านั้นอีก อสุรินทราหูจึงลดทิฐิและหันมาเลื่อมใสในพระบรมศาสดา
        คาถาบูชาพระประจำวันอังคาร
  ๐ยัสสานุสสะระเณนาปิ อันตะลิก เขปิ ปาณิโน ปะติฏฐะมะธิ คัจฉันติ ภูมิยัง วิยะ สัพพะทา สัพพูปัททะวะชาลัมหา ยักขะโจราทิ สัมภะวา คะณะนานะ จะ มุตตานัง ปะริตตันตัมภะณามะ เหฯ
   ๐ให้สวดวันละ 8 จบ จะเกิดผลดี และผู้ที่เกิดวันอังคาร ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีชมพู หรือ สีแดงหลัว ส่วนสีรองๆ ลงมาคือ สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ สีเหลือง สีแดง พึงเว้นสีขาวนวล
        คาถาสวดบูชาพระวันอังคารแบบย่อ
     ๐สัพเพพุทธา  ชินัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  ชินัง  อะระหันตานัญจะ
    เตเชนะ  ภุมมะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๘ จบ 
       การเลือกของใส่บาตรของคนเกิดวันอังคาร
     -อาหารคาว : อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ปลาช่อนตากแห้งทอด 
     -อาหารหวาน : ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน ระกำ ขนุน น้ำสไปร์ท น้ำอัดลม 
     -ของถวายพระ : เหล็ก เครื่องมือประเภทเหล็ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ 
     -ทำทาน : คนพิการทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก 
     -พฤติกรรม : ทำตัวให้กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ขยันให้มากขึ้น ลดอารมณ์ร้อน การชิงดีชิงเด่น

            พระประจำวันพุธ

   
  ๐พระประจำวันพุธ (กลางวัน) ได้แก่ เป็นพระปางอุ้มบาตร
   ลักษณะพระพุทธรูป: พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรราวสะเอว
          ประวัติความเป็นมา
   เมื่อพระพุทธเจ้าได้สำแดงอิทธิปาฏิหารย์ เหาะขึ้นไปในอากาศต่อหน้าพระประยูรญาติทั้งหลาย เพื่อให้พระญาติผู้ใหญ่ได้เห็น และละทิฐิมานะถวายบังคมแล้ว จึงได้ตรัสเทศนาเรื่องพระมหาเวสสันดรชาดก ครั้นแล้วพระญาติทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับโดยไม่มีใครทูลอาราธนาให้ฉันพระกระยาหารเช้าในวันรุ่งขึ้นเลย ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นราชโอรสและเป็นพระสงฆ์คงจะต้องฉันภัตตาหาร ที่จัดเตรียมไว้ในพระราชนิเวศน์ของพระราชบิดา แต่พระพุทธองค์กลับพาพระภิกษุสงฆ์สาวกเสด็จจาริก บิณฑบาตไปตามถนนหลวงในเมือง เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ อันเป็นกิจของสงฆ์ และนับเป็นครั้งแรกที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ได้มีโอกาสชมพระพุทธจริยาวัตรขณะทรงอุ้มบาตรโปรดสัตว์ ประชาชนจึงต่างแซ่ซ้องอภิวาทอย่างสุดซึ้ง แต่ปรากฏว่าพระเจ้าสุทโธทนะ พุทธบิดาทรงทราบเข้า ก็เข้าใจผิดและโกรธพระพุทธองค์ หาว่าออกไปขอทานชาวบ้าน ไม่ฉันภัตตาหารที่เตรียมไว้ พระพุทธเจ้าจึงต้องทรงอธิบายว่า การออกบิณฑบาตเป็นการไปโปรดสัตว์ มิใช่เป็นการขอทาน จึงเป็นที่เข้าใจกันในที่สุด
        คาถาบูชาพระประจำวันพุธ (พุธกลางวัน)
  ๐สัพพาสีวิสะชาตีนัง ทิพพะมันตาคะทัง วิยะ ยันนาเสติ วิสังโฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณินังสัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเห ฯ
  ๐ให้สวดวันละ ๑๗ จบ จะมีความสุขสวัสดียิ่งๆ ขึ้นไป และผู้ที่เกิดวันพุธ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรืออันเป็นสีเขียว หรือสีเขียวใบไม้ ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีเหลือง สีเทา สีดอกรัก สีเมฆหมอก สียอดตองอ่อน พึงเว้น สีม่วง
         คาถาสวดบูชาพระวันพุธแบบย่อ
  ๐สัพเพพุทธา  ลาภัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  โย  ลาโภ
    อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  วุธะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
  ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๗ จบ
         การเลือกของใส่ของคนเกิดบาตรวันพุธ
   -อาหารคาว : เน้นสีเขียว-หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย 
   -อาหารหวาน : ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวย ฝรั่ง ชามะนาว 
   -ของถวายพระ : สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา 
   -ทำทาน : คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก 
   -พฤติกรรม : อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง 

       พระประจำวันพฤหัสบดี

   
   ๐พระประจำวันพฤหัสบดี เป็นพระปางสมาธิ หรือ ปางตรัสรู้ 
  ลักษณะพระพุทธรูป: พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองวางหงายซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ (แข้ง) ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย
      ประวัติความเป็นมา
   ปางตรัสรู้ คือ ปางที่เจ้าชายสิทธัตถะหรือพระโพธิสัตว์ทรงประทับขัดสมาธิบนบัลลังก์หญ้าคา ใต้ต้นมหาโพธิ์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา และได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี ซึ่งก็ตรงกับวันวิสาขบูชานั่นเอง
     คาถาบูชาพระประจำวันพฤหัสบดี
   ๐อัตถิโลเก สีละคุโณ สัจจังโสเจยยะ นุททะยา เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง อาวัชชิตะวา ธัมมะพะลัง สะริตะวา ปุพพะเก ชิเน สัจจะพะละมะสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหัง สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติ ปาทา อะวัญจะนา มาตาปิตา จะนิกขันตา ชาตะเวทะ ปฏิกกะมะ สะหะ สัจเจกะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต สิขี วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ปัตวา ยะถา สิขี สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีติ ฯ
    ๐ให้สวดวันละ ๑๙ จบ จะมีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป และผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี พึงใช้เครื่องประดับตนและบ้านเรือนเป็นสีเหลืองหรือสีไพล ส่วนสีรองลงมาคือ สีน้ำเงิน สีแดง สีเขียว พึงเว้น สีดำ สีกรมท่า และสีน้ำเงินแก่
        คาถาสวดบูชาพระวันพฤหัสบดีแบบย่อ
     ๐สัพเพพุทธา  พะลัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  พะลัง
    อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  ชีวะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๙ จบ
        การเลือกของใส่บาตรของคนเกิดวันพฤหัสบดี
      -อาหารคาว : ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า 
      -อาหารหวาน : แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้ 
      -ของถวายพระ : สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา 
      -ทำทาน : โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว 
      -พฤติกรรม : นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 อย่าซื่อจนเกินไปจนทำให้คนบาปหลอกลวงเอาได้  
 
                 พระประจำวันศุกร์

   
   ๐พระประจำวันศุกร์  เป็นพระปางรำพึง 
  ลักษณะพระพุทธรูป: พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานกันยกขึ้นประทับที่พระอุระ (อก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย
      ประวัติความเป็นมา
  ภายหลังจาก ที่ตรัสรู้ได้ไม่นาน พระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ภายใต้ต้นไทร (อชปาลนิโครธ) ก็ได้ทรงรำพึงพิจารณาถึงธรรมที่ตรัสรู้ว่าเป็นธรรมที่มีความละเอียดลึกซึ้ง ยากที่มนุษย์ปุถุชนจะรู้ตามได้ จึงเกิดความท้อพระทัยที่จะไม่สั่งสอนชาวโลก ด้วยรำพึงว่าจะมีใครสักกี่คนที่ฟังธรรมะของพระองค์เข้าใจ ร้อนถึงท้าวสหัมบดีพรหมได้มากราบทูลอาราธนาเพื่อทรงแสดงธรรมว่าในโลกนี้ บุคคลที่มีกิเลสเบาบางพอฟังธรรมได้ยังมีอยู่ พระพุทธองค์ได้ทรงพิจารณาแล้วก็เห็นชอบด้วย อีกทั้งทรงรำพึงถึงธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อน ว่าตรัสรู้แล้วก็ย่อมแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนทั้งปวง จึงได้น้อมพระทัยในอันที่จะแสดงธรรมต่อชาวโลกตามคำอาราธนานั้น และตั้งพุทธปณิธานจะใคร่ดำรงพระชนม์อยู่จนกว่าจะได้ประกาศพระพุทธศาสนา ให้แพร่หลายประดิษฐานให้มั่นคงสำเร็จประโยชน์แก่ชนนิกรทุกหมู่เหล่าต่อไป พระพุทธจริยาที่ทรงรำพึงถึงธรรมที่จะแสดงโปรดชนนิกรผู้เป็นเวไนยบุคคลนั้นแล เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า ปางรำพึง
      คาถาบูชาพระประจำวันศุกร์
  ๐อัปปะสันเนติ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต อะมะนุสเสหิ สะทา กิพพิสะการิภิ ปะริสานัญจะตัสสันนะ มะหิงสายะจะคุตติยา ยันเทเสสิ
มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
  ๐ให้สวดวันละ ๒๑ จบ จะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน และผู้ที่เกิดวันศุกร์ พึงใช้เครื่องประดับนและบ้านเรือนเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินแก่ ส่วนสีรอง  ลงมาคือ สีขาวนวล สีม่วง สีเหลือง พึงเว้นสีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก
      คาถาสวดบูชาพระวันศุกร์แบบย่อ
     ๐สัพเพพุทธา  สิริปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยา  สิริ
    อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  สุกกะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๒๑ จบ
  การเลือกของใส่บาตรของคนเกิดวันศุกร์
      -อาหารคาว : ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ยำหัวหอม 
      -อาหารหวาน : ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก 
      -ของถวายพระ : นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม 
      -ทำทาน : เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม 
      -พฤติกรรม : ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุงดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย  

               พระประจำวันเสาร์

   
   ๐พระประจำวันเสาร์  เป็นพระปางนาคปรก 
   ลักษณะพระพุทธรูป : พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้ายเหมือนปางสมาธิ แต่มีพญานาคขนดร่างเป็นวงกลมเป็นพุทธบัลลังก์และแผ่พังพานปกคลุมอยู่เหนือพระเศียร
   
