๘.พระพุทธรูปเหล็กไหล
พระพทธรูปเหล็กไหล
หลวงพ่อแสน วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ ฝั่งธนบุรี
หลวงพ่อแสนวัดหงษ์รัตนาราม
Phra Saen Wat Hong Rattanaram Rajawaravihara Bangkok, Thailand.
This seated bronze Buddha image created by Phra Kru Ponsamek
[1631 - 1723] In the ancient Laos Kingdom called Lan Chang.
The width of the knee to knee size is 65 CM.
แปลเป็นไทย
๐พระแสนวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย.
พระพุทธรูปสำริดองค์นี้สร้างขึ้นโดยพระครูโพนสะเม็ก ในปี [1631 - 1723] ในอาณา จักรลาวโบราณที่เรียกว่าลานช้าง
ความกว้างของหัวเข่าถึงเข่าคือ 65 ซม.
หลวงพ่อองค์แสนได้ถูกอัญเชิญมาจากอาณาจักรล้านช้างพร้อมกับพระแก้วมรกต
พระพุทธรูปเหล็กไหลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
http://amuletatsiam.blogspot.com/2013/07/blog-post.html
๐พระพทธรูปเหล็กไหลองค์นี้สร้างด้วยเหล็กไหลทั้งองค์ โดยหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทธศวรรค์ จ.พระนครศรีอยุธยา
๐วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาทางด้านทิศใต้ ปัจจุบันมีอาณาเขตเนื้อที่ ๔๖ ไร่ ๒ งาน ๔๖ ตารางวา
พระเหล็กไหลหลวงพ่อหวน วัดพุทไธศวรรค์
เหล็กไหลสีปีกแมลงทับ
พระเหล็กไหลสีปีกแมลงทับ
เหล็กไหลสีทองปลาไหล
เหล็กไหลสีท้องปลาไหล
พระเหล็กไหลสีทองคำ
นี่คือโคตรเหล็กไหล
๐พระพุทธเหล็กไหล ๓ สี ๓ วรรณะ (ระดับสภาวะภพขั้นสูงสุดของบรรดาเหล็กไหล ต้องเป็น "ผู้มีบุญญาธิการบารมี" และต้องมี "กรรมเก่าเกี่ยวกัน" จริงๆๆ จึงจะได้เป็นผู้ครอบครอง พลิกดวงชะตา เรียกโชคลาภ วาสนาชั้นสูง เพิ่มฤทธิ์เดช อำนาจบารมี เมตตาแรงมากๆๆๆ
(และมีรายการแนะนำที่น่าสนใจอีกหลายรายการให้เลือกชม คลิ๊กที่นี้ได้เลยครับ)
http://www1.g-pra.com/webboard/show.php?Category=sale%20&No=107995 หรือ
http://chanan.tarad.com
๐เหล็กไหล เป็น "ธาตุกายสิทธิ์" บริสุทธิ์ ชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ได้รับการอธิษฐานบรรจุคุณ บรรจุฤทธิ์ โดย "มหาเทพฤาษี" ผู้ทรงฌาณชั้นสูง โดยจัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มี "รังสี" หรือ "พลังปราณ" ที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตราย อันเกิดจาก "อาวุธปืน" หรือ "ของมีคม" และ "ศาสตราวุธ"
ทุกชนิด "เหล็กไหล" เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะ และ หาได้ยากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมาย กว่าจะได้มา ฉะนั้น เหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และ เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตผู้ที่มีเหล็กไหลไว้ในความครอบครองหรือพกพาติดตัว และจะได้รับความคุ้ม
ครองให้ปลอดภัยจาก "อุบัติภัยร้ายแรง" ต่างๆ รวมไปถึง "อาวุธร้ายแรง" นานาชนิด ได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง
ผู้ที่จะทำพิธีตัดเหล็กไหลได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมชั้นสูง และต้องประพฤติปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ไม่มีจิตคิดละโมบ กล่าวคือ จะต้องขออนุญาตจาก "เทพยดา" ผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยทำพิธีตัดเอาได้มิฉะนั้น หากเราขืนตัดเหล็กไหลด้วยกำลัง หมายแย่งชิงเอาโดยพละการ ถือดีในพระเวทย์ก็อาจมีเภทภัยถึงแก่ชีวิต
หรือ เกิดความขัดแย้งในหมู่คณะจนถึงขั้นวิบัติเอาได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นเอง
ซึ่งหลวงพ่อหวล แห่งวัดพุทไธศวรรษ์ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้เล่าเรียนศึกษาวิชา "การเรียกและตัดเหล็กไหล" จากศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ โดยท่านได้อธิฐานจิตขอจากเทพยดา เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขาโดยขออนุญาตตัดเหล็กไหล เพื่อนำเงินมาทำนุบำรุงบูรณะวัดพุทไธศวรรษ์ จำนวน ๓ ครั้ง เหล็กไหลที่หลวงพ่อหวลได้ตัดไว้ มีด้วยกัน ๓ สี ซึ่งแต่ละสีก็แบ่งแยกตามชั้นวรรณะของเหล่าบรรดา "เทพยดา หรือ ฤาษี" ที่ปกปักรักษา ได้แก่