  ประวัติความเป็นมา
  เมื่อพระพุทธองค์ ตรัสรู้ และประทับบำเพ็ญสมาบัติเสวยวิมุตติสุขอันเกิดจากความพ้นกิเลสอยู่ ณ อาณาบริเวณที่ไม่ไกลจากต้นพระศรีมหาโพธิ์แห่งละ ๗ วันนั้น ในสัปดาห์ที่ 3 นี้เอง ก็ได้ไปประทับใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ขณะนั้นฝนได้ตกลงมาไม่หยุด พญานาคตนหนึ่งชื่อ "มุจลินท์นาคราช" ก็ได้ขึ้นมาแสดงอิทธิฤทธิ์เข้าไปวงขนด ๗ รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้าไว้มิให้ฝนตกต้องพระวรกาย เหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มี
พระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย จนฝนหาย จึงได้แปลงร่างเป็นมาณพเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์
   
    คาถาบูชาพระประจำวันเสาร์
 ๐ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตาฯ เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ฯ
  ๐ให้สวดวันละ 10 จบ จะมีความสุขความเจริญและเกิดความสวัสดีมีมงคลตลอดกาลนาน และผู้ที่เกิดวันเสาร์ พึงใช้เครื่องประดับตนและบ้านเรือนเป็นสีดำหลัวหรือสีม่วง ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก สีน้ำเงิน พึงเว้นสีเขียว
          คาถาสวดบูชาพระวันเสาร์แบบย่อ
     ๐สัพเพพุทธา  เตชัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  เตชัง
    อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  โสระรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๐ จบ
        
  การเลือกของใส่บาตรของคนเกิดวันเสาร์
     -อาหารคาว : ประเภทของขม ของดำมะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว 
     -อาหารหวาน : ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง 
     -ของถวายพระ : ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายวัด 
     -ทำทาน : โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคประสาท 
     -พฤติกรรม : กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม
    
     พระประจำวันราหูหรือวันพุธกลางคืน

   
     ๐พระประจำวันพุธกลางคืนหรือวันราหู  เป็นพระปางป่าเลไลยก์ (ผู้ที่เกิดระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ น. ของวันพุธถึง ๖.๐๐ น.ของวันพฤหัสบดี
  ลักษณะพระพุทธรูป: พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับนั่ง บนก้อนศิลา พระบาททั้งสองวางบนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระขานุ(เข่า) พระหัตถ์ขวาวางหงาย นิยมสร้างช้างหมอบใช้งวงจับกระบอกน้ำ อีกด้านหนึ่งมีลิงถือรวงผึ้งถวาย
  ปะวัติความเป็นมา
     สำหรับปางนี้กล่าวถึง เมื่อพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นพระภิกษุมีมากรูปด้วยกัน ไม่สามัคคีปรองดองกัน  และไม่อยู่ในพุทธโอวาท ประพฤติตามใจตัว พระองค์จึงเสด็จจาริกไปอยู่ตามลำพังพระองค์เดียวในป่าที่ชื่อว่าปาลิไลยกะ โดยมีมีพญาช้างเชือกหนึ่งชื่อ "ปาลิไลยกะ" เช่น เดียวกัน มีความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ มาคอยปฏิบัติบำรุงและคอยพิทักษ์รักษามิให้สัตว์ร้ายมากล้ำกราย ทำให้พระพุทธองค์เสด็จประทับอยู่ในป่านั้นด้วยความสงบสุข และป่านั้นต่อมาก็ได้ชื่อว่า "รักขิตวัน" ครั้น พญาลิงเห็นพญาช้างทำงานปรนนิบัติพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ ก็เกิดกุศลจิตทำตามอย่างบ้าง ต่อมาชาวบ้านไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแต่ไม่พบ และทราบเหตุ ก็พากันตำหนิติเตียน และไม่ทำบุญกับพระเหล่านั้น พระภิกษุเหล่านี้จึงได้สำนึกผิด ขอให้พระอานนท์ไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธองค์กลับมา ช้างปาลิไลยกะก็มาส่งเสด็จด้วยความเศร้าเสียใจ จนหัวใจวายล้มตายไป ด้วยกุศลผลบุญจึงได้ไปเกิดเป็น "ปาลิไลยกะเทพบุตร" ในสวรรค์ชั้นดาวดืงส์
   จากเหตุการณ์นี้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงพฤติกรรมของพระ ๒ ฝ่ายในขณะนั้น ไม่เชื่อฟังแม้กระทั้งพระพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนจึงได้สร้างพระปางนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงการแตกสามัคคี การทะเลาะวิวาทกัน
    คาถาบูชาพระประจำวันราหู (พุธกลางคืน)
     ๐กินนุ สันตะระมาโนวะ ราหุจันทัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต ติฏฐะสีติ สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธาคาถาภิคิโตมหิ โนเจ มุญเจยะ จันทิมันติ ฯ
    ดูก่อนราหู เพราะเหตุใดหนอ ท่านจึงเร่งรีบปล่อยพระอาทิตย์ไปเสียเล่า และทำไมหนอ ท่านจึงดูเศร้าสลด มายืนซึมอยู่ ตรงนี้เล่า ข้าพเจ้าถูกขับ ด้วยคาถาของพระพุทธเจ้า ดังนั้น หากข้าพเจ้าไม่ปล่อยสุริยเทพบุตร ศีรษะของข้าพเจ้าจะพึงแตกเป็นเจ็ดเสี่ยง ถึงมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็จะไม่ได้รับความสุขเลย
     ๐ให้สวดวันละ ๑๒ จบ จะมีความเจริญสุขสวัสดี ผู้ที่เกิดวันราหู หรือวันพุธกลางคืน ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีเมฆหมอก สีเทา หรือสีดำหลัว ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีแดง สีขาวนวล สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ พึงเว้นสีเหลือง
          คาถาสวดบูชาพระวันราหูแบบย่อ
     ๐สัพเพพุทธา  โมกขัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  โมกขัง
    อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  ราหูรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๑๒  จบ
        การเลือกของใส่บาตรของคนเกิดวันพุธ (กลางคืน)
     -อาหารคาว : ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก 
      -อาหารหวาน : ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน 
      -ของถวายพระ : พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม 
      -ทำทาน : มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับการรักษายาเสพติด 
      -พฤติกรรม : เลิกบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด     
         ประวัติของเทพประจำวันเกิด
   -เทพประจำวันเกิดของมนุษย์มีกันทุกชาติทุกภาษาแบ่งออกเป็น  ๘ ชนิด คือ: -
        ๑.สุริยะเทพบุตร                เป็นเทพประจำวันอาทิตย์
        ๒.จันทะเทพบุตร               เป็นเทพประจำวันจันทร์
        ๓.ภุมมะเทพบุตร               เป็นเทพประจำวันอังคาร
        ๔.วุธะเทพบุตร                  เป็นเทพประจำวันพุธ
        ๕.คุรุเทพบุตร                   เป็นเทพประจำวันพฤหัสบดี
        ๖.สุกกะเทพบุตร               เป็นเทพประจำวันศุกร์
        ๗.สุระเทพบุตร                 เป็นเทพประจำวันเสาร์
        ๘.ราหูเทพบุตร                 เป็นเทพประจำวันพุธกลางคืน
                 สุริยะเทพบุตร

      
       ๐สุริยะเทพบุตร   เป็นเทพประจำวันเกิดของคนเกิดวันอาทิตย์
       -สุริยะเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวาล 
       -มีผิวกายสีแดง
       -มีเครื่องประดับกายสีแดง
       -พาหนะคือราชสีห์แดง
       -มีอำนาจและหน้าที่ในการรักษาจักรวาลทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
            คาถาบูชาสุริยะเทพบุตร
     ๐เทวะราชา  ระวิเทโว               รัตตะวัณโณ  ปะทะมะราคะวัตถิโก
    สึหะวาหะนัง  กัตะวา                 จักกะวาลานุยันโต  อีสานะทิสายะ
    ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๖ จบ  ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
     ๐ผลที่จะได้รับ:- ปัดเป่าความชั่วร้ายต่างๆคุ้มครองป้องกัน ทำให้ผู้สวดมีอำนาจและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นโชคลาภจะเพิ่มพูนโชคชะตาจะสูงขึ้น        
          จันทะเทพบุตร

                                
    ๐จันทะเทพบุตรเป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันจันทร์
    -จันทะเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของจักรวาล
    -มีผิวกายสีขาว
    -มีเครื่องประดับกายสีขาว
    -พาหนะคือม้าสีขาว
    -มีอำนาจและหน้าที่ในการรักษาจักรวาลทางด้านทิศตะวันออก
           คาถาบูชาจันทะเทพบุตร       
      ๐เทวะราชา  จันทะเทโว              ปีตะทานะวัณโณ  ปีตะทานะวัตถิโก
     อัสสะวาหะนัง  กัตะวา                  จักกะวาลานุยันโต  ปาจินะทิสายะ
     ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
       ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๕ จบ   ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
       ๐ผลที่จะได้รับ:- ปัดเป่าความชั่วร้ายคุ้มครองรักษา  โชคชะตาจะดีขึ้นมีเสน่ห์และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป
                ภุมมะเทพบุตร

   
     ๐ภุมมะเทพบุตรเป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันอังคาร
     -ภุมมะเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจักรวาล
    -มีผิวกายสีชมพู
    -มีเครื่องประดับกายสีชมพู
    -พาหนะคือควายสีชมพู
    -มีอำนาจและหน้าที่ในการรักษาจักรวาลทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
           คาถาบูชาภุมมะเทพบุตร
    ๐เทวะราชา  ภุมมะเทโว             ชัมพุวัณโณ  ชมพุวัตถิโก
   มหิสสะวาหะนัง  กัตะวา              จักกะวาลานุยันโต  อาคะเนยยะ
   ทิสายะ  ฐิตะโกวะ                       ตัง  นะมามิหัง ฯ
    ๐ให้สวดบูชาวันละ ๘ จบ   ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
    ๐ผลที่จะได้รับ:- ป้องกันศัตรูที่เลวร้ายมิให้มาเบียดเบียนและยุ่งเกี่ยวกับเรา ทำให้ชะตาชีวิตดีขึ้นกิจการงานเจริญรุ่งเรืองขึ้น
              วุธะเทพบุตร

   
     ๐วุธะเทพบุตร   เป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันพุธ
    -วุธะเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศใต้ของจักรวาล
    -มีผิวกายสีเขียว
    -มีเครื่องประดับกายสีเขียว
    -พาหนะคือช้างสีเขียว
    -มีอำนาจและหน้าที่ในการรักษาจักรวาลทางด้านทิศใต้
           คาถาบูชาวุธะเทพบุตร
      ๐เทวะราชา  วุธะเทโว               หะริตะวัณโณ  หะริตะวัตถิโก
    หัตถะวาหะนัง  กัตะวา                 จักกะวาลานุยันโต  ทักขิณะทิสายะ
     ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๗ จบ  ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
    ๐ผลที่จะได้รับ:-ปัดเป่าศัตรูหมู่มารไม่ให้มารบกวน จะได้โชคลาภและความสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้
              คุรุเทพบุตร

   
     ๐คุรุเทพบุตรเป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี
     -คุรุเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจักรวาล
     -มีผิวกายสีเหลือง
     -มีเครื่องประดับกายสีเหลือง
     -พาหนะคือกวางทอง
     -มีอำนาจและหน้าที่รักษาจักรวาลทางด้านทิศตะวันตก
         คาถาบูชาคุรุเทพบุตร
     ๐เทวะราชา  คุรุเทโว            ปีตะวัณโณ  ปีตะวัตถิโก
    กุรุงคะวาหะนัง  กัตะวา          จักกะวาลานุยันโต  ปัจฉิมะทิสายะ
    ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๙ จบ   ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
     ๐ผลที่จะได้รับ:-จะทำให้ผู้สวดเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวต  จะมีชะตาชีวิตอันสดใส  มีโชคลาภและความสำเร็จในกิจการงานเป็นอย่างดี
         สุกกะเทพบุตร

   
      ๐สุกกะเทพบุตรเป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันศุกร์
     -สุกกะเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศเหนือของจักรวาล
     -มีผิวกายสีฟ้า
     -มีเครื่องประดับกายสีฟ้า
     -พาหนะคือโคอุสุภราช
     -มีอำนาจและหน้าที่รักษาจักรวาลทางด้านทิศเหนือ
          คาถาบูชาสุกกะเทพบุตร
      ๐เทวะราชา  สุกกะเทโว            นีละวัณโณ  นีละวัตถิโก
     อุสะวาหะนัง  กัตะวา                 จักกะวาลานุยันโต  อุตตะระทิสายะ
      ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
       ๐ให้สวดบูชาวันละ ๒๑ จบ    ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
       ๐ผลที่จะได้รับ:- จะเป็นที่ยำเกรงของศัตรูหมู่มาร ศัตรูจะทำอันตรายมิได้  จะมีโชคลาภดีทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ ธุรกิจจะเจริญก้าวหน้า
           สุระเทพบุตร

   
     ๐
สุระเทพบุตรเป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันเสาร์
     -สุระเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวาล
     -มีผิวกายสีดำ
     -มีเครื่องประดับกายสีดำ
     -พาหนะคือเสือดำ
     -มีอำนาจและหน้าที่รักษาจักรวาลทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้
         คาถาบูชาสุระเทพบุตร
     ๐เทวะราชา  สุระเทโว             กาฬะวัณโณ  กาฬะวัตถิโก
    พะยัคฆะวาหะนัง  กัตะวา         จักกะวาลานุยันโต  หะระติทิสายะ
    ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๐ จบ   ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
     ๐ผลที่จะได้รับ:- จะเป็นที่เกรงกลัวของศัตรูหมู่มาร  ศัตรูทั้งหลายจะปองร้ายมิได้ จะแพ้ภัยไปเองโดยไม่ต้องลงมือ  จะประสบโชคลาภและความสำเร็จในชีวิต
           ราหูเทพบุตร

   

     ๐ราหูเทพบุตรเป็นเทพประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันพุธกลางคืน
     -ราหูเทพบุตรเป็นเทพที่สิงสถิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจักรวาล
     -มีผิวกายสีดำสำริด
     -มีเครื่องประดับกายสีดำสำริด
     -พาหนะคือครุฑ
     -มีอำนาจและหน้าที่รักษาจักรวาลทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
         คาถาบูชาราหูเทพบุตร
     ๐มะหิทธานุภาโว  อะสุรินทะราหู              อะภิกาฬะวัณโณ  สุวัณณาภะระณิโก
    สุปัณณะวาหะนัง  กัตะวา                         จักกะวาลานุยันโต  พายัพพะทิสายะ
    ฐิตะโกวะ  ตัง  นะมามิหัง ฯ
     ๐ให้สวดบูชาวันละ ๑๒ จบ   ก่อนสวดให้ตั้งนะโม ๓ จบ
     ๐ผลที่จะได้รับ:- จะเป็นที่หวาดกลัวของคนชั่วร้ายทั้งหลาย เสนียดจัญไรจะไม่มาแผ้วผาน  ดวงชะตาชีวิตจะสูงขึ้น

          คาถาบูชาประจำทิศทั้ง ๘

               วันอาทิตย์

    -วันอาทิตย์อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ใช้คาถานารายณ์แปลงรูป

       ๐อะ  วิช  สุ  นุต  สา  นุส  ติ ฯ

               วันจันทร์

     -วันจันทร์อยู่ทางด้านทิศตะวันออก  ใช้คาถากระทู้ ๗ แบก

        ๐อิ  ระ  ชา  คะ  ตะ  ระ  สา ฯ

                วันอังคาร

     -วันอังคารอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้  ใช้คาถาฝนแสนห่า

         ๐ติ  หัง  จะ  โต  โร  ถิ  นัง ฯ

                 วันพุธ

     -วันพุธอยู่ทางด้านทิศใต้  ใช้คาถานารายณ์เกลื่อนสมุทร

         ๐ปิ  สัม  ระ  โล  ปุ  สัพ  พุท ฯ

                 วันพฤหัสบดี

     -วันพฤหัสบดีอยู่ทางด้านทิศตะวันตก  ใช้คาถานารายณ์ขว้างจักร

         ๐ภะ  สัม  สัม  วิ  เท  ภะ ฯ

                 วันศุกร์

     -วันศุกร์อยู่ทางด้านทิศเหนือ  ใช้คาถาตวาดฟ้า

         ๐วา  โธ  โน  อะ  มะ  มะ  วา ฯ

                 วันเสาร์

     -วันเสาร์อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้  ใช้คาถานารายณ์ปราบอสูร

         ๐โส  มา  ณะ  กะ  ริ  ถา  โธ ฯ

                 วันราหู

     -วันราหูอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  ใช้คาถาราหูปราบดาว

         ๐คะ  พุท  ปัน  ทู  ทัม  วะ  คะ ฯ 

       วิธีใช้คาถาประจำทิศ

      -เมื่อจะออกเดินทางไปในทิศใดก็ตามไมว่าจะเป็นทางน้ำ, ทางบก, หรือทางอากาศก็ตาม ให้สวดคาถาประจำทิศ ๗ จบ แล้วจึงออกเดินทางไป  จึงจะแคล้วคลาดตลอดปลอดภัยจากอุบัติเหตุและอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ฯ

                 วิธีหาดวงดาวที่เข้าเสวยอายุ

   

    -ถาม: เลขที่อยู่ในตารางนี้ได้มาจากไหน?

    -ตอบ: เลขที่อยู่ในตารางนี้ได้มาจากเลขประจำวันเกิดของคนคือ:-

       -เลข  ๑   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันอาทิตย์

       -เลข  ๒   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันจันทร์

       -เลข  ๓   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันอังคาร

       -เลข  ๔   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันพุธ

       -เลข  ๕   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันพฤหัสบดี

       -เลข  ๖   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันศุกร์

       -เลข  ๗   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันเสาร์

       -เลข  ๘   หมายถึงเลขของผู้เกิด  วันราหู (วันพุธ  กลางคืน)

       **หมายเหตุ: ใช้เรียกทิศทั้ง ๘ ก็ได้   ทิศทั้ง ๘ มีดังนี้

            ๑.ทิศบูรพา          คือทิศตะวันออก 

            ๒.ทิศอาคเณย์        คือทิศตะวันออกเฉียงใต้

            ๓.ทิศทักษิณ           คือทิศใต้

            ๔.ทิศหรดี        คือทิศตะวันตกเฉียงใต้

            ๕.ทิศประจิม         คือทิศตะวันตก

            ๖.ทิศพายัพ           คือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

            ๗.ทิศอุดร           คือทิศเหนือ

            ๘.ทิศอิสาน         คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    ๐วิธีหาเลขที่เข้าเสวยอายุ

        ๑.ให้เอาเลขของ พ.ศ. ปัจจุบันตั้ง  แล้วลบด้วยเลข พ.ศ. เกิด เช่น:-

           -หาเลขที่เข้าเสวยอายุในปี พ.ศ. ๒๕๖๑  ให้เอาเลข  ๒๕๖๑  ตั้ง  แล้วลบด้วยเลข พ.ศ.เกิด เช่น นางสาวเพ็ญพักตร์  เกิดในวันพฤหัสบดีที่  ๑๕  พฤษภาคม  พ.ศ.๒๕๑๔  ให้ตั้งเลขดังนี้

              ๒๕๖๑ -

              ๒๕๑๔

    -ได้ผลลัพธ์เท่ากับ ๔๐ 

     -ให้ดูที่เดือนเกิดเป็นสำคัญคือให้สังเกตว่า นางสาวเพ็ญพักตร์เธอหาเลขที่เข้าเสวยอายุในเดือนไหน สมมุติว่าเธอหาเลขที่เข้าเสวยอายุในวันที่  ๒๔  มีนาคม  พ.ศ.๒๕๖๑  ก็แสดงให้เห็นว่า เธฮมีอายุได้  ๓๙  ปี  กับ  ๒๓  วัน  คือเหลืออีก  ๒๓  วัน ถึงจะเต็ม  ๔๐  ปี

     -แต่ถ้าเธอหาเลขที่เข้าเสวยอายุ  ในวันที่  ๑๕   พฤษภาคม   พ.ศ. ๒๕๖๑  เป็นต้นไปก็แสดงว่าเธอมีอายุได้  ๔๐  ปีเต็มแล้ว

     -ให้เอาเลขของอายุที่หาได้แล้วไปนับไล่หาเลขของวันที่เข้าเสวยอายุของเราในตารางเลขข้างบน   เช่น:-

         -น.ส.เพ็ญพักตร์  หาเลขที่เข้าเสวยอายุ  ในวันที่  ๒๔   มีนาคม   พ.ศ.๒๕๖๑  ก็แสดงให้เห็นว่า เธออายุได้  ๓๙  ปี  กับ  ๒๓  วัน  ยังไม่เต็ม  ๔๐  ก็ให้เอาเลข  ๓๙  ไปไล่ในตารางเลขข้างบน ส่วนเลข ๒๓ วันไม่ต้องเอาไปไล่ เวลาไล่ให้เริ่มจากเลขของวันเกิด  น.ส.เพ็ญพักตร์ เกิดในวันพฤหัสบดี ก็ให้เริ่มนับจากเลข ๕  คือเลขของวันพฤหัสบดี  ให้นับจากขวาวนไปหาซ้ายดังนี้  ๕   -  ๘  -  ๖  -  ๑  -  ๒  -  ๓  -  ๔  -  ๗  ให้นับไล่ไปจนกว่าจะครบ  ๓๙  เมื่อนับครบ  ๓๙  แล้วมันจะตก  ช่องของเลข  ๔  พอดี  เพราะฉะนั้นเราก็เห็นว่า น.ส.เพ็ญพักตร์  ปีนี้อายุตกเลข  ๔  ซึ่งเป็นเลขของดาวพุธ  เราก็รู้ได้ทันทีว่าในปีนี้ น.ส.เพ็ญพักร  ดาวพุธเข้าเสวยอายุ  เมื่อได้เลขเข้าเสวยอายุแล้วก็ให้ไปตรวจดูความหมายของดาวพุธที่เข้าเสวยอายุในความของเลขดังต่อไปนี้

   ความหมายของดาวที่เข้าเสวยอายุ

    ถาม: ดาวเสวยอายุหมายความว่าอย่างไร?