๑.สีจ้าวน้ำเงิน (ขั้นรอง)
๒.สีทองท้องปลาไหล (ขั้นกลาง)
๓.สีเงินยวง (ขั้นสูง)
และรูปแบบของเหล็กไหลที่ท่านตัดไว้มีหลายอย่าง อาทิเช่น แบบพิมพ์พระกริ่ง (นิยมสูงสุด และหายากมากที่สุด!!! โดยเฉพาะพิมพ์พระกริ่งใหญ่ ๓ สี ๓ วรรณะท่านได้รับอนุญาตให้ตัดได้ไม่ถึง ๑๐ องค์), พระพุทธ, แคปซูล, แหวน, กำไล, พระขรรค์ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเหล็กไหลแต่ละพิมพ์นั้น หลวงพ่อหวลจะต้องจัดสร้าง "หุ่นเทียน" ขึ้นมาไว้ก่อน จากนั้นหลวงพ่อท่านจึงนำเข้าไปในถ้ำกลางป่าลึก แล้วเมื่อท่านเจอ "เหล็กไหล" ท่านจึงทำ "พิธีอัญเชิญเหล็กไหล" ให้ ไหลวิ่ง" ลงมาตามด้ายสายสิญจ์ โดยอัญเชิญให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง เพื่อให้เราสามารถที่จะจับต้องเหล็กไหลเป็นรูปธรรมได้ ตามรูปแบบทรงพิมพ์ของหุ่นเทียนที่หลวงพ่อท่านได้ขออนุญาตจัดสร้างเตรียมขึ้นมา
(หุ่นเทียน ๑ อัน จะได้เหล็กไหล มาเพียงแค่ ๑ ชิ้นเท่านั้น)
ซึ่งพิธีในขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พิธีหุงเหล็กไหล" โดยเป็นวิธีการหุงแบบตามธรรมชาติ โดยให้เหล็กไหลวิ่งมาก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเอง ซึ่งในการทำพิธีแต่ละครั้ง (หลวงพ่อท่านทำพิธีขอทั้งหมด ๓ ครั้ง) ต้องใช้ "อำนาจพลังจิต" สูงมาก และเหล็กไหลที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการหุงนานมาก จึงทำให้ในการทำพิธีแต่ละครั้ง
จะได้เหล็กไหลเพียงไม่กี่ชิ้น (โดยในแต่ละขั้นตอนในการทำพิธีนี้ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมใน
"การเรียกและตัดเหล็กไหล" โดยเฉพาะ) ไม่ได้มาทำกันเล่นๆๆ หรือ นำเหล็กมาปั๊ม หรือ นำมาหล่อ เหมือนอย่างพระเครื่องทั่วๆไป ซึ่งทำให้ "ของปลอม" ยากที่จะทำออกมาเลียนแบบได้ ซึ่งปัจจุบันเหล็กไหลของหลวงพ่อหวลนี้หายากมากๆๆ เดินตามสนามพระทั่วไปแล้ว ท่านจะไม่ได้พบเห็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งเหล็กไหลที่นำมาเสนอนี้ เป็น "เหล็กไหล ๓ สี ๓ วรรณะ" พิมพ์พระพุทธ (ลอยองค์) มีลักษณะเด่นสุด คือเนื้อเหล็กไหลของพระพุทธ จะเป็นเนื้อเหล็กไหล ๓ สี ๓ วรรณะ กล่าวคือ มีทั้งสีจ้าวน้ำเงิน สีทองท้องปลาไหล และ สีเงินยวง ผสมเกลื่อนกลืน (โดยสีเงินยวงนี้ยังอยู่ใน "เนื้อใน" ขององค์พระพุทธอีกด้วย)
ซึ่ง "เหล็กไหล ๓ สี ๓ วรรณะ" นี้ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยากมากๆๆๆ (เพราะมีระดับสภาวะ ขั้นสูงสุด ๓๑ ภพภูมิ ทั้งยังมีเทพยดา และ ฤาษี ชั้น "มหาเทพ" และ "มหาฤาษี" ลงมาปกปักรักษามากที่สุด) หลวงพ่อหวลท่านได้รับอนุญาตจาก "เทพยดาผู้รักษาเหล็กไหล" ให้ตัด "พระพุทธเหล็กไหล ๓ สี ๓ วรรณะ" ซึ่งสีวรรณะแต่ละสีจะสวยมัน
เงาเป็นเลื่อม สีเหมือนปีกแมลงทับ แมลงทอง (แต่ไม่ใช่ "เงิน" หรือ "ปรอท" หรือ "สแตนเลส" แต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่เป็น "พระพุทธเหล็กไหลที่มี ๓ สี ๓ วรรณะ" จริงๆๆๆ (ของจริงครับ) ซึ่งจะพบเห็นได้น้อย โดยมากเท่าที่พบเห็น จะเป็นสีใดสีหนึ่งเดี่ยวๆๆๆ ไม่มีหลายสี หลายวรรณะ เหมือนกับเหล็กไหลชิ้นนี้ (ซึ่งหายากมากๆๆๆ ครับ)
http://g-pra.com/webboard/show.php?Category=sale&No=119308
พระพุทธรูปเหล็กไหลสีเงินยวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นี่คือพระพุทธรูปเหล็กไหลสีเงินยวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ประดิษฐานอยู่ที่ วัดคลองท่อม ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่
พระพุทธรูปเหล็กไหลสีเงินยวง
เหล็กไหลสีเงินยวง
กรุณาใส่ข้อความ …