    ตอบ: ดาวเสวยอายุคือ ดาวที่เข้ามาร่วมกับชีวิตของเรา

        -คำว่า "เสวยอายุ"  มีความหมาย  ๒  อย่างคือ

             -เสวย   แปลว่า "กิน, เสพ, รวม, ร่วม"

             -อายุ   แปลว่า "ช่วงเวลาของชีวิต"

             -เสวยอายุ   จึงแปลว่า "ดาวที่เข้ามาร่วมในช่วงเวลาของชีวิต"

       -ดาวที่เข้ามาร่วมในชีวิตของเราแบ่งออกเป็น  ๒  ชนิด  คือ:-

            ๑.เข้าร่วมแบบให้คุณ     ดาวที่เข้าร่วมแบบให้คุณคือ:  ๒   ๔   ๕   ๖

            ๒.เข้าร่วมแบบให้โทษ    ดาวที่เข้าร่วมแบบให้โทษคือ:  ๑   ๓   ๗   ๘

      -ให้ดูความละเอียดของดาวเข้าเสวยอายุข้างล่าวนี้

           ดาวพระอาทิตย์เข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระอาทิตย์  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้โทษดังนี้

       ๑.จะเกิดถ้อยคดีความเพราะวงศาคณาญาติ

       ๒.ญาติพี่น้องจะก่อความเดือดร้อนให้

       ๓.ปีนี้อย่ารับคนเข้ามาอาศัยภายในบ้าน เดี๋ยวจะก่อความเดือดร้อนให้

       ๔.ปีนี้ห้ามเดินทางไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  เดี๋ยวจะเกิดอันตราย

       ๕.ให้ระวังคำพูดจะเดือดร้อนเพราะปาก

       ๖.ให้ระวังคนหน้าหักหน้างอและคนหน้าผากหงอกจะก่อความเดือดร้อนให้

       ๗.จะเจ็บไข้ได้ป่วย

       ๘.ให้ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเลือดตกยางออก

       ๙.ให้ระวังไฟจะไหม้บ้าน

       ๑๐.ให้ระวังหนูจะกัดผ้า

       ๑๑.ให้ระวังจะเสียของรัก

           ดาวพระจันทร์เข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระจันทร์  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้คุณดังต่อไปนี้

       ๑.ถ้าเป็นชายจะได้ภรรยา  ถ้าเป็นหญิงก็จะได้สามี

       ๒.จะได้ลาภแก้วแหวนเงินทองและเครื่องอุปโภคบริโภคมากมาย

       ๓.เจ้านายจะให้ลาภ

       ๔.การทำมาหากินจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น มีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มมากขึ้น

       ๕.โชคลาภมักจะมาทางทิศตะวันออก

           ดาวพระอังคารเข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระอังคาร  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้โทษดังต่อไปนี้

       ๑.จะเจ็บไข้ได้ป่วย

       ๒.คนภายในครอบครัวจะเกิดทะเลาะวิวาททุ่มเถียงกัน

       ๓.จะมีทุกข์มาก

       ๔.จะเลือดตกยางออก

       ๕.ให้ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ

       ๖.ให้ระวังผู้ชายรูปร่างสันทัดผิวเนื้อดำแดงจะก่อความเดือดร้อนให้และจะกลายเป็นศัตรู

       ๗.ให้ระวังผู้หญิงผิวเนื้อดำแดงใบหน้าโนกนูนและมีแผลเป็นที่ปากจะสร้างความเดือดร้อนให้

       ๘.อย่าเป็นนายหน้านายประกันหรือกู้หนี้ยืมสินแทนใคร เดี๋ยวตนเองจะเดือดร้อน

       ๙.อย่าทำคุณกับใครในช่วงนี้เดี๋ยวจะกลับกลายเป็นโทษในภายหลัง

            ดาวพระพุธเข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระพุธ  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้คุณดังต่อไปนี้

       ๑.จะมีคนหาเรื่องเดือดร้อนมาให้แต่ก็จะชนะในภายหลัง

       ๒.จะได้ลาภยศและสรรเสริญสุข  ทำอะไรก็มักจะประสบความสำเร็จ

       ๓.อย่ากินเนื้อสัตว์ ๒ เท้า และ ๔ เท้า เดี๋ยวจะป่วยเป็นโรคท้อง

       ๔.คนผิวขาวจะนำลาภมาให้

       ๕.ปราถนาสิ่งใด ถ้าสิ่งนั้นไม่ผิดศีลธรรมก็จะสำเร็จสมปราถนา

            ดาวพระพฤหัสบดีเข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระพฤหัสบดี  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้คุณดังต่อไปนี้

       ๑.คนผิวขาวหรือคนผิวขาวเหลืองจะนำลาภมาให้

       ๒.ผู้หลักผู้ใหญ่และพระสงฆ์องคะเจ้าจะให้คุณและให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี

       ๓.จะได้ยศถาบรรดาศักดิ์และตำแหน่งหน้าที่การงานดี

       ๔.จะมีลูกน้องและบริวารมาก

       ๕.จะมีความร่มเย็นเป็นสุขมากในปีนี้

            ดาวพระศุกร์เข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระศุกร์  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้คุณดีเป็นพิเศษดังต่อไปนี้

       ๑.จะมีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงนำลาภมาให้

       ๒.ทำอะไรก็จะประสบผลสำเร็จเป็นส่วนมาก  นอกเสียจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายและศีลธรรมอันดีงามของบ้านเมืองก็จะไม่สำเร็จผล

       ๓.จะมีโชคลาภทางการเงินและการงาน

       ๔.ถ้าเกิดเป็นถ้อยคดีความก็จะชนะ  แต่ถ้าคดีนั้นเป็นคดีที่ผิดกฏหมายและผิดศีลธรรมอันดีงามของบ้านเมืองก็จะไม่ชนะ

       ๕.อย่าไว้ใจคนมากนักเดี๋ยวจะเสียใจในภายหลัง

       ๖.ห้ามเดินทางและท่องเที่ยวในเวลากลางคืนเดี๋ยวจะเกิดเป็นโทษในภายหลัง

       ๗.ระวังจะผิดใจกับญาติพี่น้องและมิตรสหาย จนกลับกลายเป็นคดีฟ้องร้องกัน

       ๘.ทุกอย่างปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีจะทำอะไรก็รีบทำ

           ดาวพระเสาร์เข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระเสาร์  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะให้โทษดังต่อไปนี้

       ๑.จะเสียทรัพย์สินเงินทองและของรัก

       ๒.จะเกิดถ้อยคดีความฟ้องร้องกัน

       ๓.จะเกิดผิดใจกับเจ้านายและเพื่อนฝูง

       ๔.จะเกิดเรื่องเดือดร้อนเพราะคำพูดของตนเอง

       ๕.ผู้ใหญ่จะให้โทษ

       ๖.ระวังจะผิดลูกผิดเมียหรือผิดผัวของผู้อื่น

       ๗.วิญญาณของผู้ล่วงลับไปแล้วจะให้โทษ  ถ้าบนบานศาลกล่าวอะไรที่ไหนให้รีบไปแก้เสีย

       ๘.จะไปไหนก็ตามห้ามเดินทางผิดเวลาโดยเด็ดขาด

             ดาวพระราหูเข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระราหู  เมื่อเข้าเสวยอายุของผู้ใดแล้วจะทำให้เกิดโทษร้ายและเคราะห์กรรมต่างๆ ดังนี้

       ๑.จะเสียทรัพย์สินเงินทองและข้าวของ

       ๒.จะเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย

       ๓.จะถูกใส่ร้ายป้ายสี

       ๔.จะเกิดถ้อยคดีความ

       ๕.จะเกิดอุบัติเหตุ

       ๖.จะบาดเจ็บเลือดตกยางออก

       ๗.ให้ระวังเพื่อนจะหักหลัง

       ๘.ญาติพี่น้องและคู่ครองจะเกลียดชัง

       ๙.การงานทุกชนิดจะเกิดความชะงักงันและล้มเหลว

       ๑๐.จะเกิดความเดือดร้อนและกลุ้มใจ  จิตใจจะวุ่นวายไม่มีความสุข

              วิธีแต่งเครื่องบูชาดาวเข้าเสวยอายุ

                     ดาวพระอาทิตย์เข้าเสวยอายุ

    ๐ถ้าปีใดดาวพระอาทิตย์เข้าเสวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีแดง                ๖         ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีแดง                      ๖         ผืน

       ๓.ดอกไม้สีแดง                    ๖         ดอก

       ๔.ธูป                                   ๖         ก้าน

       ๕.เทียน                               ๖         เล่ม

       ๖.ข้าวตอก                           ๖         กระทง

       ๗.ผลไม้                              ๖         ผล

       ๘.ใบไทร                             ๖         ใบ

       ๙.ใบราชพฤกษ์หรือใบคูณ   ๖         ใบ

       ๑๐.พระประจำวันอาทิตย์      ๑         องค์

               คาถาบูชาดาวพระอาทิตย์

    ๐สัพเพ  พุทธา  อิทธิปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยา  อิทธิ  

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  อาทิจจะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

     ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๖  จบ  ๖  วัน 

             ดาวพระจันทร์เข้าเสวยอายุ

    ๐ถ้าปีใดดาวพระจันทร์เข้าเสวยอายุ ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีขาว                ๑๕        ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีขาว                       ๑๕       ผืน

       ๓.ดอกไม้สีขาว                    ๑๕        ดอก

       ๔.ธูป                                   ๑๕       ก้าน

       ๕.เทียน                               ๑๕       เล่ม

       ๖.ข้าวตอก                           ๑๕       กระทง

       ๗.ผลไม้                              ๑๕       ผล

       ๘.ใบบัว                               ๑๕       ใบ

       ๙.พระประจำวันจันทร์           ๑         องค์

            คาถาบูชาดาวพระจันทร์

    ๐สัพเพ  พุทธา  เขมัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  โย  เขโม

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  จันทะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๑๕  จบ  ๑๕  วัน

           ดาวพระอังคารเข้าเสวยอายุ

    ๐ถ้าปีใดดาวพระอังคารเข้าเสวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีชมพู                ๘       ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีชมพู                      ๘        ผืน

       ๓.ธูป                                    ๘        ก้าน

       ๔.เทียน                                ๘        เล่ม

       ๕.ข้าวตอก                           ๘        กระทง

       ๖.ผลไม้                                ๘        ผล

       ๗.ใบมะม่วง                          ๘        ใบ

       ๘.พระประจำวันอังคาร           ๑        องค์

             คาถาบูชาดาวพระอังคาร

    ๐สัพเพ  พุทธา  ชินนัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  ชินัง

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  ภุมมะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๘  จบ   ๘  วัน

             ดาวพระพุธเข้าเสวยอายุ

    ๐ถ้าปีใดดาวพระพุธเข้าเสวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีเขียว                ๑๗       กัอน

       ๒.ธงผ้าสีเขียว                      ๑๗       ผีน

       ๓.ดอกไม้สีเขียว                    ๑๗       ดอก

       ๔.ธูป                                    ๑๗       ก้าน

       ๕.เทียน                                ๑๗       เล่ม

       ๖.ข้าวตอก                            ๑๗       กระทง

       ๗.ผลไม้                               ๑๗       ผล

       ๘.ใบขนุน                             ๑๗       ใบ

       ๙.พระประจำวันพุธ                ๑          องค์

             คาถาบูชาดาวพระพุธ

    ๐สัพเพ  พุทธา  ลาภัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  โย  เขโม

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  วุธะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๑๗  จบ   ๑๗  วัน

             ดาวพระพฤหัสบดีเข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระพฤหัสบดีเข้าสเวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีเหลือง                  ๑๙       ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีเหลือง                         ๑๙       ผืน

       ๓.ดอกไม้สีเหลือง                       ๑๙       ดอก

       ๔.ธูป                                         ๑๙       ก้าน

       ๕.เทียน                                     ๑๙       เล่ม

       ๖.ข้าวตอก                                 ๑๙       กระทง

       ๗.ผลไม้                                    ๑๙       ผล

       ๘.ยอดกล้วย                              ๑๙       ยอด

       ๙.พระประจำวันพฤหัสบดี           ๑          องค์

              คาถาบูชาดาวพระพฤหัสบดี

    ๐สัพเพ  พุทธา  พะลัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  พะลัง

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  ชีวะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๑๙  จบ   ๑๙  วัน

             ดาวพระศุกร์เข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระศุกร์เข้าเสวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์                         ๒๑       ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน      ๒๑        ผิน

       ๓.ดอกไม้สีน้ำเงิน                 ๒๑       ดอก

       ๔.ธูป                                   ๒๑       ก้าน

       ๕.เทียน                               ๒๑       เล่ม

       ๖.ข้าวตอก                           ๒๑       กระทง

       ๗.ผลไม้                              ๒๑        ผล

       ๘.ใบเงินและใบทอง      อย่างละ     ๒๑    ใบ

       ๙.พระประจำวันศุกร์              ๑      องค์

                คาถาบูชาดาวพระศุกร์

    ๐สัพเพ  พุทธา  สิริปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยา  สิริ

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  สุกกะรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๒๑  จบ   ๒๑  วัน

             ดาวพระเสาร์เข้าเสวยอายุ

    ๐ดาวพระเสาร์เข้าเสวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีดำ              ๑๐       ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีดำ                    ๑๐       ผืน

       ๓.ดอกไม้สีดำ                  ๑๐       ดอก

       ๔.ธูปสีดำ                        ๑๐       ก้าน

       ๕.เทียนสีดำ                    ๑๐       เล่ม

       ๖.ข้าวตอกดำ                  ๑๐       กระทง

       ๗.ผลไม้สีดำ                   ๑๐       ผล

       ๘.ใบมะตูม                      ๑๐       ใบ

       ๙.พระประจำวันเสาร์        ๑         องค์

               คาถาบูชาดาวพระเสาร์

    ๐สัพเพ  พุทธา  เตชัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  เตชัง

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  โสระรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๑๐  จบ   ๑๐  วัน

              ดาวพระราหูเข้าเสวยอายุ

   

         https://www.youtube.com/watch?v=FkWz2_ihcgk    

    ๐ดาวพระราหูเข้าเสวยอายุ  ให้แต่งเครื่องบูชาดังนี้

       ๑.ข้าวบิณฑ์สีดำ                ๑๒       ก้อน

       ๒.ธงผ้าสีดำ                      ๑๒       ผืน

       ๓.ดอกไม้สีดำ                    ๑๒       ดอก

       ๔.ธูปสีดำ                          ๑๒       ก้าน

       ๕.เทียนสีดำ                      ๑๒       เล่ม

       ๖.ข้าวตอกสีดำ                  ๑๒       กระทง

       ๗.ผลไม้สีดำ                     ๑๒       ผล

       ๘.ใบนาก                          ๑๒       ใบ

                คาถาบูชาดาวพระราหู

    ๐สัพเพ  พุทธา  โมกขัปปัตตา  ปัจเจกานัญจะ  ยัง  โมกขัง

อะระหันตานัญจะ  เตเชนะ  ราหูรักขัง  พันธามิ  สัพพะโส ฯ

    ๐ให้สวดบูชาวันละ  ๑๒  จบ   ๑๒  วัน

    ๐เมื่อทำการบูชาดาวพระราหูเข้าเสวยอายุเสร็จแล้ว  ให้จัดแต่งเครื่องสังเวยดาวพระราหูด้วยเครื่องสังเวย  ๘  อย่างดังต่อไปนี้

       ๑.ไก่ดำ              ๑       ตัว  ที่ต้มสุกแล้ว

       ๒.เหล้าดำ          ๑       ขวดเล็ก

       ๓.กาแฟดำ         ๑       แก้ว

       ๔.เฉาก๊วยดำ      ๑       แก้ว

       ๕.ถั่วดำ              ๑       ถ้วยเล็ก   ที่ต้มสุกแล้ว

       ๖.ข้าวเหนียวดำ  ๑       ถ้วยเล็ก  ที่นึ่งสุกแล้ว

       ๗.ขนมเปียกปูนดำ      ๘    ชิ้น

       ๘.ไข่เยี่ยวม้าดำ           ๘    ใบ

    ๐วิธีปฏิบัติให้เอาเครื่องสังเวยเหล่านี้ใส่ถาด  ตั้งไว้ตรงหน้ารูปภาพพระราหูในที่กลางแจ้ง  จุดธูปดำ ๘ ดอก และเทียนดำ ๒ เล่ม  แล้วกล่าวคำถวายเครื่องสังเวยพระราหู ๑๒  จบ ด้วยคาถานี้ว่า
    ๐นะโมเม พระราหูเทวานัง ธูปะทีปะ         จะปุปผัง สักการะวันทะนัง สูปะพะยัญชะนะ
 สัมปันนัง โภชะนานัง                                สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง
 อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา              หิตายะ สุขายะ พระราหูเทวา
 มะหิทธิกา เตปิ อัมเห  อะนุรักขันตุ             อาโรคะเยนะ สุเขมะจะ  ฯ

         ตัวอย่างการกล่าวคำถวายเครื่องสังเวย

    ๐ข้าพเจ้านายชัยพร   รักไทย   ได้จัดแต่งเครื่องสังเวยพระราหูด้วยเครื่องสังเวย ๘ อย่าง เพื่อถวายพระราหู  ด้วยในปีนี้ ชะตาชีวิตของข้าพเจ้ามีพระราหูเข้าเสวยอายุ  จึงทำให้ตัวข้าพเจ้ามีเคราะห์เข็ญและความเดือดร้อนต่างๆ  เมื่อพระราหูรับเครื่องสังเวยนี้แล้วขอจงช่วยปัดเป่าเคราะห์เข็ญและความเดือดร้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าให้เสื่อมสูญสิ้นหายไป  ณะ  กาลบัดนี้ด้วยเถิด ฯ

              อธิบายวิธีการแต่งเครื่องบูชา

       ๑.กระทงสี่เหลี่ยม กว้าง  ๑  ศอก   ยาว  ๑   ศอก   ทำด้วยกาบกล้วย  ๑  กระทง

                   กระทงขนาดใหญ่

          

      ๐กระทงกาบกล้วยให้ทำกว้าง ๑ ศอก  ยาว  ๑  ศอก  ต้องเป็นศอกของผู้มีเคราะห์  ผู้มีเคราะห์เกิดวันอะไรก็ให้แบ่งออกเป็นห้องๆตามกำลังวันเกิดของคนนั้น   เช่น:-

         -คนเกิดวันอาทิตย์ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๖  ห้อง   (โปรดดูห้องกระทงข้างบน)

         -คนเกิดวันจันทร์  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๑๕  ห้อง

         -คนเกิดวันอังคาร  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๘  ห้อง

         -คนเกิดวันพุธ  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๑๗  ห้อง

         -คนเกิดวันพฤหัสบดี  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๑๙  ห้อง

         -คนเกิดวันศุกร์  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๒๑  ห้อง

         -คนเกิดวันเสาร์  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๑๐  ห้อง

         -คนเกิดวันพุธกลางคืน  ให้แบ่งกระทงออกเป็น  ๑๒  ห้อง   

       ๒.กระทงเล็กที่ทำด้วยใบกล้วย  ขนาดประมาณ  ๓  นิ้ว 

                       กระทงขนาดเล็ก

           

       ๐กระทงทั้งหลายเหล่านี้สำหรับใส่ข้าวตอก

    ๓.ข้าวบิณฑ์  คือข้าวที่นึ่งสุกดีแล้วแต่ห้ามชัก  ให้ตักเอายอดข้าวนึ่งมาทำเลย  เมื่อได้ข้าวนึ่งที่สุกแล้วก็ให้เอามาปั้นเป็นก้อนกลมๆโตเท่ากับหัวนิ้วโป้งแล้วเอาไปยอมสีตามสีของวันเกิด ถ้าไม่มีข้าวเหนียวจะใช้ข้าวจ้าวทำก็ได้แต่ต้องปั้นให้เป็นก้อนกลมๆเหมือนข้าวพันก้อนในงานบุญพระเวสสันดร   เช่น:-

        -วันอาทิตย์ย้อมสีแดง       จำนวน   ๖   ก้อน

        -วันจันทร์สีขาวอยู่แล้วไม่ต้องย้อม       จำนวน   ๑๕   ก้อน

        -วันอังคารย้อมสีชมพู       จำนวน   ๘   ก้อน

        -วันพุธย้อมสีเขียว       จำนวน   ๑๗   ก้อน

        -วันพฤหัสบดีย้อมสีเหลือง        จำนวน   ๑๙   ก้อน

        -วันศุกร์ย้อมสีน้ำเงินหรือสีฟ้า       จำนวน   ๒๑   ก้อน

        -วันเสาร์  ย้อมเป็นสีดำ     จำนวน   ๑๐   ก้อน

        -วันราหู หรือ วัพุธกลางคืน  ย้อมเป็นสีดำ     จำนวน   ๑๒   ก้อน

    ๔.ธงผ้า   หมายถึงการตัดเอาผ้าผืนเล็กๆ  กว้าง  ๑  นิ้ว   ยาว  ๒  นิ้ว  ตัดให้เป็นรูปธงสามเหลี่ยม  เช่น:-

         

    -วันอาทิตย์สีแดง               ๖        ผืน

    -วันจันทร์สีขาว                  ๑๕     ผืน

    -วันอังคารสีชมพู               ๘        ผืน

    -วันพุธสีเขียว                    ๑๗     ผืน

    -วันพฤหัสบดีสีเหลือง        ๑๙     ผืน

    -วันศุกร์สีน้ำเงินหรือสีฟ้า   ๒๑      ผืน

    -วันเสาร์สีดำ                     ๑๐      ผืน

    -วันราหูสีดำ                      ๑๒      ผืน

    -ต่อจากนั้นให้เอาไม้ไผ่มาผ่าออกเป็นชิ้นเล็กๆ ยาวประมาณ ๑ ฟุต ด้านหนึ่งใช้มีดผ่าตรงกลางเพื่อจะคีบธงเอาไว้ อีกด้านหนึ่งให้เอามีดแหลมปลายไม้ให้เรียวๆ เพื่อจะได้เสียบลงไปที่กระทงอย่างง่ายๆ  เสร็จแล้วให้เอาไปเสียบที่กระทงให้ตรงกับห้องของแต่ละห้อง

    ๕.ข้าวตอก   คือการนำเอาข้าวเปลือกไปคั่วจนข้าวเปลือกแตกออกเป็นดอกสีขาว  เสร็จแล้วให้เอาไปใส่ในกระทงเล็ก   เช่น:-

      

        -วันอาทิตย์          ๖        กระทง

        -วันจันทร์            ๑๕      กระทง

        -วันอังคาร           ๘        กระทง

        -วันพุธ                ๑๗     กระทง

        -วันพฤหัสบดี       ๑๙     กระทง

        -วันศุกร์               ๒๑     กระทง

        -วันเสาร์              ๑๐      กระทง

        -วันราหู               ๑๒      กระทง

    ๖.วันพฤหัสบดีมียอดกล้วยด้วย  ให้ตัดเอาตรงปลายของยอดกล้วย ยาวเท่ากับนิ้วกลาง ให้ตัดเอาตามกำลังวันคือ  ๑๙  ยอด

    ๗.วันจันทร์มีใบบัวด้วย  ๑๕  ใบ  ให้เลือกเอาใบเล็กๆอย่าเอาใบใหญ่  บัวอะไรก็ได้

    ๘.วันเสาร์และวันราหู  ใช้ดอกไม้สีดำ  ถ้าไม่มีดอกไม้สีดำให้ใช้ดอกอัญชันแทน วันเสาร์ให้เอา ๑๐ ดอก  วันราหูให้เอา ๑๒ ดอก

    ๙.พระประจำวันเกิดองค์เล็กๆ  ๑  องค์   ดูในรูปข้างล่าง

      

    ๑๐.เครื่องบูชาที่เตรียมเอาไว้ทั้งหมด  ให้นำเอาไปใส่ลงในห้องของกระทงของแต่ละห้องให้ครบตามกำลังของวันเกิด

       สิ่งที่จะต้องเตรียมในการทำน้ำมนต์

    ๑.มะกรูดเผาไฟ      ๑     ลูก

    ๒.ขมิ้น                   ๗     แว่น

    ๓.ส้มป่อย               ๗     ข้อ

    ๔.น้ำ                      ๑      ถัง

       -ถ้าเจ็บป่วยให้เพิ่มใบหนาด  ๗  ใบ

                    เรื่องของน้ำมนต์

    

      https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1638218

   น้ำมนต์   คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เสกขึ้นด้วยอำนาจของเวทย์มนต์คาถา  โดยใช้สมาธิจิตเข้าช่วย  น้ำมนต์แบ่งออกเป็น  ๓  ชนิด   คือ:-

    ๑.น้ำมนต์ที่เสกขึ้นด้วยอำนาจของเวทย์มนต์คาถา

    ๒.น้ำมนต์ที่เกิดขึ้นจากการอธิษฐานจิต

    ๓.น้ำมนต์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

         น้ำมนต์ที่เสกขึ้นด้วยอำนาจของเวทย์มนต์คาถา

    น้ำมนต์ที่เสกขึ้นด้วยอำนาจของเวทย์มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์  และมีอานุภาพมากจนทำให้น้ำเดือดเหมือนน้ำต้มด้วยไฟอันร้อนแรงมีอยู่หลายแห่ง    เช่น:-

    ๑.พระครูศิลาภิรัตน์ (หมี)    อดีดเจ้าอาวาส วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  ต.ธาตุพนม   อ.ธาตุพนม   จ.นครพนม  ท่านสามารถเสกน้ำธรรมดาที่ญาติโยมนำมาให้ท่านทำน้ำมนต์ให้เดือดเหมือนน้ำต้มเลยทีเดียว  แสดงให้เห็นว่าผู้เสกมีสมาธิจิตอยู่ในขั้นสูงมาก

        

               จงคลิกดูน้ำมนต์กำลังเดือด

        https://www.youtube.com/watch?v=Qcv-DeLDoV0

    ๒.หลวงพ่อโบ    วัดโคกหิรัญ   จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

        ท่านก็สามารถเสกน้ำมนต์ให้เดือดได้

    ๓.หลวงปู่ทิม     วัดละหารไร่   จังหวัดระยอง

       ท่านก็สามารถเสกน้ำมนต์ให้เดือดได้เหมือนกัน

        น้ำมนต์ที่เกิดขึ้นจากการอธิษฐานจิต

    ผู้อธิษฐานจิตให้น้ำธรรมดากลายเป็นน้ำมนต์อันศักดิ์ได้คือ  หลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอม  ต.สามพราน  อ.สามพราน  จ.นครปฐม 

    วันหนึ่งหลวงพ่อกำลังจะขึ้นรถไปฉันเพลข้างนอก  ในขณะนั้นได้มีตาแป๊ะคนหนึ่ง  หิ้วถังน้ำมาให้หลวงพ่อทำน้ำมนต์ให้  หลวงพ่อท่านเพ่งสายตาลงไปที่ถังน้ำมนต์เพียงครู่เดียวแล้วพูดกับตาแป๊ะว่า "น้ำมนต์ทำเสร็จแล้วเอากลับไปให้ลูกชายอาบเถอะ"  ตาแป๊ะแก่ก็หิ้วถังกลับไปด้วยความไม่พอใจ  และแก่ก็บ่นว่า "น้ำนี้เราตักเอามาจากบ้าน  หลวงพ่อยังไม่ได้เสกคาถาอะไรเลย กลับมาพูดว่าน้ำมนต์ทำเสร็จแล้ว" เราไม่เชื่อเลย  เดี๋ยวเดินไปได้ครึ่งทางเราจะเททิ้ง  พอแก่เดินกลับมาได้ครึ่งทางแก่ก็เทน้ำในถังทิ้ง  แต่ปรากฏว่าเทเท่าไหร่น้ำก็ไม่ออกจากถัง  เมื่อปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้  ตาแป๊ะก็คุกเข่าลงแล้วหันหน้าไปทางวัดดอนยายหอมไหว้หลวงพ่อเงินประหลกๆๆ  ด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก

        น้ำมนต์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    น้ำมนต์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ข้าพเจ้าจะยกมาให้ดูเพียง  ๒  แห่ง   คือ:-

      ๑.น้ำมนต์ที่เกิดจากเศียรของหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์   พระพุทธรูปองค์นี้อยู่ที่ วัดตูม  ต.วัดตูม  อ.พระนครศรีอยุธยา  จ.พระนครศรีอยุธยา   เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสร้างในสมัยโบราณ

           

   พระพุทธรูปองค์นี้ หน้าตักกว้าง  ๘๗  ซ.ม.  สูง  ๑๕๐  ซ.ม.  ทีเกศบนสุดเปิดได้   เมื่อเปิดออกมาแล้วจะมีบ่อน้ำเล็กๆ  กว้างลึกลงไปเกือบถึงพระศอ  ในบ่อนี้จะมีน้ำไหลซึมออกมาอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับหยาดเหงื่อ  เป็นน้ำที่ใสเย็นบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน  สามารถดื่มกินได้และยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ดีอีกด้วย  แม้แต่โรคบ้าก็เคยหายขอให้ศรัทธาจริงๆก็แล้วกัน

    อนึ่งน้ำมนต์ในเกศของหลวงปู่ทองสุขสัมฤทธิ์นี้ไม่มีวันแห้งเลย  ถึงแห้งไปแล้วไม่นานก็จะไหลซึมออกมาใหม่  ไม่รู้ว่าน้ำมนต์นี้มาจากไหน  ขอเชิญผู้สนใจไปพิสูจน์ได้ตลอดเวลา

    ๒.น้ำมนต์เกิดจากภูเขาในป่าลึก

       

    น้ำที่ไหลออกมาจากช่องของรูปโยนีนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ใครได้น้ำในบ่อนี้มาอาบโรคผิวหนังทุกชนิดจะหายไปและรอยจุดด่างดำที่ผิวหนังก็จะหายไปด้วย  ถ้าใช้ทาทีผมจะทำให้ผมดกดำหนาขึ้นเรื่อยๆ จนดำสนิทไม่มีเส้นขาวเลย  ใครได้อาบน้ำจากบ่อนี้ทุกวันจะทำให้ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เหี่ยวย่นก็จะเต่งตึงขึ้นมาสามารถทำให้เพื่อนจำเราไม่ได้   

   ข้าพเจ้าได้รับปากว่าจะไม่บอกใครว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ไหน เพราะกลัวคนจำนวนมากจะแห่ไปชมทำให้สถานที่แห่งนี้สกปรกและทำลายระบบนิเวศอันสวยงามของสถานที่แห่งนี้ให้เสียไป

              น้ำที่นำมาใช้ทำน้ำมนต์

    ๐น้ำที่ควรนำมาทำน้ำมนต์มีอยู่  ๔  ชนิด    คือ:-

       ๑.น้ำตัวผู้

       ๒.น้ำตัวเมีย

       ๓.น้ำนะปุง

       ๔.น้ำฝน

                  น้ำตัวผู้

    น้ำตัวผู้    คือน้ำที่อยู่ในลำธารหรือน้ำที่อยู่ในลำคลอง  ถ้าใครอยากให้เกิดเป็นศิริมงคลและโชคลาภแก่ตนเอง  ให้ไปเอาน้ำตัวผู้มาทำน้ำมนต์

                  น้ำตัวเมีย

    น้ำตัวเมีย    คือน้ำที่มีคำว่า "แม่" นำหน้า    เช่น   แม่น้ำโขง    แม่น้ำเจ้าพระยา    แม่น้ำเลย    แม่น้ำฮวย  เป็นต้น   ถ้าใครอยากอยู่ดีมีสุขและเทวดาคุ้มครองรักษา  ให้ไปเอาน้ำตัวเมียมาทำน้ำมนต์

                  น้ำนะปุง

    น้ำนะปุง    คือน้ำที่อยู่ในบ่อในหนองหรือในสระ   ถ้าใครต้องการให้ตนเองปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  และมีความเจริญในหน้าที่การงาน  ให้ไปเอาน้ำในบ่อในหนองหรือในสระมาทำน้ำมนต์

                 น้ำฝน

    น้ำฝน    คือน้ำที่ตกลงมาจากฟ้า   ถ้าใครต้องการให้ตนเองมีสุขภาพดีมีสุข   ให้เอาน้ำฝนมาทำน้ำมนต์

                      วิธีดูกาลโยคประจำปี

     

    ๐การดูกาลโยคประจำปีจะทำให้เรารู้ว่า "ปีนี้ดวงจะดีหรือไม่"   พอขึ้นปีใหม่  วันที่   ๑  มกราคม  ให้เริ่มเช็คเลย  วิธีเช็คมีดังนี้

       ๑.ให้เอาเลขจุลศักราชของปีนั้นเป็นตัวตั้ง

           -เลขของจุลศักราชให้ดูในปฏิทิน  ๑๐๐  ปี  หรือในปฏิทิน  ๑๕๐  ปี    เลขของจุลศักราชจะอยู่ด้านบนสุดของปฏิทิน ๑๐๐ ปี หรือ ๑๕๐ ปี  คือจะอยู่ด้านหลัง  ร.ศ.  และมีอักษรย่อว่า "จ.ศ."  ให้เอาเลขของ จ.ศ. นี้แหละเป็นตัวตั้ง

       ๒.ให้เอาเลข ๗ มาหารเลขของจุลศักราช  เหลือเศษเท่าไหร่ให้เอาไปไล่ตามภพต่างๆ  การทำนายโดยวิธีกาลโยคนี้ แบ่งออกเป็น  ๗  ภพ   คือ:-

          ๑.ภพโลกาวินาศ

          ๒.ภพอุบาทว์

          ๓.ภพหลักทรัพย์    

          ๔.ภพมรณะ    

          ๕.ภพอธิบดี    

          ๖.ภพราชาโชค    

          ๗.ภพธงไชย

            ตัวอย่างเช่น  ปีนี้เป็นปี  พ.ศ.๒๕๖๑  เมื่อเปิดดูในปฏิทิน  ๑๕๐  ปี แล้ว  เลขของ จ.ศ.ในปีนี้คือ  1380    ให้เอาเลข  1380  ตั้ง   หารด้วย  7  ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาดังนี้

              7 % 1380    = 1      1  คือเลขที่หารได้เศษน้อยที่สุด     ให้เอาเลข 1  ไปไล่ตามหลักของกาลโยคดังนี้

              1       เป็น       โลกาวินาศ

              2       เป็น       อุบาทว์

              3       เป็น       หลักทรัพย์

              4       เป็น       มรณะ

              5       เป็น       อธิบดี

              6       เป็น       ราชาโชค

              7       เป็น       ธงไชย

      ๐ข้อควรจำ

         การหารเลขต้องหารให้ได้จำนวนน้อยที่สุดจนกว่าจะหารไปไม่ได้ จึงจะถือเป็นเลขเศษ

     ๐ข้อสังเกต

        ๑.ได้เลขเศษตัวไหนให้เอาตัวเศษนั้นตั้งขึ้นก่อน  เช่น ถ้าได้เศษ  7  ก็ให้ไล่เริ่มตั้แต่เลข 7 ไป   เช่น:-

    โลกาวินาศ       อุบาทว์       หลักทรัพย์       มรณะ       อธิบดี       ราชาโชค     ธงไชย

          7                    1               2                   3              4                 5              6

     ปี  ๒๕๖๑ นี้  วันเกิดของท่านไปตกลงที่ภพไหนให้ดูเอาเอง

        ๒.เวลาไล่เลขโปรดสังเกตให้ดี  ถ้าเราไล่ไปถึงเลข 7  ตรงไหนก็ให้เริ่มจากเลข 1  ใหม่   เช่น :-

          -เศษหนึ่งให้ไล่อย่างนี้  1     2     3     4     5     6     7

          -เศษสองให้ไล่อย่างนี้  2     3     4     5     6     7     1

          -เศษสามให้ไล่อย่างนี้  3     4     5     6     7     1     2

          -เศษสี่ให้ไล่อย่างนี้      4     5     6     7     1     2     3

          -เศษห้าให้ไล่อย่างนี้    5     6     7     1     2     3     4

          -เศษหกให้ไล่อย่างนี้   6     7     1     2     3     4     5

          -เศษเจ็ดให้ไล่อย่างนี้  7     1     2     3     4     5     6

        ๓.ถ้าเลขเศษเป็นเลข  0  (ศูนย์)  ให้ถือเอาเป็นเศษ  7  เสมอ

           -เศษศูนย์ให้ไล่อย่างนี้   7     1     2     3     4     5     6

                 ความหมายของเลข

    ๐เลข  1    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันอาทิตย์

    ๐เลข  2    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันจันทร์

    ๐เลข  3    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันอังคาร

    ๐เลข  4    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันพุธ

    ๐เลข  5    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันพฤหัสบดี

    ๐เลข  6    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันศุกร์

    ๐เลข  7    เป็นเลขของคนที่เกิด  วันเสาร์

     -คนเกิดวันอาทิตย์ให้ดูว่า เลข ๑  ไปตกลงที่ภพไหน  ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น

     -คนเกิดวันจันทร์ให้ดูว่า เลข ๒  ไปตกลงที่ภพไหน   ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น

     -คนเกิดวันอังคารให้ดูว่า เลข ๓  ไปตกลงที่ภพไหน   ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น

     -คนเกิดวันพุธให้ดูว่า  เลข ๔  ไปตกลงที่ภพไหน   ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น

     -คนเกิดวันพฤหัสบดีให้ดูว่า  เลข ๕   ไปตกลงที่ภพไหน   ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น

     -คนเกิดวันศุกร์ให้ดูว่า  เลข ๖   ไปตกลงที่ภพไหน   ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น

     -คนเกิดวันเสาร์ให้ดูว่า  เลข ๗   ไปตกลงที่ภพไหน   ก็ให้ดูคำทำนายตามภพนั้น 

    ต่อไปนี้เป็นคำทำนายตามที่เลขเศษไปตก

     ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่ ภพโลกาวินาศ   ปีนั้น จะเกิดความลำบากยากแค้น จะเจ็บไข้ได้ป่วย  จิตใจจะสับสนยุ่งยากวุ่นวายและแปรปรวนไม่มีความสุข  ห้ามสร้างบ้านใหม่  ขึ้นบ้านใหม่   แต่งงาน   เปิดร้าน   ออกรถ   และการร่วมลงทุนกับผู้อื่นเดี๋ยวจะถูกโกง

    ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่  ภพอุบาทว์   ปีนั้น โรคภัยไข้เจ็บจะเบียดเบียน  เวลามีคนมาชักชวนเรื่องโชคลาภและผลประโยชน์ที่จะได้รับ   โปรดพิจารณาดูให้ดีๆ เสียก่อนอย่าเอาความโลภขึันหน้าเดี๋ยวจะโดนหลอก   ปีนี้ถ้าย้ายที่อยู่ใหม่คงจะดี  อยู่ที่เดิมไม่ดีจะมีเคราะห์  แต่ถ้าย้ายไปอยู่ในถิ่นไกลไม่ได้ ก็ให้ย้ายที่นอนและให้เปลี่ยนทิศนอนใหม่

    ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่  ภพหลักทรัพย์  ปีนั้น จะมีความสุขมาก ทรัพย์สินเงินทองก็จะเพิ่มพูน จะมีโชคลาภทางการเงิน  ทำอะไรก็สมปราถนา  แต่ถ้าไปค้ายาเสพติดของผิดกฏหมาย  หรือไปหลอกลวงฉ้อโกงผู้อื่นจะไม่สำเร็จ  ถึงสำเร็จก็จะเกิดความวิบัติล่มจมในภายหลัง   จะสร้างบ้านปลูกเรือน  แต่งงาน  ขึ้นบ้านใหม่  ออกรถออกเรือ  เปิดร้าน  ลงทุนให้รีบทำจะมีโชค

    ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่  ภพมรณะ  ปีนั้น โปรดระวังให้ดีเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ  โรคภัยไข้เจ็บจะรุกเร้าหนักแทบจะเลี้ยงไม่โต  ถ้าป่วยไข้ให้รีบไปรักษาอย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาดเดี๋ยวโรคจะกำเริบหนักจนเอาไม่อยู่  ถ้าจะลงทุนร่วมหุ้นกับใครในปีนี้ให้งดเดี๋ยวจะหมดตัว

    ถ้าเดินทางไปไหนมาไหนโปรดระวังเรื่องอุบัติเหตุ   ถ้าใครเอาโครงการณ์ดีๆ มาเสนอโปรดระมัดระวัง อย่าไปเออออห่อมกกับเขาเดี๋ยวจะนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า  ปีนี้ให้ทำบุญไหว้พระสวดมนต์เป็นดีที่สุด จะทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้นและยังสามารถลดเคราะห์กรรมต่างๆให้ผ่อนหนักให้เป็นเบาลงไปได้บ้าง

    ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่  ภพอธิบดี   ปีนั้น จะมีชื่อเสียงลือชาปรากฏจะได้เป็นใหญ่เป็นโต  จะมีข้าทาสบริวารมาก ทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จเป็นส่วนมาก  ตำแหน่งหน้าที่การงานที่กระทำอยู่ก็จะเจริญก้าวหน้า

    ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่  ภพราชาโชค  ปีนั้น จะมีโชคลาภก้อนใหญ่ จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ คิดจะสร้างบ้านแปลงเมืองก็จะสำเร็จ   ปีนี้ถ้าอาสาเจ้านายจะเป็นผลดีจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี   ปีนี้คนที่เป็นข้าราชการและคนที่มีอาชีพเป็นช่างจะเจริญรุ่งเรืองมาก  แต่อย่าใช้อำนาจและหน้าที่ไปในทางที่ผิดจะเป็นผลร้ายในภายหลัง   ให้คิดอยู่เสมอว่า "คนที่ทำไม่ดี วันหนึ่งจะต้องถูกกรรมลงโทษอย่างแน่นอน"

    ๐ถ้าปีใดเลขเศษไปตกลงที่  ภพธงไชย  ปีนั้น จะสมบูรณ์ด้วยยศศักดิ์และทรัพย์สินเงินทอง  คิดทำอะไรก็จะสมปราถนา  แต่สิ่งที่ทำนั้นอย่าให้ผิดกฏหมายและศีลธรรมอันดีงาม 

เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเดือดร้อนฉิบหายในภายหลัง  ถ้าทำงานกินเงินเดือนก็จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง  ถ้าเป็นกรรมกรชาวไร่ชาวนา  พืชพันธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์  จะขายได้กำไรงาม ฯ

                ประโยชน์ของการดูกาลโยคประจำปี

    ๑.ใช้ประกอบกับการดูเลข  ๗  ตัว  จะทำให้การทำนายทายทักได้แม่นยำมากขึ้น

    ๒.ใช้ทำนายเลขพื้นเพเดิมของบุคคลว่าปีนั้นเลขวันเกิดของเขาตกภพอะไรดีหรือไม่ดี  ในปีนั้น

    ๓.ใช้ตรวจดูวันดีวันร้ายในรอบปี

    ๔.ใช้ประกอบในการดูดวงดาวที่เข้าเสวยอายุ  จะทำให้การทำนายทายทักได้แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ  ถ้าปีใดดาวเข้าเสวยอายุดี  เลขวันเกิดในกาลโยคประจำปีดี  ให้ฟันธงได้เลยว่า "ผู้นั้นจะโชคดีมีลาภลอย  อยู่เฉยๆก็จะมีคนนำโชคลาภมาให้  ตำแหน่งหน้าที่การงานที่กระทำอยู่ก็จะเจริญก้าวหน้าอย่างน่าพิศวง  ไปติดต่อทำมาค้าขายอะไรก็จะได้ผลดีมีกำไรงาม และจะเป็นที่นิยมชมชอบของคู่เจรจาไม่ว่าหญิงหรือชาย

                          สีประจำวันเกิด

   

    ๐สีประจำวันเกิดใช้ประกอบในการทาสีบ้าน   สีเสื้อผ้า   สีเครื่องประดับ    สีรถยนต์   สีห้องนอน  ฯลฯ

       -วันอาทิตย์    สีแดง, สีทอง, สีบรอนซ์ทอง, สีอรุณ, และสีผสมที่อยู่ในโทนแดง

       -วันจันทร์      สีขาว, สีขาวนวล, สีขาวดวงจันทร์, สีไข่มุก, สีหิมะ, สีบรอนซ์เงิน, สีเงิน, สีเงินยวง, สีควันบุรี่, สีเพชร, สีกระจก

      -วันอังคาร     สีชมพู, สีเนื้อ, สีน้ำตาล, สีกากี

      -วันพุธ     สีเขียว, สีเขียวใบไม้, สีเขียวหัวเป็ด, สีเขียวมรกต, สีเขียวยอดตอง

      -วันพฤหัสบดี     สีเหลือง, สีส้ม, สีแสด,  สีในโทนเหลือง

      -วันศุกร์     สีฟ้า, สีน้ำเงิน, สีไพลิน

      -วันเสาร์     สีดำ, สีเทา, สีม่วง

      -วันราหู     สีดำมืด, สีสำริด, สีม่วงแก่ 

                       เพชรพลอยประจำวันเกิด

     

      ๐เพื่อให้การประดับตกแต่งร่างกายให้เกิดเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองควรใส่เครื่องประดับให้เป็นศิริมงคลแก่ตัวเองดังนี้

      -วันอาทิตย์         ใช้     พลอยแดง, ทับทิม, พลอยสีเลือดนก

      -วันจันทร์           ใช้     เพชร, ไข่มุก, เพชรตาแมว

      -วันอังคาร          ใช้     เพชรหรือพลอยสีชมพู

      -วันพุธ               ใช้     มรกต, หยกเขียว

      -วันพฤหัสบดี     ใช้     บุษราคัม, พลอยสีเหลือง  สีส้ม  สีแสด

      -วันศุกร์             ใช้     ไพลิน, พลอยสีฟ้า, พลอยสีน้ำเงิน

      -วันเสาร์             ใช้     นิล, เพชรดำ, งาดำ, พลอยสีดำ

      -วันราหู              ใช้     โอปอ, จันทคราส

           คาถาสวดถอดสวดถอน

     

    ๐สุณาตุ  เม  ภันเต  สังโฆ       โย  โส  สังเฆนะ  ติจีวะเรนะ     อะวิปปาวะโส

สะโมหะคะโต  สะโมคะตา  สะโมหะคะติ  สะโมหะนายะ  ตัง  ปะฐะวิง  นะถอด  โมถอน

ทะลายะ  สูญหายะ  (ให้เติมชื่อวันที่ไปสวดลงตรงนี้ เช่นไปสวดวันอาทิตย์ ให้เติมว่า "อาทิตย์นำออก" เป็นต้น)  ทะลายะ  สูญหายะ  ภะมุญจายะ  สังฆัสสะ  ตัสะมา  ตุณหี

เอวะเมตัง  ทะลายะ ฯ

                   การสวดยัด

    เมื่อสวดถอดสวดถอนแล้วเพื่อจะทำให้มันมั่นคงจะต้องสวดยัดปกปิดสิ่งเลวร้ายไม่ให้เข้ามาในที่ตรงนั้นได้อีก

    ๐ยัดถม  ยัดถัง  ยัดตัง  ยัดนัง  ยัดติ             อะริยัด  ยะทินทะขีโล  ปะฐะวิง

สิโต  สิยา  จะตุพภิ  วาเตภิ   อะสัมปะกัมปิโย    ตะถูปะมัง  สัปปุริสัง  วะทามิโย  อะริยัด ฯ

                   คำสวดทิศ

    ๐ปุริมัญจะ  ทิสัง  ราชา                  ธะตะรัฏโฐ  ปะสาสะติ

คันธัพพานัง  อาธิปะติ                        มะหาราชา  ยะสัสสิโส

ปุตตาปิ  ตัสสะ  พะหะโว                     อินทะนามา  มะหัพพะลา

อิทธิมันโต  ชุติมันโต                         วัณณะวันโต  ยะสัสสิโน

โมทะมานา  อะภิกกามุง                    ภิกขูนัง  สะมิติง  วะนัง ฯ

    ๐ทักขิณัญจะ  ทิสัง  ราชา             วิรุฬโห  ตัปปะสาสะติ

กุมภันฑานัง  อาธิปะติ                       มะหาราชา  ยะสัสสิ  โส

ปุตตาปิ  ตัสสะ  พะหะโว                    อินทะนามา  มะหัพพะลา

อิทธิมันโต  ชุติมันโต                         วัณณะวันโต  ยะสัสสิโน

โมทะมานา  อะภิกกามุง                     ภิกขูนัง  สะมิติง  วะนัง ฯ

    ๐ปัญฉิมัญจะ  ทิสัง  ราชา              วิรูปักโข  ปะสาสะติ

นาคานัง  อาธิปะติ                             มะหาราชา  ยะสัสสิ  โส

ปุตตาปิ  ตัสสะ  พะหะโว                    อินทะนามา  มะหัพพะลา

อิทธิมันโต  ชุติมันโต                         วัณณะวันโต  ยะสัสสิโน

โมทะมานา  อะภิกกามุง                     ภิกขูนัง  สะมิติง  วะนัง ฯ

    ๐อุตตะรัญจะ  ทิสัง  ราชา              กุเวโร  ตัปปะสาสะติ

ยักขานัง  อาธิปะติ                             มะหาราชา  ยะสัสสิ  โส

ปุตตาปิ  ตัสสะ  พะหะโว                    อินทะนามา  มะหัพพะลา

อิทธิมันโต  ชุติมันโต                         วัณณะวันโน  ยะสัสสิโน

โมทะมานา  อะภิกกามุง                     ภิกขูนัง  สะมิติง  วะนัง ฯ

             คำอาราธนาเอาพระมาสรงในวันสงกรานต์

    

    ๐พุทธะรูปัง  อาราธนานัง  กะโรมะ        พุทโธ  พุทธานัง  พุทธะตัง

พุทธัญจะ  พุทธะภาสิตัง  พุทธะตัง  สะมะนุปปัตตัง  พุทธะโชตัง  นะมามิหัง

สังกะรานะตะทิวะเส  พุทธะรูปัง  อาจะเมมะ ฯ

    ๐ณ  บัดนี้  ข้าพเจ้าทั้งหลาย  ขออาราธนาเอาซึ่งพระพุทธรูปอันเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า  อันเป็นที่เคารพสักการะของข้าพเจ้าทั้งหลาย  ลงจากพระแท่นอันเป็นที่ประดิษฐานเพื่อทำการรดสรงในวันสงกรานต์  ที่ชาวโลกทั้งหลายเชื่อถือกันว่าเป็นวันแห่ง

ความร่มเย็นเป็นสุข  ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความปราถนาในความร่มเย็นเป็นสุขนั้น  จึงได้นำเอาน้ำอบน้ำหอมมารดสรงพระพุทธรูป  สถูปเจดีย์  ต้นศรีมหาโพธิ์  และพระภิกษุสามเณรภายในวัด  ขอให้การกระทำนี้จงเป็นพลวะปัจจัยทำให้ตัวของข้าพเจ้าทั้งหลายจงถึงซึ่งความสวัสดีมีชัยร่มเย็นเป็นสุข  หายทุกข์หายโศกหายโรคหายภัยตลอดปีใหม่นี้ด้วยเถิด ฯ

              หน้าที่  ๓  จบเพียงเท่านี้

 

    

             

                   

 

          

   

 

 

      

   

   

                                

   

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     

     

 

 

     

                      

     

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด

กรุณาใส่ข้อความ …

Visitors: 142,870